คำวินิจฉัยของบรราดอุละมาอ์ เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์
  จำนวนคนเข้าชม  16172

คำวินิจฉัยของบรราดอุละมาอ์ เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์


            บรรดาอุละมาอ์ได้ให้คำวินิจฉัยว่าการมีส่วนร่วมในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ว่ามีหุก่มหะรอม ไม่อนุญาต

เชคอิบนุ อุษัยมีน

            มีผู้ถามท่านเชคอิบนุ อุษัยมีน ว่า : ในช่วงหลังๆนี้ การมีส่วนร่วมในงานเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในหมู่นักศึกษาหญิง วันดังกล่าวเป็นวันอีด(วันรื่นเริง)วันหนึ่งของชาวคริสต์ ซึ่งมีการประดับประดาด้วยสีแดง ทั้งเสื้อผ้าและรองเท้า มีการแลกเปลี่ยนดอกกุหลาบสีแดงแก่กันและกัน ขอให้ท่านช่วยอธิบายหุก่มการเข้าร่วมในวันดังกล่าวนี้ และท่านจะชี้แนะเช่นไรกับบรรดามุสลิมในเรื่องนี้? ขออัลลอฮฺทรงปกป้องและดูแลท่าน

     ท่านตอบว่า : ไม่อนุญาตให้มีการเข้าร่วมในวันวาเลนไทน์ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังต่อไปนี้

หนึ่ง : วันวาเลนไทน์ เป็นวันที่คิดอุตริขึ้นมาซึ่งไม่มีหลักฐานใดๆ จากชะรีอะฮฺอิสลาม

สอง : วันวาเลนไทน์เป็นวันที่นำไปสู่การแสดงความรักเชิงชู้สาวที่ไม่ถูกต้อง

สาม : วันวาเลนไทน์เป็นวันที่ทำให้จิตใจหมกมุ่นกับสิ่งไร้สาระที่ขัดกับแนวทางของบรรพชนอิสลามรุ่นแรก

            เพราะเหตุนี้จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมแสดงออกในวันวาเลนไทน์ด้วยสิ่งที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของวันดังกล่าว แม้จะเป็นอาหารการกิน เครื่องดื่มต่างๆ เสื้อผ้า การแลกเปลี่ยนของขวัญและอื่นๆ มุสลิมควรที่ต้องเข้มแข็งและภูมิใจในศาสนาอิสลาม และไม่ควรที่จะคล้อยตามกระแสของวัฒนธรรมอื่นๆ เราขอพรต่อเอกองค์อัลลอฮฺเพื่อทรงปกป้องมุสลิมทุกคนจากฟิตนะฮฺต่างๆ ทั้งที่เห็นชัดเจนและสิ่งที่มองไม่เห็น และขอให้พระองค์ทรงดูแลด้วยทางนำของพระองค์”

(มัจญ์มูอฺ อัลฟะตาวา อัชชีค อิบนิ อุษัยมีน เล่มที่  16 หน้าที่ 199)

หน่วยงานเพื่อการฟัตวาแห่งราชอาณาจักรซาอุดี

                 มีคำถามถึงหน่วยงานเพื่อการฟัตวาแห่งราชอาณาจักรซาอุดีว่า : มีบางคนได้เข้ามีส่วนร่วมในวันที่สิบสี่ของเดือนกุมภาพันธุ์ของทุกปี ซึ่งเป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ พวกเขาได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันด้วยสีแดง มีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง มีการขอพรซึ่งกันและกัน มีร้านค้าจัดของหวานด้วยสีแดงและตกแต่งประดับด้วยรูปหัวใจ และบางร้านมีการจัดสินค้าด้วยสัญลักษณ์ที่แสดงถึงวันดังกล่าว ท่านจะให้ความเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้ ? 


หนึ่ง : การเข้าร่วมในวันวาเลนไทน์มีหุก่มเช่นไร ?

สอง : การซื้อสิ่งของจากร้านที่จัดตกแต่งสินค้าด้วยสัญลักษณ์ด้วยวันวาเลนไทน์ดังกล่าวมีหุก่มอย่างไร?

สาม : และการขายสินค้าของเจ้าของร้าน(ที่ไม่ได้เข้าร่วมในพิธีหรืองานวาเลนไทน์ดังกล่าว)แก่ผู้ที่ต้องการร่วมในวันดังกล่าวด้วยสินค้าที่ใช้เป็นของขวัญในวันนั้น จะได้หรือไม่?

 

            ทางหน่วยงานได้ให้คำตอบว่า :

          หลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺได้ชี้ชัดตรงนี้อย่างชัดเจน และบรรดาอุละมาอ์สะลัฟมีความเห็นตรงกันว่า อีด(วันรื่นเริง)ในอิสลามนั้นมีเพียงสองครั้งเท่านั้น นั่นก็คืออีดิลฟิฏร์และอีดิลอัฎฮา และวันอีดที่นอกเหนือจากนั้น แม้จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล กลุ่มคน เหตุการณ์ หรืออาจจะอยู่ในความหมายใดๆ ก็ตาม อีดเหล่านั้นถือว่า เป็นสิ่งอุตริ(บิดอะฮฺ)ขึ้นมาใหม่ในอิสลาม ไม่อนุญาตให้ชาวมุสลิมคนใดร่วมปฏิบัติ หรือเห็นด้วย หรือแสดงออกถึงความพึงพอใจ หรือให้ความช่วยเหลือด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการละเมิดขอบเขตบัญญัติของอัลลอฮฺ ใครผู้ใดก็ตามที่ได้ละเมิดขอบเขตของอัลอฮฺเขาผู้นั้นคือผู้อธรรมต่อตัวเขาเอง

          และหากว่าวันรื่นเริงที่อุตริขึ้นมาดังกล่าวยังเป็นวันรื่นเริงของผู้ไม่ใช่มุสลิมด้วยแล้ว การกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำบาปหนึ่งบนอีกบาปหนึ่งด้วย เพราะการเข้าร่วมในวันรื่นเริงของผู้ไม่ใช่มุสลิมแสดงถึงการทำตัวคล้ายกับพวกเขาและเข้าข่ายการให้ความรักแก่พวกเขา(มุวาลาฮฺ) ซึ่งอัลลอฮฺได้ห้ามบรรดาผู้ศรัทธาในการทำตัวเหมือนผู้ปฏิเสธศรัทธาและการให้ความรักแก่พวกเขา และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้กล่าวห้ามความว่า

 "ใครก็ตามที่ทำตัวเหมือนกับพวกหนึ่ง เขาก็คือพวกนั้น"

            วันวาเลนไทน์ก็เป็นวันหนึ่งที่เข้าข่ายในสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะวันวาเลนไทน์ก็เป็นวันรื่นเริงวันหนึ่งของชาวคริสต์ เพราะฉะนั้นจึงไม่อนุญาตให้มุสลิมที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺที่จะจัดงาน เห็นดีเห็นงาม หรือให้การอวยพรให้แก่กันในวันดังกล่าว

          เพราะฉะนั้นจำเป็นสำหรับมุสลิมที่จะต้องหลีกห่างเพื่อแสดงถึงการรับคำสั่งของอัลลอฮฺและท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม  และห่างไกลจากความกริ้วโกรธและการลงโทษของพระองค์ และเช่นกัน ห้ามสำหรับมุสลิมให้การช่วยเหลือในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ และวันรื่นเริงอื่นๆด้วยสิ่งใดก็ตามทั้งที่เกี่ยวกับการกิน การดื่ม การซื้อขาย การผลิต ของขวัญ การฝากส่ง การประกาศ และอื่นๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เข้าข่ายให้การช่วยเหลือในสิ่งที่เป็นบาปและละเมิด และเป็นการทำผิดต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสสอนว่า

«وَتَعَاوَنُواْ عَلَى الْبرِّ وَالتَّقْوَى وَلاَ تَعَاوَنُواْ عَلَى الإِثْمِ وَالْعُدْوَانِ وَاتَّقُواْ اللّهَ إِنَّ اللّهَ شَدِيدُ الْعِقَابِ» (المائدة : 2)

“และจงหยิบยื่นช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสิ่งที่ดีและในความยำเกรง(ต่ออัลลอฮฺ)

และอย่าได้ช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นบาป และการเป็นศัตรูกัน

และพวกเจ้าจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ แท้ที่จริงแล้วอัลลอฮฺเป็นผู้ลงโทษที่หนักหน่วงยิ่ง”

(อัลมาอิดะฮฺ : 2)
 

                เพราะฉะนั้นจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคนที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตามคำสอนของอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนะบีในทุกอิริยาบท โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยฟิตนะฮฺและความเสื่อมทรามได้แพร่กระจายไปทุกหนแห่ง มุสลิมจำเป็นที่จะต้องคิดอย่างชาญฉลาดและรอบคอบยิ่งเพื่อมิให้ตกอยู่ในความหลงผิดเหมือนพวกที่อัลลอฮฺทรงกริ้วหรือพวกที่หลงทาง ซึ่งพวกเขาไม่ได้หวังให้เกียรติแก่อัลลอฮฺ และไม่ได้ต้องการยกย่องอิสลาม

          มุสลิมจำเป็นที่จะต้องหันหน้าไปหาอัลลอฮฺเพื่อขอทางนำจากพระองค์และให้ยึดมั่นในหนทางดังกล่าว เพราะหามีสิ่งใดอื่นอีกแล้วที่จะชี้ทางที่ถูกต้องและเที่ยงตรง และไม่มีใครให้ความมั่นคงแน่วแน่นอกจากพระองค์ ... และด้วยพระองค์เท่านั้นที่จะได้มาซึ่งเตาฟีก ขอพรและความจำเริญจงมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัด ครอบครัวของท่าน และบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านทุกคน"

 

เชค อิบนุ ญิบรีน

            ได้มีการถามเชค อิบนุ ญิบรีน ว่า : มีการจัดงานกันอย่างกว้างขวางในหมู่วัยรุ่นมุสลิมทั้งชายและหญิงในวันที่มีชื่อว่า วันแห่งความรักหรือที่เรียกว่า วันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นชื่อของนักบวชในศาสนาคริสต์ผู้หนึ่ง วันดังกล่าวนี้เป็นวัฒนธรรมของชาวคริสต์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 ของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ในวันนั้นจะมีการมอบดอกไม้เป็นของขวัญ มีการตกแต่งประดับประดาด้วยสีแดง และมีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดง การเฉลิมฉลองและการมอบของขวัญรวมถึงการแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในวันดังกล่าวนั้นมีหุก่มเช่นไร ?                 

ท่านได้ตอบว่า :

     หนึ่ง : ไม่อนุญาตให้มีการเฉลิมฉลองในวันเช่นดังกล่าวนี้ เพราะวันดังกล่าวเป็นวันรื่นเริงที่ถือว่าเป็นบิดอะฮฺอย่างหนึ่งซึ่งไม่มีในต้นแบบที่มาจากหลักฐานทางชะรีอะฮฺอิสลาม สิ่งดังกล่าวนี้จึงเข้าข่ายในความหมายของหะดีษอาอิชะฮฺ ที่อ้างถึงคำกล่าวของนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ได้กล่าว

"ใครผู้ใดที่คิดอุตริในสิ่งที่เกี่ยวกับศาสนาของเรา แต่มันมิได้มาจากศาสนาของเราแต่อย่างใดแล้ว สิ่งนั้นย่อมไม่ถูกยอมรับ”

 

     สอง : การเฉลิมฉลองในวันวาเลนไทน์ เป็นการเลียนแบบและปฏิบัติตามผู้ไม่ใช่มุสลิม ซึ่งเป็นการยกย่องเทิดทูนในสิ่งที่พวกเขาได้ให้การเทิดทูน และเป็นการให้เกียรติแก่วันรื่นเริงและวัฒนธรรมประเพณีของพวกเขา และเป็นการเจริญรอยตามวิถีทางของพวกเขาในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนา มีการเตือนในหะดีษ ความว่า

“ใครผู้ใดได้เจริญรอยตามกลุ่มชนใด เขาผู้นั้นก็เป็นผู้หนึ่งของกลุ่มชนนั้น”           

 

      สาม : สิ่งไม่ดีไม่งามและสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลได้ห้ามปรามที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นอีก เช่น การละเล่นรื่นเริง การร้องรำทำเพลง ความสนุกสนามรื่นเริงไร้ขอบเขต การโอ้อวด การปะปนกันระหว่างชายหญิง โอ้อวดความงาม การโชว์ตัวของสตรีต่อหน้าผู้ชายที่ไม่อนุญาตโดยศาสนา และไม่ถูกต้องถ้าจะอ้างว่านี่เป็นการผ่อนคลายหรือบันเทิงที่อยู่ในขอบเขต มีการควบคุมไม่ให้ทำสิ่งที่ผิด การอ้างนี้ไม่ถูกต้อง ดังนั้นผู้ที่สำนึกในตัวเองจำเป็นต้องห่างไกลจากบาปและสิ่งที่จะนำไปสู่บาปนั้น
             
     ท่านยังได้เสริมอีกว่า
 

          “และไม่อนุญาตให้มีการขายสินค้าใดๆ ที่ใช้ทำเป็นของขวัญและใช้ตกแต่งประดับประดา เมื่อรู้ว่า ผู้ซื้อต้องการใช้สิ่งนั้นเพื่อใช้ในงานและทำเป็นของขวัญ หรือใช้เพื่อเทิดทูนวันดังกล่าว เพื่อไม่ให้เจ้าของร้านต้องตกเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับผู้ที่ทำบิดอะฮฺดังกล่าวด้วย”


 

วัลลอฮุ อะอฺลัม


ผู้แปล : อิบรอเฮง อาลหูเซ็น  / Islam House


http://islamqa.com/index.php?ref=73007&ln=ara