ชีวิตคือการเรียรู้
  จำนวนคนเข้าชม  5258

ชีวิตคือการเรียนรู้ 


“ อัลลอฮ์นั้นคือไม่มีผู้ที่ถูกสักการะใดๆที่เที่ยงแท้ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิต ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย โดยที่การง่วงนอน และการนอนหลับใดๆจะไม่เอาพระองค์ สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาและสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ล้อมสิ่งใด จากความรู้ของพระองค์ไว้ได้นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น เก้าอี้พระองค์นั้นกว้างขวางทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์ และพระองค์นั้นคือผู้สูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่  ” (Al-Quran 2:255)


           หลังจากจบการศึกษาที่ต่างจังหวัดไพลินสอบเรียนต่อ ปวส.ได้ที่กรุงเทพฯ  จากเด็กที่เรียบร้อยเริ่มที่จะพูดจามากขึ้นเพราะสังคมรอบข้างที่แตกต่างจากสังคมเดิม และทำให้รับรู้อะไรหลายอย่างที่แตกต่างกับชีวิตในต่างจังหวัด ไพลินเรียนค่อนข้างดีแต่การเรียนที่นี่ค่อนข้างแข่งขันกันมากไม่มีใครสนใจใคร ภาคเรียนแรกได้เกรดเฉลี่ย 2.95 ทำให้ไพลินเสียใจจนร้องไห้ว่าทำไมถึงได้เกรดน้อยอย่างนี้ เพราะคาดหวังกับคะแนนในการเรียนมากจึงทำให้ตั้งใจเรียนมากขึ้น และเลือกชมรมพระพุทธศาสนาเป็นวิชาเลือก ซึ่งทางชมรมจัดไปฟังธรรมและทำบุญตามวัดต่างๆ  ในทุกปีจะมีกิจกรรมการรับน้องใหม่ซึ่งรุ่นพี่พาน้องๆไปรับน้องใหม่ตามต่างจังหวัด มีรุ่นน้องบางแผนกที่ต้องเสียชีวิตให้กับการรับน้องใหม่ทุกปี ไพลินคิดว่าเป็นประเพณีที่ไม่สร้างสรรค์และทางบ้านไม่เคยสนับสนุน ไพลินมีหนุ่มช่างเทคนิคเข้ามาจีบบ้างแต่ไม่สนใจเพราะการเรียนที่มีการแข่งขันกันมาก แล้วกำลังแข่งกับใครล่ะถ้าไม่ใช่กับตนเอง ไพลินจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.25 แม้อาจจะสูงสำหรับบางคนแต่ไพลินไม่ค่อยจะพอใจกับเกรดเฉลี่ยของตนเองสักเท่าไหร่ ( แค่นี้ก็ดีแล้ว ) ไพลินสอบเรียนต่อปริญญาตรีได้ที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง แต่ชีวิตที่ดูเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบกลับมีขวากหนามมาทิ่มแทงทำให้เกิดรอยแผล ไพลินตัดสินใจเลือกทางเดินในชีวิตของตนเองเพราะเหตุผลบางประการ


“ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ และไม่มีแม้แต่ในตัวของพวกเจ้าเอง เว้นแต่ได้มีไว้ในบันทึกก่อนที่เราจะบังเกิดมันขึ้นมา แท้จริงนั่นมันเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮ์ ”(Al-Quran 57:22)


        ไพลินไม่กลับบ้านเป็นเวลาหลายปี เพราะต้องทำงานและส่งเสียตนเองเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ไม่คิดที่จะทิ้งการเรียนไพลินตั้งใจต้องเรียนจบปริญญาตรีให้ได้ เพื่อลบคำสบประมาทของคนรอบข้าง


 “ ....การซุบซิบกันในสามคนจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคน เว้นแต่พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นน้อยกว่านั้น และจะไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้น เว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับเขา.... ” (Al-Quran 58:7)

 
          ไพลินเรียนและทำงานไปด้วยชีวิตค่อนข้างลำบาก บางปีไพลินไม่เคยได้เสื้อผ้าชุดใหม่ๆให้ตัวเองเลยสักชุด แต่เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงเพราะทำงานในโรงแรมจึงมีอาหารดีๆให้ได้กินตลอดนอกจากวันหยุดเท่านั้น ที่บางครั้งช่วงปลายเดือนไพลินจะต้องอดและทน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจนนั้นทุกคนมีวิถีชีวิตที่ไม่ได้แตกต่างกัน วงจรชีวิตนั้นคือ กินอาหาร ขับถ่าย สืบพันธ์  พักผ่อนหลับนอน เพียงแต่ต่างกันที่กระเป๋าเงินเท่านั้น ไพลินทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊ก ในครัวมีแต่เพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย ไพลินเป็นผู้หญิงคนเดียวและตำแหน่งก็เล็กที่สุด หน้าที่ของไพลินนั้นทุกวันจะต้องลงไปเข็นของสดที่แผนกจัดซื้อถ้ามีงานเลี้ยงวัตถุดิบจะมากเป็นพิเศษ ช่วงบ่ายไปเบิกของที่สโตร์พิมพ์คอมพิวเตอร์สั่งของ


          หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปีไพลินได้เลื่อนตำแหน่งมาอยู่หน้าเตานึ่ง ซึ่งเตานึ่งในโรงแรมไม่เหมือนหม้อนึ่งที่ใช้ตามบ้าน เพราะเตาที่ใช้จะมีความร้อนสูงมาก ความสูงประมาณ 2 เมตร มี 3 ชั้น บางครั้งโดนน้ำร้อนหรือไอร้อนลวก  ต้องยกกะละมังใบใหญ่ ยกจานกระเบื้องหนักๆ นานวันเข้าไพลินมีอาการปวดหลังเพื่อนผู้หญิงบอกว่าอย่ายกของหนักมากเดี๋ยวมีลูกยากให้ผู้ชายช่วยยกให้จะดีกว่า แต่ทุกคนมีหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบใครจะมาคอยช่วยเราตลอดเวลา นี่คืองาน คือ เงิน คือ ชีวิต


 “ และแน่นอนเราจะทดสอบพวกเจ้าจนกระทั่งเราได้รู้ถึงบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรน และบรรดาผู้หนักแน่นอดทนในหมู่พวกเจ้า และเราจะทดสอบการงานของพวกเจ้า ”(Al-Quran 47:31)


          ไพลินเข้างานเป็นกะมีช่วงเวลาพักผ่อนหลายชั่วโมง ขณะที่พนักงานคนอื่นพักผ่อนนอนหลับไพลินจะไปหาที่เงียบๆเพื่ออ่านหนังสือเรียนเป็นประจำทุกวัน และหารายได้พิเศษโดยขายชุดชั้นในให้เพื่อนพนักงาน รายได้พิเศษที่ได้มานั้นก็แลกกับชุดชั้นในตัวใหม่นั่นเอง ไพลินคิดถึงช่วงที่ตนเองลำบากจึงชดเชยโดยการหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆใส่
ช่วงที่ทำงานพวกเราจะมีประเพณี เทศกาลกฐิน ผ้าป่า เพื่อนำเงินไปบริจาคตามวัดต่างๆ เราจะวนเวียนกันเป็นกรรมการใส่ซอง 100 บาท ประธาน 1,000 บาท หรือรองประธาน 500 บาท แล้วยังมีซองเล็กๆ แล้วแต่ความศรัทธาและความเชื่อ  


“ พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้า ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ถูกใช้นอกจากเพื่อเคารพสักการะผู้ที่สมควรได้รับการเคารพสักการะแต่เพียงองค์เดียว ไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์บริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น ” (Al-Quran 9:31)


          แต่ละคนมาจากหลายพื้นที่หลายจังหวัด พระหรือหลวงพ่อตามวัดต่างๆจะติดต่อมาทุกปี พวกเรามีความเชื่อว่าการที่ได้ทำบุญกับวัดเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่ทางวัดขอเงินทอดผ้าป่า เพื่อนจะหารายชื่อกรรมการเพื่อหาเงินเข้าวัดให้ได้เยอะๆ จะได้เป็นคนสนิทของหลวงพ่อและจะได้วัตถุที่คิดว่าเป็นมงคลที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ส่วนพวกเราจะเกรงใจเพื่อนหรือคราวที่แล้วคนนั้นคราวนี้อีกคน เพื่อนบางคนบอกว่าทำบุญร่วมกันชาติหน้าจะได้มาเจอกันอีก บางครั้งใส่ซอง 20 บาทแต่อธิฐานขอให้กลับมา 20 ล้าน ไม่ค่อยจะโลภสักเท่าไหร่เลย !


“ โอ้ ! บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้จริงจำนวนมากมาย จากบรรดานักปราชญ์และบาทหลวง นั้นกินทรัพย์ของประชาชนโดยไม่ชอบ และขัดขวาง (ผู้คน) ให้ออกจากทางของอัลลอฮ์ .........”(Al-Quran 9:34)


           ไพลินได้จัดทำผ้าป่าบ้างแต่ไม่ชอบทำบุญกับวัด จึงติดต่อเพื่อนเพื่อทำผ้าป่าซื้ออุปกรณ์การเรียนให้กับโรงเรียนในชนบท ไพลินหารายชื่อและพิมพ์ซองแจกเพื่อเรี่ยไรเพื่อนๆ ไพลินได้เงินมาประมาณ 40,000 บาท พวกเราไปซื้อหนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เพื่อนที่โรงงานทำขนมเอาขนมไปแจกเด็กๆ พวกเรามีความสุขที่ได้ทำความดี บางคนบอกว่าทำไมไม่หักค่าใช้จ่ายจากเงินที่หามาได้ ไพลินไม่อยากทำบุญอย่างที่ใครๆเขาทำกัน เรียกว่าวัดครึ่งกรรมการครึ่ง เราตั้งใจที่จะทำบุญกันจริงๆ ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ขับรถไปและออกค่าน้ำมันกันเอง ซื้ออาหารกินกันเอง


 “ ดังนั้นผู้ที่ความชั่วแห่งการงานของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่เขา แล้วเขาเห็นว่ามันเป็นสิ่งดีกระนั้นหรือ? แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงทำให้หลงผิดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทรงชี้แนวทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ....”  (Al-Quran 35:8)

 
          หลังจากนั้นไม่นานไพลินได้ซื้อรถยนต์คันแรกและขับไปให้แม่เจิมที่พวงมาลัยรถตามพิธีกรรมทางศาสนาพุทธที่นิยมทำกัน หลายคนถามว่าทำไมไม่ให้พระเจิม ไพลินคิดเสมอว่าคนที่หวังดีที่สุดในชีวิตของเรานั้นคือแม่ไม่มีใครที่จะหวังให้ลูกปลอดภัยมากกว่าแม่ตัวเองแล้ว


“ พระองค์คือผู้ทรงทำให้พวกเจ้ามีรูปร่างขึ้นในมดลูก ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ไม่มีสิ่งที่ควรได้รับการเคารพสักการะใดๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ”  (Al-Quran 3:6)


          แล้ววันแห่งการรอคอยก็มาถึง ไพลินเรียนจบปริญญาตรีตามที่ตั้งใจไว้ไพลินปลื้มใจและภูมิใจในตัวเองมาก พาครอบครัวไปเลี้ยงฉลองที่ห้องอาหารในโรงแรม เพราะคิดเสมอว่าสักวันจะต้องพาครอบครัวมาทานอาหารที่นี่ให้ได้ พ่อและแม่ปลื้มใจมากที่ไพลินสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี


          “ ผู้ใดที่ทำให้พ่อแม่มีความยินดี แท้จริงได้ชื่อว่าทำให้อัลลอฮ์ยินดีด้วย และผู้ใดทำให้พ่อแม่เขาโกรธแท้จริงเขาได้ทำให้อัลลอฮ์โกรธด้วย ”  (บันทึกโดย บุคอรีย์)


          ความตาย!ไม่สามารถทำให้ช้าหรือเร็วขึ้นสักเสี้ยววินาที ครอบครัวไพลินได้พบเจอกับเวลาแห่งการสูญเสีย ยายเสียชีวิตด้วยโรคชรา ยายรักไพลินมากกว่าหลานคนอื่นเพราะยายสงสารไพลิน มีช่วงหนึ่งที่ยายเลี้ยงดูไพลิน ยายชงนมให้ดื่มทุกเช้าไพลินจะนั่งรอที่บันไดเพื่อรอแก้วนมจากยาย ยายทำขนมไทยเก่งและอร่อยเสียดายที่ไม่ได้สูตรขนมจากยายบ้าง หลังจากนั้นไม่ทันครบปีครอบครัวไพลินได้เผชิญกับการสูญเสียอีกครั้ง เป็นความสูญเสียและความบอบช้ำที่ไพลินไม่อาจลืม พ่อเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดใหญ่ในสมองแตกอย่างกะทันหัน 


“พวกเจ้าจงเยียวยากันเถิด เพราะอัลลอฮ์มิทรงให้โรคใดลงมา เว้นแต่พระองค์จะให้ยารักษาลงมาพร้อมๆกัน ยกเว้นโรคเดียวคือความตาย”  (บันทึกโดย อะห์มัด)


          ช่วงนั้นไพลินไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด เมื่อทราบข่าวจึงรีบขับรถยนต์กลับมาบ้านด้วยระยะทางประมาณ 1,200 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 7- 8 ชั่วโมง แต่มาไม่ทันพ่อเสียชีวิตตั้งแต่แม่โทรศัพท์ไปแต่แม่ไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวไพลินขับรถไม่ได้ การเสียชีวิตของพ่อทำให้ไพลินคิดอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิต ไพลินรู้ว่ายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อ แล้วพ่อก็จากไป ไพลินพยายามชดเชยสิ่งต่างๆให้กับแม่แทน แต่การชดเชยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการให้ “เงิน”


“ และมารดาทั้งหลายนั้น จะให้นมแก่ลูกๆของนางภายในสองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ครบถ้วนในการให้นม และหน้าที่ของพ่อเด็กนั้น คือปัจจัยยังชีพของพวกนางและเครื่องนุ่งห่มของพวกนางโดยชอบธรรม ไม่มีชีวิตใดจะถูกบังคับนอกจากเท่าที่ชีวิตนั้นมีกำลังความสามารถเท่านั้น  ......”  (Al-Quran 2:233)


“ และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น และจงทำดีต่อ บิดา มารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสองและจงพูดกับท่านทั้งสองด้วยคำที่อ่อนโยน และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกล่าวว่าข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสอง เช่นที่ท่านทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อวัยเยาว์ ” (Al-Quran 17:23-24)

Next >>>>Click