การรักกันในหนทางของอัลลอฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  24870

 

การรักกันในหนทางของอัลลอฮฺ

อุมมุ อาอิช

 

         การรักกันในหนทางของอัลลอฮฺและการปฏิสัมพันธ์ฉันพี่น้องในกรอบศาสนาอิสลามถือเป็นอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีเงื่อนไขหลายประการที่คนรักเพื่อนจะต้องปฏิบัติกับเพื่อนเพื่ออัลลอฮฺ  ซึ่งการปฏิบัติในสิ่งนี้ถือเป็นการเข้าหาอัลลอฮฺ  ให้ใกล้มากยิ่งขึ้นและได้รับขั้นอันสูงส่ง ณ ที่พระองค์
 

อัลลอฮฺ  ตรัสว่า  

         "และพระองค์ทรงสานหัวใจของพวกเขาให้รักใคร่กัน ซึ่งหากเจ้าทุ่มเทสิ่งที่มีในโลกนี้ทั้งหมด เจ้าก็ไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงหัวใจของพวกเขาให้รักกันได้ แต่อัลลอฮฺทรงสานใจพวกเขา"
 

 (อัล-อันฟาล:63)

 

       ท่านอิบนุมัสอูด กล่าวว่า อายะฮฺนี้ถูกประทานเกี่ยวเนื่องกับผู้ที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ (รายงานโดยอัน-นะสาอีย์และอัล-หากิม ท่านกล่าวว่าเป็นรายงานที่เศาะฮีหฺ)
 

กวีบางคนได้กล่าวว่า


وأحبب لحبّ الله من كان مؤمنــــا *** و أبغض لبغض الله أهل التّمرّد 
وما الدين إلا الحبّ و البغض و الولا *** كذاك البرا من كل غاو و معتدى

 

จงรักคนที่ศรัทธาเพื่ออัลลอฮฺ    จงชังผู้ที่ฝ่าฝืนเพื่อพระองค์
 

ดีน(ศาสนา)มิใช่อื่นใดเว้นแต่คือรักและชัง หรือผูกสัมพันธ์(กับผู้ศรัทธา)    และไม่เกี่ยวข้องกับผู้ละเมิดฝ่าฝืน

 

        อิบนุ เราะญับกล่าวว่า การรักในหนทางของอัลลอฮฺ  จะสมบูรณ์ได้ด้วยการรักสิ่งที่อัลลอฮฺ  ทรงชอบและเกลียดสิ่งที่พระองค์ทรงชัง ฉะนั้น ผู้ใดที่รักบางสิ่งที่อัลลอฮฺ  ไม่โปรด หรือเกลียดบางสิ่งที่อัลลอฮฺ  ทรงโปรด ถือว่าเตาฮีด(คำมั่นในการศรัทธาต่อเอกภาพของอัลลอฮฺ )และคำปฏิญาณตนว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” ของเขายังไม่สมบูรณ์และจริงใจ เขายังคงมีชิริกเคาะฟีย์ (การตั้งภาคีแบบซ่อนเร้น) เพราะเกลียดสิ่งที่อัลลอฮฺ  ชอบและชอบสิ่งที่พระองค์ไม่โปรดปราน

 

       อิบนุล ก็อยยิมกล่าวว่า “ผู้ใดรักสิ่งหนึ่งนอกเหนือจากอัลลอฮฺ  โดยมิได้รักเพื่อพระองค์ และมิใช่เพราะสิ่งนั้นเป็นสื่อให้เขาได้กตัญญูต่ออัลลอฮฺ  เขาจะต้องถูกลงโทษในดุนยาก่อนจะพบกับอัลลอฮฺ  ในวันอาคิเราะฮฺ” 

 
أنت القتيل بكل من أحببته *** فاختر لنفسك في الهوى من تصطفي
 

ทุกคนย่อมตกเป็นเหยื่อของคนรัก จะขอทักหรือรักใครดูให้ดี


 

ผลและความดีของการรักกันเพื่ออัลลอฮฺ 

 

ผู้ที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺจะได้ผลดีหลายประการจากพระองค์ทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ เช่น

 

1. อัลลอฮฺจะรักเขา
 

มุอาซ เล่าว่า ฉันได้ยิน ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- กล่าวว่า

“อัลลอฮฺ  ทรงกล่าวว่า ความรักของข้าจักตกกับผู้ที่รักกันเพื่อข้า ผู้ที่นั่งร่วมกันเพื่อข้า ผู้เยี่ยมเยียนกันเพื่อข้า และผู้เสียสละกันเพื่อข้า” 

(บันทึกโดยอิหม่ามมาลิกและคนอื่นๆ) 

เช่นเดียวกับคำพูดของมลาอิกะฮฺที่จะกล่าวกับผู้ที่ไปเยี่ยมเพื่อนเพื่ออัลลอฮฺ  ว่า   

"ฉันนี้คือทูตจากอัลลอฮฺมายังท่าน เพื่อจะบอกว่าอัลลอฮฺได้ทรงรักท่านเหมือนกับที่ท่านได้รักเขาเพื่อพระองค์"


2. ฝ่ายใดรักเพื่ออัลลอฮฺ  มากกว่า ฝ่ายนั้นจะเป็นที่รักของเพื่อนมากกว่า

อบีดัรดาอฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ อ้างคำพูดของท่านนบี  ว่า

"ทุกคู่สหายสองคนที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺนั้น คนซึ่งเป็นที่รักของอัลลอฮฺมากกว่า ก็คือคนที่รักเพื่อนของเขามากกว่าเสมอ" 

(บันทึกโดย อัฏ-เฏาะบะรอนีย์)


3. ได้รับเกียรติจากอัลลอฮฺ 

อบี อุมามะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- ได้กล่าวว่า 

"บ่าวทุกคนที่รักเพื่อนบ่าวด้วยกันเพื่ออัลลอฮฺนั้น พระองค์จะทรงให้เกียรติเขาเสมอ" 

(บันทึกโดยอะห์มัดด้วยสายรายงานที่ดี) 

        ทั้งนี้ การให้เกียรติของอัลลอฮฺต่อผู้หนึ่งจะครอบคลุมการให้เขาได้มีอีมาน มีความรู้ที่เป็นคุณ ปฏิบัติอะมัลที่ดี ตลอดจนให้มีความสะดวกในรูปแบบต่างๆ


4. ได้อยู่ในร่มเงาบัลลังก์ของพระองค์ 

อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า อัลลอฮฺ  จะทรงกล่าวในวันกิยามะฮฺว่า

"ไหนล่ะผู้ที่รักกันเพื่อเทิดเกียรติข้า ? วันนี้ฉันจะให้พวกเขาได้หลบร้อนใต้ร่มเงาของข้า

อันเป็นวันที่ไม่มีร่มเงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของข้าเท่านั้น” 

(บันทึกโดยมุสลิม) 

ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้กล่าวอธิบายในหนังสือ มัจญ์มูอฺ ฟะตาวา ว่า 

        “สำหรับคำว่า ไหนล่ะผู้ที่รักกันด้วยเกียรติของอัลลอฮฺ  นั้น เป็นการฉายให้เห็นว่าในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเทิดทูนและยกย่องพระองค์ พร้อมกับการรักกันเพื่อพระองค์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตในกรอบที่พระองค์ทรงกำหนด ไม่ใช่ผู้ที่ไม่ให้ความสำคัญต่อกรอบของพระองค์เพราะมีอีมานอ่อนในหัวใจ"

อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้เล่าเช่นเดียวกันว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ  ได้กล่าวว่า

       "มนุษย์เจ็ดกลุ่มที่อัลลอฮฺ  จะทรงปกพวกเขาในวันที่ไม่มีร่มเงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของพระองค์ คือ ผู้นำที่ยุติธรรม เยาวชนที่เติบใหญ่ด้วยการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ  ผู้ที่หัวใจเฝ้านึกถึงมัสยิด คนสองคนที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ  ทั้งสองเจอกันและพรากกันเพื่อพระองค์ ... จนจบหะดีษ”

 (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)  


5. ได้ลิ้มรสชาติแห่งการศรัทธา

ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- ได้กล่าวว่า 

“ผู้ใดใคร่อยากลิ้มรสชาติแห่งการศรัทธา ก็จงรักผู้หนึ่งเพียงเพื่ออัลลอฮฺ  ดู” 

(บันทึกโดยอัล-หากิม และท่านได้กล่าวว่าเป็นสายรายงานถูกต้อง แต่อัล-บุคอรีย์และมุสลิมไม่บันทึกไว้ ซึ่งอัซ-ซะฮะบีย์ก็ยอมรับตามนั้น)


6. ได้ชิมความหวานแห่งการศรัทธา

อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุหัมมัด-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า 

“ผู้ใดอยากชิมความหวานแห่งอีมาน ก็จงรักเพื่อนเพียงเพื่ออัลลอฮฺ  เท่านั้น” 

(บันทึกโดยอะห์มัดและอัล-หากิม อัซ-ซะฮะบีย์กล่าวว่าเศาะฮีหฺ) 

อนัส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- ได้กล่าวว่า 

“สามคุณสมบัติที่ใครมีจักต้องได้ลิ้มรสหวานแห่งอีมาน คือ

 รักอัลลอฮฺ  และเราะสูล  มากกว่าสิ่งใดๆทั้งหมด

 ไม่รักผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ 

       ♥ และเกลียดกลัวการคืนสู่การกุฟรฺ(การปฏิเสธศรัทธา)หลังจากที่อัลลอฮฺ  ทรงกู้ให้เขารอดพ้น เสมือนกับการเกลียดกลัวการที่ต้องถูกจับโยนเข้ากองไฟ” 

(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม) 

ท่านอิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้กล่าวในหนังสือมัจญ์มูอฺ อัล-ฟะตาวา ว่า 

        “ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- ได้บอกว่าผู้ใดอยู่ในความรู้สึกทั้งสามนี้จะได้รู้รสหวานแห่งอีมาน เพราะการได้รู้รสหวานของสิ่งใดขึ้นอยู่กับการรักใคร่ในสิ่งนั้น เช่น ผู้ใดรักชอบสิ่งใด หรือ อยากได้อะไร เมื่อเขาได้ตามความประสงค์นั้น เขาก็จะรู้รสหวานและความสุขสนุกกับสิ่งนั้น ซึ่งความสุขนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับสิ่งที่ชอบที่อยาก 

         ดังนั้น ความหวานแห่งศรัทธาก็ย่อมขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของความรักของบ่าวที่มีต่ออัลลอฮฺ  อันประกอบด้วยสามปัจจัย คือ เติมเต็มความรัก ขยายผล และละเว้นสิ่งที่อยู่ต่างฝั่งกับมัน

       ♦ โดยการเติมเต็มนั้น จะกระทำได้ด้วยการต้องให้อัลลอฮฺและเราะสูลเป็นสิ่งสุดเทิดทูนและหวงแหน ไม่รักใครเท่าทั้งสอง เพราะการรักในอัลลอฮฺและเราะสูลจะรักโดยสมบูรณ์ในระดับธรรมดาปกติไม่ได้ หากจะให้สมบูรณ์ก็คือ ต้องไม่รักผู้ใดและสิ่งอื่นเท่ากับความรักที่ให้กับทั้งสองอีกต่อไป

 ส่วนขยายผลนั้น จะทำได้ด้วยการไม่รักผู้ใดยกเว้นจะรักเพื่อพระองค์ และ

       ♦ ส่วนการละเว้นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับมันนั้น จะเกิดได้ก็ด้วยการชิงชังไม่ยอมรับการกุฟรฺซึ่งขัดแย้งกับอีหม่าน อย่างหนักและใหญ่หลวงกว่าการที่เขาชิงชังและไม่ยอมรับการถูกจับโยนเข้ากองเพลิง”


7. ทำให้อีหม่านสมบูรณ์

อบีอุมามะห์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุหัมมัด-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า 

“ผู้ใดรักใครเพื่ออัลลอฮฺ  เกลียดเพื่ออัลลอฮฺ  ให้เพื่ออัลลอฮฺ  หักห้ามเพื่ออัลลอฮฺ  ก็ถือว่ามีอีหม่านที่สมบูรณ์แล้ว” 

(บันทึกโดยอบู ดาวูดด้วยสายรายงานที่หะสัน) 



8. ได้เข้าสวรรค์

อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- ได้กล่าวว่า 

“พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวรรค์จนกว่าจะศรัทธา และจะไม่ศรัทธาอย่างสมบูรณ์จนกว่าจะรักกัน

เอาไหมล่ะฉันจะบอกสิ่งหนึ่งที่เมื่อพวกท่านทำแล้วพวกท่านก็จะรักกัน คือ จงเผยแพร่การให้สลามในหมู่พวกท่าน” 

(บันทึกโดยมุสลิม) 


9. ได้อยู่ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ  ในวันกิยามะฮฺ

 อบู มาลิก อัล-อัชอะรีย์ เล่าว่า ฉันอยู่พร้อมกับท่านนบี -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-แล้วอายะฮฺนี้ก็ถูกประทานให้แก่ท่าน

“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย สูเจ้าจงอย่าซักไซ้สิ่งบางอย่างที่หากมันถูกเปิดโปงแก่สูเจ้าแล้วจะทำให้สูเจ้าต้องลำบาก” 

(อัล-มาอิดะฮฺ :101)

แล้วเราก็ถามท่านกรณีคำพูดของท่านที่ว่า

        “สำหรับอัลลอฮฺ  นั้นจะมีบ่าวที่ไม่ใช่นบีและไม่ใช่เหล่าชะฮีด แต่บรรดานบีและเหล่าชะฮีดต่างพากันอิจฉาที่พวกเขาได้ใกล้ชิดและการได้มีที่นั่งใกล้กับอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ”

       ซึ่งในนั้นมีคนอาหรับเบดูอินอยู่คนหนึ่ง เขารีบกุลีกุจอเร่งฝีเท้าสะบัดมือเข้ามาพร้อมกับกล่าวว่า โอ้ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ กรุณาบอกพวกเราซิว่าพวกเขาคือใครกัน ซึ่งฉันได้เห็นท่านเราะสูลุลลอฮฺมีใบหน้าสดชื่น แล้วท่านก็ตอบว่า 

       “พวกเขาคือคณะบ่าวของอัลลอฮฺคณะหนึ่ง ที่มาจากภูมิลำเนาและเชื้อสายที่ต่างกัน จากชนชาติต่าง ๆ ที่ไม่มีความผูกพันทางเครือญาติเชื่อมโยงกัน และไม่มีพันธะทางดุนยาร่วมกัน พวกเขารักกันด้วยวิญญาณแห่งอัลลอฮฺ  

       อัลลอฮฺ  จะทรงทำให้ใบหน้าพวกเขามีสง่าราศี และสร้างแท่นสูงจากไข่มุกให้กับพวกเขา ณ เบื้องหน้าพระองค์ ผู้คนทั้งหลายจะวิตกกังวลในวันกิยามะฮฺแต่พวกเขาจะไม่วิตกกังวลใด ๆ คนอื่นจะหวาดกลัวแต่พวกเขาไม่หวั่นไหวเลย” 

(บันทึกโดยอะห์มัด, อัล-หากิม และอัซ-ซะฮะบีย์กล่าวว่าเศาะฮีหฺ) 


10. ใบหน้าพวกเขาจะมีสง่าราศีในวันกิยามัต

ด้วยหลักฐานหะดีษดังกล่าวข้างต้นที่ระบุว่า "อัลลอฮฺ จะทรงทำให้ใบหน้าของพวกเขามีแสงเจิดจ้า"


11. จะได้รับหอไข่มุก

ด้วยหลักฐานเดียวกันที่ระบุว่า "พระองค์จะสร้างแท่นจากไข่มุกให้พวกเขา"


12. จะได้รับแท่นไข่มุกที่สร้างจากแสง

ในหะดีษที่เล่าโดยอิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ที่ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า

“อัลลอฮฺจะทรงแท่นสูงจากแสงแก่พวกเขาในวันกิยามะฮฺ”


13. ได้รับคำชื่นชมจากบรรดานบีและชุฮะดาอฺ

ด้วยหะดีษสองหะดีษที่ผ่านมานั้นคือหะดีษ อัล-อัชอะรีย์ และหะดีษอิบนุ อุมัร ที่ระบุว่า

«يَغْبِطُهُمُ الشُّهَدَاءُ والنَّبِيُّونَ يَوْمَ القِيَامَةِ لِقُرْبِهِمْ مِنَ اللهِ تعالى وَمَجْلِسِهِمْ مِنْهُ» 


14. ได้รับชื่อเรียกว่าเป็นวะลีย์ของอัลลอฮฺ 

จากหะดีษอิบนุ อุมัรที่ระบุว่า  "พวกเขาคือคนสนิทของอัลลอฮฺ"


15. ไม่มีความหวาดวิตกและเศร้าเสียใจในวันกิยามัต

ด้วยสองหะดีษข้างต้นที่ระบุว่า

"พวกเขาจะไม่มีหวาดกลัวและความวิตกกังวลใดๆ "

 และคำกล่าวที่ว่า 

"คนอื่นจะวิตก แต่พวกเขาจะไม่วิตก แม้ว่าคนอื่นจะหวาดกลัว แต่พวกเขาก็ไม่หวาดกลัว "


16. คนคนหนึ่งสามารถคว้าระดับคนดีเพราะความรักของเขาในความดีของคนเหล่านั้น แม้ว่าการกระทำของเขาไม่ถึงขั้นเดียวกับพวกเขาก็ตาม

อิบนุมัสอูด เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า มีชายคนหนึ่งมาหา ท่านเราะสูลุลลอฮฺ  ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- แล้วกล่าวว่า 

 

"โอ้ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ท่านเห็นอย่างไรกับคนคนหนึ่งที่รักชอบพวกหนึ่งแต่เขาไม่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา ? 
 

ท่านตอบว่า “คนคนหนึ่งย่อมจะได้อยู่ร่วมกับคนที่เขารัก” 

(หะดีษรายงานโดยอัล-บุคอรีย์มุสลิม)

และในหะดีษอัล-บุคอรีย์มุสลิมยังมีระบุด้วยเช่นกันว่าท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้เล่าว่า

มีชายคนหนึ่งมาถาม ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า เมื่อไรจะถึงวันกิยามัต? 

ท่านถามกลับว่า “แล้วท่านเตรียมอะไรเพื่อรับมันล่ะ?” 

เขาตอบว่า "ฉันไม่ได้เตรียมละหมาดที่มากมาย ศีลอดก็ไม่มาก เศาะดะเกาะฮฺก็ไม่มาก แต่ฉันรักอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์"

ท่านตอบว่า “ท่านจะได้อยู่กับคนที่ท่านรัก” 

          อนัสเล่าว่า ได้ยินเช่นนั้นแล้ว พวกเรารู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่ชื่นชอบไปกว่าคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม ที่ว่า ท่านจะได้อยู่ร่วมกับคนที่ท่านรัก ซึ่งฉันรักท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม รักอบูบักรฺ และรักอุมัร และฉันหวังว่าจะได้อยู่ร่วมกับพวกเขา เพราะความรักของฉันที่มีต่อพวกเขาแม้ว่าฉันจะมีอะมัลที่ไม่ถึงระดับพวกเขาก็ตามที

อีกทั้งมีรายงานจากอะลีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ที่อ้างว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า

 “ใครรักใคร ผู้นั้นย่อมจะถูกต้อนชุมนุมรวมกับพวกเขา(ในวันกิยามะฮฺ)” 

(บันทึกโดยอัฏ-เฏาะบะรอนีย์) 

 

 

 

ผู้แปล: ซุกรีย์นูร จงรักศักดิ์, ซุฟอัม อุษมาน / Islamhouse