ผู้ศรัทธาต้องน้อมรับคำสั่งอัลลอฮฺและเราะสูล
  จำนวนคนเข้าชม  7995

 

ผู้ศรัทธาต้องน้อมรับคำสั่งอัลลอฮฺและเราะสูล

 

ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

 

          มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุข ความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใด ๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัด เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์

 

อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงประทานอัลกุรอานลงมาเพื่อเป็นแนวทางให้แก่เรา และเพื่อให้เราปฏิบัติตาม  พระองค์ตรัสว่า
 

"พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ ? แต่ว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่” 
 

(มุหัมมัด: 24)

 

         และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามอายะฮฺข้างต้น เราควรที่จะสดับรับฟังอีกหนึ่งอายะฮฺจากอัลกุรอาน เพ่ือที่เราจะได้ใครค่รวญถึงความหมายและข้อคดิของมัน
 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า
 

"สำหรับผู้ศรัทธาชายและผู้ศรัทธาหญิงนั้น เม่ืออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ได้กำหนดกิจการใดแล้ว พวกเขาจะไม่มีทางเลือกในเรื่องของพวกเขา

และผู้ใดไม่เช่ือฟังอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์แล้ว แน่นอนเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง” 
 

(อัลอะหฺซาบ: 36)

 

         อิบนุ กะษีร กล่าวว่า อายะฮฺนี้ครอบคลุมทุก ๆ เรื่อง กล่าวคือ เมื่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ได้บัญญัติหรือ กำหนดสิ่งใดแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขืนหรือแสวงหาทางเลือกอื่นได้ และจะไม่มีความคิดเห็นหรือคำพูดใด ๆ มาตีเสมอเทียบเคียงได้เป็นอันขาด ดังที่ อัลลอฮ์ ตรัส ความว่า

 

“มิใช่เช่นนั้นดอก ข้าขอสาบานด้วยพระเจ้าของเจ้าว่า เขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าพวกเขาจะให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขา

แล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใด ๆ ในจิตใจของพวกเขา จากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินใจ และพวกเขายอมจำนนด้วยดี” 

(อันนิสาอ์: 65)

ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงกำชับว่า

“และผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮ์ และเราะสลูของพระองค์แล้วแน่นอน เขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง” 

(อัล อะหฺซาบ: 36)

และพระองค์ตรัส อีกความว่า

“ดังน้ัน บรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา (มุหัมมัด) จงระวังตัวเถิดว่า เคราะห์กรรมจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา หรือว่าการลงโทษอันเจ็บปวดนั้นจะเกิดขึ้น แก่พวกเขาเช่นกัน”

 (อันนูร: 63)  (ตัฟสีรฺอิบนุกะษีรฺ เล่ม 11 หน้า 170)


ท่าน อบู บัรซะฮฺ อัลอัสละมีย เล่าว่า

         “ญุลัยบีบนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้เล่น และอาจพูดคุยหยอกล้อกับผู้หญิงบ้าง (ดูไม่ค่อยมีเกียรติในสายตาของคนอื่น – ผู้แปล) ฉันจึงกล่าวแก่ภรรยาของฉันว่า อย่าให้ญุลัยบีบเข้ามาในบ้านเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นฉันจะลงโทษอย่างนั้นอย่างนี้ทั้งนี้ ชาวอันศอรฺในสมัยนั้น หากสตรีคนใดไม่มีสามี (ยังไม่ แต่งงานหรือเป็นหม้าย – ผู้แปล) พวกเขาจะไม่ให้นางแต่งงานจนกว่าจะถามท่านนบี เสียก่อนว่าท่านประสงค์จะแต่งงานกับนางหรือไม่ 

ครั้งหนึ่ง ท่านเราะสูล ได้กล่าวแก่ชายชาวอันศอรฺคนหนึ่งว่า ‘ฉันต้องการจะสู่ขอบุตรสาวของท่าน’ 

เขาตอบว่า ‘ถือเป็นเกียรติแก่ฉันอย่างยิ่งเลยครับท่านเราะสูลุลลอฮฺ’

ท่านเราะสูลจึงกล่าวต่อว่า ‘แต่ฉันไม่ได้เป็นผู้ที่จะแต่งงานกับนาง’ 

เขาจึงถาม ท่านว่า ‘แล้วท่านจะสู่ขอนางให้ผู้ใดหรือครับ?’ 

ท่านตอบว่า ‘ให้ญุลัยบีบ’ 

เขาจึงตอบว่า ‘โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอกลับไปปรึกษามารดาของนางเสียก่อน’

เมื่อกลับไปหาภรรยาของเขา เขาก็กล่าวแก่นางว่า ‘ท่านเราะสู ลุลลอฮฺได้สู่ขอลูกสาวของเธอ’ 

นางจึงกล่าวว่า ‘ถือเป็นเกียรติ อย่างยิ่งสาหรับฉัน’ 

เขาจึงบอกนางว่า "ท่านมิได้ต้องการจะแต่งงานเอง แต่จะสู่ขอให้ญุลัยบบี" 

       เมื่อนางทราบเช่นนั้นก็พูดขึ้นซ้า ๆ ว่า ‘จะให้ลูกสาวของเราแต่งงานกับญุลัยบีบนะหรือ ? ! ไม่ มีทาง ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะไม่ให้ลูกสาวของเราแต่งงานกับเขาเป็นอันขาด !’

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เขาก็เตรียมจะลุกขึ้นเพื่อกลับไปแจ้งให้ท่าน เราะสูล ทราบถึงสิ่งที่มารดาของหญิงสาวกล่าว 

แต่ทันใดนั้น บุตรสาวของทั้งสองก็พูดขึ้นว่า ‘ใคร เป็นคนสู่ขอฉันหรือ ?’ มารดาของนางจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้นางฟัง 

นางจึงกล่าวว่า ‘ท่านทั้งสองจะปฏิเสธคำสั่งใช้ของท่านเราะสูล กระนั้นหรือ ? จงทำตามคำสั่งของท่านเถิด เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันอย่างแน่นอน’ 

บิดาของนางจึงกลับไปหาท่านเราะสูล  และตอบตกลงท่านจึงให้นางแต่งงานกับญุลัยบีบหลังจากนั้น ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ก็ออกไปทำสงคราม

เมื่อได้รับชัยชนะแล้วท่านจึงได้ถามบรรดา เศาะหาบะฮฺว่า ‘พวกท่านสูญเสียผู้ใดไปบ้าง?’ 

 

พวกเขาตอบว่า ‘เราได้สูญเสียคนนั้นคนนี้’ 

ท่านจึงถามย้ำอีกครั้งว่า ‘พวกท่าน ลองตรวจดูอีกครั้ง ว่ามีผู้อื่นอีกหรือไม่’ 

พวกเขาตอบว่า ‘ไม่มี แล้วครับ’ 

ท่านจึงกล่าวว่า ‘แต่ฉันเห็นว่าญุลัยบีบได้หายไป พวกท่านจงตามหาเขาในกลุ่มผู้เสียชีวิตเถิด’ 

เมื่อบรรดาเศาะหาบะฮฺ ออกตามหาก็ได้พบเขานอนอยู่ข้าง ๆ อีกเจ็ดศพที่เขาได้สังหาร ไป จนท้ายที่สุดตัวเขาเองก็ถูกสังหาร บรรดาเศาะหาบะฮฺจึง กลับไปแจ้งท่านเราะสูล  

ท่านจึงเดินไปหาเขาและกล่าวว่า ‘เขาได้สังหารเจ็ดคนนี้ จนสุดท้ายตัวเขาก็ถูกสังหาร เขาเป็นผู้ที่อยู่ในแนวทางของฉัน และฉันก็อยู่ในแนวทางของเขา’ สองหรือสามครั้ง 

 

       จากนั้นท่านเราะสูล ก็ได้วางเขาลงบนแขนทั้งสองข้าง ของท่าน และสั่งให้ขุดหลุมศพให้แก่เขา โดยที่ขณะนั้นมีเพียง แขนทั้งสองข้างของท่านเป็นที่นอน จากนั้นท่านจึงวางร่างของเขาลงในหลุมศพ ทั้งนี้ ท่านไม่ได้อาบน้าศพแต่อย่างใดษาบิต กล่าวว่า หลังจากนั้นไม่มีหญิงหม้ายคนใดที่จะร่ำรวยยิ่ง ไปกว่านาง (หมายถึงภรรยาของญุลัยบีบ) อิสหาก บิน อับ ดุลลอฮฺ บิน อบีฏ็อลหะฮฺ ได้กล่าวแก่ษาบิตว่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ท่านเราะสูลดุอาอ์อะไรให้แก่นาง ท่านกล่าวว่า

‘โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงประทานความดีงามทั้งหลายให้แก่นาง และขอให้นางห่างไกลจากการมีชีวิตที่ยากลำบากด้วยเถิด’ 

เขากล่าวว่า ดังนั้น จึงไม่มีหญิงหม้ายคนใดในหมู่ชาวอันศอรฺ ที่จะร่ารวยยิ่งไปกว่านาง”

(บันทึกโดยอะหฺมัดหะดีษ เลขที่19784และมุสลิม หะดีษ เลขที่ 2472)


บทเรียนที่ได้รับจากอายะฮฺน้ีคือ

          ♥ หนึ่ง จำเป็นอย่างย่ิงสำหรับผู้ศรัทธาทุกคน ที่จะต้องน้อมรับและปฏิบัติตามคำส่ังใช้ของอัลลอฮฺ และเราะสูลของพระองค์ ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

       “แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธา เม่ือพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ และเราะสูลของพระองค์ เพ่ือให้ตัดสินระหว่างพวกเขานั้น พวกเขาจะกล่าวว่า เราได้ยินแล้วและเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ และผู้ใด เช่ือฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์และเราะสูลของพระองค์ และเกรงกลัวอัลลอฮฺ และยำเกรงพระองค์แล้ว ดังนั้นชนเหล่าน้ันพวกเขา เป็นผู้ได้รับชัยชนะ”
 

(อันนรู:51-52)

         ♥ สอง บรรดาเศาะหาบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม คือ แบบอย่างที่ดีเยี่ยมในการรีบเร่งปฏิบัติตามคำส่ังของอัลลอฮฺ และเราะสูล ท่านอนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า 

       “ ในสมัยก่อนสุราที่เรารู้จักก็เห็นจะมีแต่สิ่งท่ีพวกท่านเรียกว่า อัลฟะฎีค (เหล้าท่ีได้จากการหมักผลอินทผลัม) นี่แหละ ซ่ึงคร้ังหน่ึงขณะที่ฉันกำลังรินมันให้แก่ อบูฏ็อลหะฮฺ อบูอัยยูบ และเศาะหาบะฮ์ท่านอื่น ๆ ในบ้านของเรา 

ก็มีชายคนหนึ่งมาหา และกล่าวว่า ‘พวกท่านรู้ข่าวหรือยัง?’ 

พวกเราตอบว่า ‘ยัง’ 

เขาจึงกล่าวว่า ‘แท้จริงสุรานั้นได้ถูกบัญญัติให้เป็นสิ่งท่ีหะรอมแล้ว’ 

อบูฏ็อลหะฮฺ จึงกล่าวว่า ‘อนัสเอ๋ย จงเทมันท้ิงเสีย’ โดยไม่มี คำถามใด ๆ จากพวกเขาเลยหลังจากได้รับข่าวจากชายคนดังกล่าว” 

(บันทึกโดย อัลบุคอรยี ์ หะดีษเลขท่ี 4617 มุสลิม หะ ดีษเลขที่ 1980)

และอัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

“คือบรรดาผู้ที่ตอบรับอัลลอฮ์ และเราะสูลหลังจากที่บาดแผลได้ประสบแก่พวกเขา สำหรับบรรดาผู้กระทำดีในหมู่พวกเขาและมีความยำเกรงนั้น คือรางวัลอันใหญ่หลวง” 

(อาลอิมรอน: 172)

ท่านหญิงอาอิชะฮฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวแก่อุรฺวะฮฺ ว่า “หลานเอ๋ย อัซซุเบรฺพ่อของเจ้า และอบูบักร์ตาของเจ้า ก็เป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น"

คือในสงครามอุหุดน้ัน เม่ือพวกมุชริกีนถอยร่นไป ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็เกรงว่า พวกเขาจะกลับมาอีก 

ท่านจึงกล่าวขึ้นว่า ‘มีใครจะติดตามพวกเขาไปไหม?’ 

ซ่ึงก็มีเศาะหาบะฮฺจำนวนเจ็ดสิบคนรับอาสาท่ีจะปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ในจำนวนน้ันมีอบูบักรฺ และอัซซุเบรฺ รวมอยู่ด้วย” 

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 4077)

        ♥ สาม การฝ่าฝืนคำสั่งใช้ของอัลลอฮ์ และเราะสูลน้ัน เป็น สาเหตุให้หลงผิดและไมไ่ดร้บัทางนาทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ อัลลอฮฺ ตรัสว่า

“และผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์แล้วแน่นอน เขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง” 

(อัลอะหฺซาบ: 36)

         ♥ สี่ ผู้ศรัทธาท้ังชายและหญิงนั้น เมื่อใดก็ตามท่ีมีคำส่ังใช้จากอัลลอฮ์และเราะสูล จำเป็นที่พวกเขาจะต้องปฏิบัติตาม และละท้ิงส่ิงต้องห้ามโดยไม่ลังเล เพราะท่านเราะสูลน้ันเป็นผู้ใกล้ชิดกับพวกเขายิ่งกว่าตัวของพวกเขาเสียอีก

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

“นบีน้ันเป็นผู้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธาย่ิงกว่าตัวของพวกเขาเอง” 

(อัล อะห์ซาบ: 6)

          ♥ ห้า อายะฮฺน้ีเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ความเหมาะสมระหว่างหญิงชายที่จะสมรสกันนั้น ไม่ได้ข้ึนอยู่กับตำแหน่ง หรือฐานะใด ๆ ทว่าข้ึนอยู่กับศาสนา ดังนั้น เราจึงได้เห็นเศาะหาบะฮฺหลายท่านท่ีเป็นเพียงทาส แต่ได้แต่งงานกับครอบครัว ชาวกุเรชที่มีเกียรติ เช่น ท่านเซด บิน หาริษะฮฺ ซ่ึงได้แต่งงานกับ ซัยนับ บินตุ ญะหช์ , อัลมิกดาด บิน อัลอัสวัด ซ่ึงแต่งงานกับ เฎาะบาอะฮฺบินตุอัซซุเบรฺ หรือ บิลาลบินเราะบาหฺ ท่ีแต่งงาน กับน้องสาวของ อับดุรฺเราะห์มาน บิน เอาฟฺ

 

 


والحمد لله رب العالمين،

وصلَّ الله وسلم عَل نبينا محمد، وعَل آله وصحبه أجمعين.


 

แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ / Islamhouse