หัวใจคือแหล่งแห่งการครุ่นคิด
  จำนวนคนเข้าชม  16567

 

 

 

หัวใจคือแหล่งแห่งการครุ่นคิด (ไม่ใช่สมอง)

 

 โดย... อะห์หมัด มุสตอฟา อาลี โต๊ะลง

 

         ในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ในโลกอิสลามยังคงค้นคว้าวิชาที่ว่าด้วยหัวใจและการทำงานของมันโดยใช้อัลกุรอานและอัลฮาดิษเป็นบรรทัดฐานในการวิจัย ซึ่งพวกเขายังคงหารือในเรื่องนี้ โดยใช้ข้อสังเกตดังนี้ครับ


     ๑. สติปัญญานั้นมีอยู่ในหัวใจ ซึ่งมันประมวลไปด้วยมากกว่า ๔๐,๐๐๐ เซลล์ประสาท นั้นหมายถึง สิ่งที่เราเรียกมันว่า สติปัญญา ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์กลางของหัวใจ ในสภาพที่หัวใจทำหน้าที่ในด้านของสมองที่สำคัญ เพราะเหตุนี้เอง อัลลอฮ์จึงทำให้หัวใจเป็นสื่อ (ตัวกลาง) ในการทำให้เรานั้นสามารถคิดได้

ดังที่อัลลอฮ์ได้ทรงตรัสไว้ว่า

﴾ أَفَلَمْ يَسِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَتَكُونَ لَهُمْ قُلُوبٌ يَعْقِلُونَ بِهَا أَوْ آَذَانٌ يَسْمَعُونَ بِهَا فَإِنَّهَا لَا تَعْمَى الْأَبْصَارُ وَلَكِنْ تَعْمَى الْقُلُوبُ الَّتِي فِي الصُّدُورِ )

“ไฉนพวกเขาจึงไม่ท่องไปในแผ่นดิน เพื่อพวกเขาจะได้คิดด้วยกับหัวใจ หรือเพื่อที่พวกเขาจะฟังด้วยกับหู

แน่แท้บรรดาสายตาหาได้บอดไม่ แต่หัวใจที่อยู่ในอกต่างหากที่บอด”

(อัลฮัจญ์  ๔๖)

           และนี่คือหลักฐานหนึ่งที่บ่งบอกให้เราได้รู้ว่าหัวใจอยู่ที่หน้าอกของเรา ในสภาพที่หัวใจก็มีหน้าที่คิดพิจารณาด้วย


     ๒. หัวใจมีบทบาทในด้านการสร้างความเข้าใจ รับรู้ และคิดพิจารณาต่อสิ่งต่างๆรอบตัวเรา เพราะแท้จริงอัลลอฮ์ได้ตรัสไว้ว่า

 ﴾لَهُمْ قُلُوبٌ لَا يَفْقَهُونَ بِهَا ﴿

“สำหรับพวกเขานั้น มีหัวใจซึ่งพวกเขาจะไม่เข้าใจด้วยกับมัน”

(อัลอะร๊อฟ : ๑๗๙)

และนี่คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันพึ่งค้นพบ


          ๓. คนส่วนใหญ่ที่ปลุกถ่ายหัวใจเทียม จะมีความรู้สึกว่า หัวใจที่ใส่เข้าไปใหม่นั้นมีความแข็งกระด้างในอกของพวกเขา พวกขาดแรงศรัทธา ขาดความรู้สึก และขาดความรัก นี้เป็นสิ่งที่อัลกุรอานได้บ่งบอกไว้ขณะที่โต้ตอบกับชาวยิวว่า

 ﴾ثُمَّ قَسَتْ قُلُوبُكُمْ مِنْ بَعْدِ ذَلِكَ فَهِيَ كَالْحِجَارَةِ أَوْ أَشَدُّ قَسْوَةً )

“ครั้นแล้ว หัวใจของพวกเจ้าก็แข็งกระด้าง หลังจากนั้น (หลังจากที่อัลลอฮ์ได้ใช้ให้ยิวนำลิ้นวัวมาตีผู้ที่ถูกฆาตกรรมเพื่อให้ฟื้น)

  ซึ่งมันนั้นประดุจดั่งหินหรือแข็งยิ่งกว่า”

(อัลบากอเราะห์ : ๗๔)


     ๔. นักวิทยาศาสตร์ได้ย้ำว่า ทุกๆเซลล์จากเซลล์ในหัวใจมีโครงสร้างของการเก็บข้อมูลและเหตุการณ์ต่างๆ และเพราะเหตุนี้เอง พวกเขาจึงได้เริ่มวิจัยถึงการจดจำของหัวใจ และเพราะแท้จริงอัลลอฮ์ทรงได้ย้ำแก่เราว่า ทุกๆสิ่งอยู่ในหัวใจ และอัลลอฮ์จะทรงทดสอบสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเรา ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ว่า

﴾وَلِيَبْتَلِيَ اللَّهُ مَا فِي صُدُورِكُمْ وَلِيُمَحِّصَ مَا فِي قُلُوبِكُمْ وَاللَّهُ عَلِيمٌ بِذَاتِ الصُّدُورِ ﴿ 

“และเพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงทดสอบสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเจ้า และเพื่อพระองค์จะทรงชำระให้หมดจดแก่สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเจ้า

และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่อยู่ในจิตใจ”

(อาละอิมรอน : ๑๕๔)


     ๕. การทดลองใหม่ๆได้ยืนยันว่า ศูนย์กลางของการโกหกอยู่ในเขตหน้าผากและสมองด้านหน้า และในเขตนี้จะกระตุ้นรูปแบบของการโกหกออกมา ส่วนข้อมูลที่หัวใจได้สะสมไว้นั้นคือข้อมูลในด้านของความเป็นจริง และเช่นนี้แหละ เมื่อมนุษย์จะโกหก เขาจะใช้ลิ้นของเขาโกหก และลิ้นจะกล่าวสิ่งที่ตรงข้ามกับข้อมูลที่เก็บไว้ในหัวใจ เพราะแท้จริงอัลลอฮ์ ทรงตรัสไว้ว่า

﴾يَقُولُونَ بِأَلْسِنَتِهِمْ مَا لَيْسَ فِي قُلُوبِهِمْ ﴿

“พวกเขาจะกล่าวสิ่งที่ไม่มีในหัวใจของพวกเขาด้วยกับลิ้น”

(อัลฟัตฮ์ : ๑๑)

          ดังนั้นลิ้นจะได้รับการสั่งการจากสมองส่วนหน้าให้พูดออกมา และแน่นอนอัลลอฮ์ยังได้บอกลักษณะของสมองส่วนหน้าไว้ว่า

﴾نَاصِيَةٍ كَاذِبَةٍ خَاطِئَةٍ ﴿

“สมองส่วนหน้าซึ่งโกหกอีกทั้งยังทำผิด”

(อัลอะลัก : ๑๖)

         ยังมีอีกมากมายที่อัลกุรอ่านและอัลฮาดิษได้พูดถึงหัวใจครับ และยังมีเรื่องต่างๆที่อัลกุรอานและอัลฮาดิษอีกมากที่ได้พูดในแนววิทยาศาสตร์ แต่นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้

 


หนังสือพิมพ์เดลี่เมล ฉบับวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๐๐๘

          ได้ลงคอลัมหนึ่งที่น่าประหลาดใจแก่ผู้คนเป็นอย่างมาก โดยได้เขียนไว้ว่า “หัวใจนั้นมีบทบาทอย่างมากในเรื่องของความศรัทธา ความไร้ซึ่งศรัทธา ความรู้สึก และการรับรู้" แท้จริงมีหญิงวัยรุ่นผู้หนึ่งแต่งงานได้ไม่กี่ปี สามีของเขาผู้ไร้ศรัทธาในศาสนาต้องการที่จะจบชีวิตของตน เขาจึงใช้ปืนยิงศีรษะตัวเองตาย   แต่ทว่าหัวใจของเขายังคงทำงานอยู่ แพทย์จึงได้นำเอาหัวใจของชายผู้นี้ไปปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยที่มีความศรัทธาในศาสนา ซึ่งเขามีความรักที่จะทำความดีเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยผู้นี้ประสบปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และมีความต้องการหัวใจใหม่ และเขาก็ได้หัวใจใหม่ เขารู้สึกดีใจและขอบคุณชายที่ฆ่าตัวตายเป็นอย่างมากที่เขาได้ให้ชีวิตใหม่แก่ตน

          หลังจากนั้น ชายป่วยผู้นั้นได้ไปพบภรรยาของชายที่ฆ่าตัวตายโดยบังเอิญ เขามีความรู้สึกทันทีว่า เขารู้จักเธอมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้าต่อหน้าเธอเพื่อที่จะบอกเธอว่า เขารักเธอ เขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ในขณะนั้นเองหัวใจก็เริ่มสัมผัสกับความรู้สึกเดิมๆกับหญิงผู้นี้ สิ่งที่ชายผู้นี้มีความรู้สึกกับภรรยาของผู้ที่เป็นเจ้าของหัวใจเดิมเป็นสิ่งที่ย้ำว่าหัวใจยังคงรักษาความรู้สึก ความทรงจำที่มีต่อหญิงผู้นี้อยู่ ทว่าเรื่องนี้ก็ยังไม่ทำให้คนได้ฉุดคิดจนถึงทุกวันนี้ (จากนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป)

          ชายผู้ศรัทธาที่ได้รับการเปลี่ยนหัวใจของผู้ไร้ศรัทธา ก็เริ่มที่จะแสดงความไร้ซึ่งศรัทธาออกมา ทว่าเขาก็ยังพยายามที่จะซ่อนมันไว้เท่าที่จะซ่อนมันได้ ไม่ทันไรหัวใจก็เริ่มที่จะทำบาปโดยการที่เขาไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตต่อไปอีก ซึ่งเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับเจ้าของหัวใจเดิม เขาจึงใช้ปืนจ่อที่ศีรษะยิงตายทันที

          นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจแก่ผู้คนเป็นอย่างมากว่า ทำไมชายที่เคยมีศรัทธาอย่างแรงกล้า รักที่จะกระทำความดี มีความสุขที่ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ กลับกลายเป็นผู้ไร้ศรัทธา และมีความสิ้นหวังในชีวิต เพียงแค่ช่วงเวลาไม่นานด้วยการเปลี่ยนหัวใจใหม่

          มิใช่การเปลี่ยนหัวใจเท่านั้นนะครับ ที่จะทำให้ความศรัทธาเราเปลี่ยนแปลงไป การถ่ายเลือดก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความศรัทธาเราอ่อนแอลงได้

 

          ได้มีเรื่องเล่ามาจากเชคผู้หนึ่งได้เล่าว่า เพื่อนของเขากำลังศึกษานิติศาสตร์อิสลาม และเขายังเป็นคนที่รักษาละหมาดไม่เคยขาด แน่นอนเขาย่อมเป็นผู้ศรัทธาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ด้วยอาการป่วยที่เกี่ยวกับเลือด ทำให้เขาต้องถูกส่งตัวไปรักษายังประเทศตะวันตก และได้รับการเปลี่ยนเลือด ทว่าแพทย์ได้นำเลือดของผู้ที่ไม่ใช้มุสลิมมาให้แก่เขา หลังจากนั้นได้ไม่นาน เพื่อนของเชคผู้นี้เริ่มต้องการที่จะดื่มเบียร์ และต้องการเล่นบทรักกับหญิงอื่น (ทำซินา) และทิ้งละหมาด เชคผู้นี้ถามเขาว่า เพราะอะไรท่านถึงได้ทำเช่นนี้ ไม่มีความเกรงกลัวอัลลอฮ์เลยหรือ ? เขาไม่ตอบอะไร นอกเสียจากเพียงคำว่า โปรดรู้ไว้ว่า ฉันหมดความเชื่อไปแล้วว่า อัลลอฮ์นั้นมีอยู่จริง ...

          เพียงแค่เลือดของผู้ไร้ศรัทธาจะส่งผลต่อความศรัทธาของผู้ได้รับเลือดเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ และนี่แหละเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า หัวใจจะสูบฉีดเลือด ไปพร้อมกับข้อมูลที่มีอยู่ในเลือด  ดังนั้นเลือดก็คือสื่อในการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างหัวใจ สมอง และส่วนอื่นๆของร่างกายด้วย เช่นเดียวกับปอด ตับ และอวัยวะส่วนอื่นๆ

         และสามารถกล่าวได้เต็มปากว่า การที่เรารับประทานอาหารที่ไม่สะอาด อาหารที่มาจากทรัพย์สินที่ต้องห้าม หรืออาหารต้องห้าม มันก็คือสาเหตุที่สำคัญหนึ่ง ที่ทำให้หัวใจเรามืดบอด ด้วยการขจัดแรงศรัทธา และความดีงามต่างๆในจิตใจออกไปทีละนิดทีละน้อย จนกระทั่งหมดสิ้นไป

         ไม่เพียงแต่ในด้านของความศรัทธาและความดีงามเท่านั้นที่ถูกขจัดออกไป สติปัญญาก็อ่อนแอลงไปด้วย เมื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการถ่ายเลือดไปยังผู้อื่นในรูปแบบของการเยี่ยวยารักษา ก็คงไม่แตกต่างกันมากนักกับการถ่ายทอดพันธุกรรมจากพ่อและแม่ไปยังลูก

 

         ดังนั้นหากเลือดของพ่อและแม่เป็นเลือดที่ผลิตขึ้นจากอาหารที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากสิ่งต้องห้ามและสิ่งคลุมเครือ แน่นอนลูกก็จะได้รับเลือดที่บริสุทธิ์จากพ่อและแม่ไป อันส่งผลให้ผู้เป็นลูกมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ และมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด