การสรรเสริญของนักวิชาการต่อซ่อฮาบะฮฺ“อะฮฺลุล้ลบัยติ”
  จำนวนคนเข้าชม  7005

 

ثناء بعض أهل العلم على جماعة من الصحابة من أهل البيت


การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการต่อซ่อฮาบะฮฺ ที่มาจาก “อะฮฺลุล้ลบัยติ”

 ตอนที่1

 

 ท่านอัล-อับบ๊าส อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ผู้เป็นลุงของท่านร่อซูล   

          อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ซิยะรุอ๊ะอฺลามุลนุบะลาอฺ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 79-80) ว่า “ท่านอัลอับบ๊าส เป็นคนรูปร่างสูง และรูปหล่อที่สุด พูดจาไพเราะ และเสียงดังชัดเจนที่สุด ทั้งเป็นผู้มีความขันติอดทนสูงมาก และมีลักษณะเป็นผู้นำ (ที่ดี)”

          ท่านอัซซุบัยรฺ อิบนุ บั๊กการุ กล่าวว่า “ท่านอัลอับบ๊าส มีเสื้อไว้สำหรับให้คนยากไร้ของตระกูลฮาชิมได้ใช้สวมใส่ ท่านมีถาดใส่อาหารใบใหญ่ไว้เพื่อใส่อาหารเลี้ยงคนที่หิวโหย และท่านมีบริเวณไว้เพื่อกักขังคนโง่เขลา ท่านเป็นผู้ปกป้องเพื่อนบ้าน ท่านเสียสละทรัพย์สินเงินทอง และท่านช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม”

          และความหมายของคำว่า “มินเซาะเราะฮฺ” ในหนังสือ “ตะฮฺซีบ ตารีค อิบนุ อะซากิร” ระบุว่า “มิกเฏาะเราะฮฺ” คือ สถานที่ใช้ล่ามบุคคลที่กระทำการละเมิด มีความก้าวร้าว ข่มเหง และอธรรม (ดูใน หมายเหตุท้ายหน้าของหนังสือ “อัซซิยะริ”)

 ท่านฮัมซะฮฺ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ผู้เป็นลุงของท่านร่อซูล  

          ท่านอิบนุ อับดุลบัรริ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลอิซตีอ๊าบ” (เล่มที่ 1 หน้าที่ 270) ใน “ฮาชิยะตุลอิซอบะฮฺ” ว่า “ฮัมซะฮฺ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ อิบนุ ฮาชิม (ผู้เป็นลุงของท่านนบี อลัยฮิซซ่อลาตุวัสสลาม) นั้น ท่านได้รับการขนานนามว่า “อะซะดุลลอฮฺ” และ “อะซะดุรอซูลุฮู” (ราชสีห์แห่งอัลลอฮฺ และ ราชสีห์แห่งร่อซูลของพระองค์) และมีชื่อรองว่า “อบา อุมาเราะฮฺ” และ “อบา ย๊ะอฺลา” ด้วยเช่นกัน

          ท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวถึงท่านฮัมซะฮฺว่า “เป็นผู้นำที่เป็นวีรบุรุษ เป็นผู้ที่กล้าหาญชาญชัย คือ อบู อุมาเราะฮฺ และอบู ย๊ะอฺลา อัลกุร่อชีย์ (แห่งเผ่ากุเรช) อัลฮาชิมีย์ (แห่งตระกูลฮาชิม) อัลมักกียุ (เป็นชาวเมืองมักกะฮฺ) และหลังจากนั้นก็มาเป็น “อัลมะดะนียุ” (เป็นชาวเมืองมะดีนะฮฺ) อัลบัดรีย์ (เป็นผู้ร่วมรบในสงคราวบัดร์) อัชชะฮีด (เสียชีวิตเป็นชะฮีดในสงครามอุฮุด) เป็นลุงของท่านร่อซูล  และเป็นพี่น้องที่ร่วมดื่มนมมารดาเดียวกับท่านร่อซูล  (ดูหนังสือ “อัซซิยะรุ” เล่มที่ 1 หน้าที่ 172)

 อะมีรุลมุอฺมินีน อะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ  

          ท่านอิมาม มุสลิม ได้บันทึกไว้ในซอฮีฮฺของท่าน (ฮะดีษเลขที่ 276) ด้วยสายรายงานของท่านชุร็อยฮฺ อิบนุ ฮานิอฺ ได้กล่าวว่า :

          “ฉันได้หาท่านหญิงอาอิชะฮฺ เพื่อถามเธอถึงเรื่องการลูบบนรองเท้าหุ้มข้อทั้งสองข้าง เธอได้กล่าวว่า “จำเป็นที่เธอจะต้องไปหา อิบนิ อบีฏอลิบ แล้วก็จงถามเขา เพราะเขาร่วมเดินทางกับท่านร่อซูล  บ่อยครั้ง” และเราได้ถามเขา (ท่านอะลีย์) ท่านกล่าวว่า

“ท่านร่อซูล  ได้กำหนดไว้สำหรับผู้เดินทาง (เมื่อเสียน้ำละหมาดแล้วไม่ต้องถอดรองเท้าหุ้มข้อออก และให้ลูบไปบนรองเท้าได้เลย) โดยมีระยะเวลาสามวันกับอีกสามคืน และสำหรับผู้ที่อยู่ประจำ มิได้เดินทาง มีกำหนดไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน”

          และอีกรายงานหนึ่งของอิมาม มุสลิม (ท่านหญิง อาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา) กล่าวว่า “เธอจงไปหาอะลีย์ เพราะเขารู้เรื่องนี้ดีกว่าฉัน (ชุร็อยฮฺ อิบนุ ฮานิอฺ) กล่าวว่า “ฉันจึงได้ไปหาอะลีย์ (ถามเขาเรื่องนั้น) เขาได้เล่าเรื่องจากท่านนบี  ในทำนองเดียวกันนั้น”

          และอิบนุ อับดุล บัรริ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กลาวไว้ในหนังสือ “อัลอิสตีอ๊าบ” (เล่มที่ 3 หน้าที่ 51 ฮาชิยะตุลอิซอบะฮฺ) ท่านอะฮฺมัด อิบนุ ฮัมบัล และอิสมาอีล อิบนุ อิสฮาก อัลกอฎีย์ ทั้งสองกล่าวว่า “ไม่มีผู้รายงานในเรื่องเกี่ยวกับความประเสริฐของซอฮาบะฮฺคนใดจากบรรดาซอฮาบะฮฺ ด้วยสายรายงามที่ดีงามเชื่อถือได้ ดังที่ถูกรายงานเกี่ยวกับความประเสริฐของท่านอะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ และอะฮฺมัด อิบนุ ชุอัยบ์ อิบนุ อะลีย์ และอันนะซาอีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกัน”

          และอิบนุ อัลดุลบัรริ ก็ได้กล่าวไว้เช่นกัน (ในหนังสือเล่มดังกล่าว เล่มที่ 3 หน้าที่ 47) ว่า “ได้มีผู้ถามท่านอัลฮะซัน อิบนุ อะบิลฮะซัน อัลบัศรีย์ ถึงท่านอะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เขาตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ท่านอะลีย์นั้น เป็นลูกธนูของอัลลอฮฺที่เที่ยงตรงต่อบรรดาเป้าหมายที่พุ่งเป้าเข้าใส่ศัตรูของพระองค์ และเป็นผู้ที่รู้จักกันดียิ่ง ณ อัลลอฮฺ แห่งประชาชาตินี้ว่า เป็นผู้มีความประเสริฐ เป็นผู้มาก่อนใคร (นับเป็นคนแรกที่เข้ารับอิสลามที่มีอายุน้อยที่สุด) เป็นผู้ใกล้ชิดกับท่านร่อซูล  มากที่สุดแห่งประชาชาตินี้ เขาไม่เคยหลับใหล ไม่เคยทอดทิ้งคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ไม่เคยถูกตำหนิในเรื่องศาสนาของอัลลอฮฺ ไม่เคยถูกตำหนิ ไม่เคยถูกกล่าวหาด้วยข้อหายักยอกทรัพย์สินของอัลลอฮฺ เขาได้มอบความเด็ดขาดของอัลกุรอานให้แก่อัลกุรอาน ดังนั้น เขาจึงปลอดภัยโดยได้รับสวนสวรรค์ที่สวยหรูเป็นการตอบแทน คนที่กล่าวมานั้นคือ อะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ โอ้ ลุกั๊วะ!”

          ท่านอิบนุ อับดุลบัรริ ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกัน ในหนังสือ “อัลอิสตีอ๊าบ” เล่มที่ 3 หน้าที่ 52 ว่า “อัลอะซอมมุ” ได้รายงานจาก อับบ๊าส อัดเดารีย์ จากยะฮฺยา อิบนิ มะอีน เขากล่าวว่า “คนที่ดีที่สุดแห่งประชาชาตินี้รองลงมาจากนบีของเรา คือ ท่านอบูบักรฺ ท่านอุมัร ถัดมา คือ ท่านอุสมาน และถัดมาคือ ท่านอะลีย์ การเรียงลำดับนี้ถือเป็นมัซฮับของเรา และเป็นทัศนะของบรรดาอิมามของพวกเรา”

          ท่านอิบนุ อับดุลบัรริ ได้กล่าวไว้อีกเช่นกัน (ในหนังสือเล่มดังกล่าวในหน้าที่ 65) ว่า “อบูอะฮฺมัด อัซซุบัยรีย์ และผู้อื่นนอกจาก (อบู อะฮฺมัด) ได้รายงานจาก มาลิก อิบนิ มิฆวัล จากอุกัยลิ จากอัชชะอฺบีย์ ได้กล่าวว่า “อัลกอมะฮฺ” กล่าวแก่ฉันว่า “ท่านรู้ไหมว่าท่านอะลีย์เปรียบเสมือนอะไรในประชาชาตินี้ ? ฉันกล่าวว่า “แล้วท่านเปรียบเสมือนอะไรเล่า ?” (อัชชะอฺบีย์) กล่าวว่า “เขา (อะลีย์) เปรียบเสมือนท่านนบีอีซา อิบนุ มัรยัม ซึ่งมีประชาชาติกลุ่มหนึ่งรักเขา จนกระทั่งได้ตายไปด้วยกับความรักในตัวเขา (อีซา) และประชาชาติอีกกลุ่มหนึ่งโกรธแค้นเขา จนกระทั่งได้ตายไปด้วยกับความโกรธแค้นในตัวเขา(อีซา)”

          ผู้ถูกเปรียบเทียบตามความหมายของอัลกอมะฮฺ คือ พวก “ยะฮูดีย์” และพวก “นะซอรอ” นั่นเอง และในอัลมุชับบะฮฺ (ผู้ที่ถูกมองว่าเหมือนพวกนั้น) คือ พวก “อัลคอวาริจญ์” (พวกที่มีความขัดแย้งแล้วได้วางแผนสังหารท่านอะลีย์) และพวก “อัรรอฟิเฎาะฮฺ”

          อิบนุ อับดุลบัรริ ได้กล่าวไว้อีกเช่นเดียวกันในหนังสือ “อัลอิสตีอ๊าบ”  (เล่มที่ 3 หน้าที่ 33) ว่า “อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ” เห็นพ้องต้องกันว่า ท่านอะลีย์ได้มีโอกาสทำละหมาดหันหน้าไปยังสองกิบละฮฺ (บัยตุลมักดิส และ อัลก๊ะอฺบ๊ะฮฺ) ท่านได้อพยพจากบ้านเกิดของท่าน และได้เข้าร่วมสมรภูมิ บัดรฺ อัลฮุดัยบียะฮฺ และสมรภูมิอื่นๆที่นอกเหนือจากนั้น และท่านได้รับการทดสอบที่เจ็บปวด ณ สมรภูมิบัดริ สมรภูมิอุฮุด สมรภูมิอัลคอนดั๊ก สมรภูมิคอยบัร  นับเป็นการทดสอบที่ปวดร้าวอย่างยิ่งใหญ่ (ทั้งร่างกายและจิตใจ) ท่านเป็นผู้ที่สุดจะพรรณนาถึงในสมรภูมิเหล่านั้น ท่านทำหน้าที่ของท่านในสมรภูมิต่างๆในฐานะตำแห่งอันทรงเกียรติ และท่านเป็นผู้ถือธงของท่านร่อซูล  ในสถานที่สำคัญๆมากมาย และในวันที่เกิดสมรภูมิบัดริ ท่านได้เป็นผู้ถือธงของท่านร่อซูล ซึ่งก็เป็นกรณีที่มีความเห็นขัดแย้งกันว่าใครจะเป็รผู้ถือธงของท่านร่อซูล  และในวันที่เกิดสมรภูมิอุฮุดในขณะที่ท่านมุศอับ อิบนุ อุมัยรฺ ได้ถูกสังหาร ซึ่งในขณะนั้นธงอยู่ในมือของท่านร่อซูล(ซ.ล.)  และท่านได้นำเอาธงนั้นส่งต่อให้ท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ

          ท่านอิบนุ ตัยมียะฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “มินฮาจญุซซุนนะฮฺ” (เล่มที่ 6 หน้าที่ 178) ว่า “และอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ นั้น บุคคลทั้งสอง (ท่านอบูบักรฺ และท่านอุมัรฺ) ยังคงเป็นผู้ให้เกียรติ ให้การยกย่องอย่างสูงสุดทุกวิถีทาง ยิ่งกว่านั้นท่านยังยกย่องให้เกียรติกับตระกูลฮาชิมทุกคน มากกว่าคนอื่นๆในเรื่องเกี่ยวกับการมอบของกำนัลให้ ก็เพราะท่านทั้งสองได้ให้ความสำคัญกับท่านอะลีย์ ทั้งในด้านตำแหน่ง ด้านเกียรติยศ ด้านความรัก ด้านการยอมรับ ด้านการให้การสรรเสริญ และในด้านให้การเทิดทูนเกียรติ ท่านทั้งสอง (อบูบักรฺ และอุมัรฺ) ได้ปฏิบัติต่อบรรดาผู้ที่อยู่ในฐานะเดียวกับท่านอะลีย์ เช่นเดียวกันกับที่ได้ปฏิบัติต่อท่านอะลีย์ และท่านทั้งสองจะให้เกียรติยกย่องท่านอะลีย์ ซึ่งเป็นไปตามที่อัลลอฮฺ อัซซะวะญั้ล ได้ทรงให้เกียรติแก่ท่านอะลีย์เหนือกว่าบุคคลที่ไม่มีลักษณะเหมือนท่านอะลีย์ และทุกคนรู้ดีว่า ไม่เคยมีคำพูดหยาบคายไม่สุภาพกับท่านอะลีย์ออกมาจากท่านทั้งสองเลย แม้คนในตระกูลฮาชิม สักคนก็ยังไม่เคยมีเช่นกัน”

          จนกระทั่งเขา (อิบนุ ตัยมียะฮฺ) ได้พูดว่า “เช่นเดียวกับอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แน่นอน ท่านมีความรักอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอกับท่านทั้งสอง (อบูบักรฺ และอุมัรฺ) ท่านให้การยอมรับ ท่านให้การยกย่องให้เกียรติต่อท่านทั้งสองมากกว่าบรรดาประชาชาติทั่วๆไป ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีถึงสภาพของท่านเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่มีใครเคยได้ยินว่า มีคำพูดหยาบคายไม่สุภาพออกมาจากท่านอะลีย์ ออกมาทำลายสิทธิของท่านทั้งสอง(อบูบักรฺ และอุมัรฺ)เลย ท่านอะลีย์ไม่เคยพูดว่าตัวท่านเป็นผู้เหมาะสมที่สุดต่อการบริหารปกครองยิ่งกว่าบุคคลทั้งสอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นที่ทราบกันดี สำหรับผู้ที่ศึกษาเรียนรู้ฮะดีษต่างๆที่แข็งแรงถูกต้อง ซึ่งเป็นการรายงานมาจากบุคคลมากมายหลายสายรายงาน ไม่มีทางที่บุคคลที่รายงานเหล่านั้นจะรวมหัวโกหกได้ ไม่ว่าจะในเรื่องเฉพาะหรือเรื่องทั่วๆไป และที่สำคัญก็คือ เป็นผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้รายงานฮะดีษที่เป็นที่เชื่อถือได้ทั้งสิ้น"

          ท่านอิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้กล่าวไว้อีกเช่นกันในหนังสือ “มินฮาจญุซซุนนะฮฺ” (เล่มที่ 6 หน้าที่ 18) ว่า : “ส่วนท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ นั้น อะฮฺลุซซุนนะฮฺ เคารพรักท่านอะลีย์ เป็นมิตรกับท่าน และพวกเขายืนยันว่า ท่านเป็นหนึ่งใน “คุละฟาอฺ อัรรอชิดีน” และเป็นผู้ปกครองที่เที่ยงธรรมคนหนึ่ง”

          และอิบนุ ฮะญะริน ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัตตั๊กรีบ” ว่า “ท่านอะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ อิบนุ ฮาชิม อัลฮาชิมีย์ ฮัยดะเราะฮฺ อบูตุรอบ อบุลฮะซะนัยนิ เป็นลูกชายของลุงของท่านร่อซูล  และเป็นสามีของบุตรีของท่านร่อซูล เป็นบรรพชนรุ่นแรกคนหนึ่ง”

          และมีนักวิชาการเป็นจำนวนมากได้ให้น้ำหนักว่า “ท่านอะลีย์เป็นผู้เข้ารับอิสลามคนแรก เป็นแนวหน้าของคนอาหรับ และเป็นหนึ่งในจำนวนสิบท่าน (ที่ได้เข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกสอบสวน) ท่านได้เสียชีวิตลงในเดือนรอมฎอนปี ฮ.ศ.ที่ 40 ซึ่งในช่วงระยะเวลานั้น ท่านเป็นบุคคลที่ประเสริฐกว่าใครในบรรดาผู้ที่มีชีวิตอยู่ในมวลมนุษย์บนหน้าแผ่นดินนี้ ดังกล่าวนี้นับเป็นมติเอกฉันท์ของ “อะฮฺลุซซุนนะฮฺ” ท่านมีอายุรวมได้ 63 ปี ตามทัศนะที่มีน้ำหนักที่สุด”

          สำหรับท่านอะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ นั้นมีบุตรชาย 15 คน และบุตรสาว 18 คน อัลอามิรีย์ได้ระเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ “อัรริยาฎุลมุสตะฏอบะฮฺ” จากกลุ่มผู้รายงานฮะดีษของซอฮิฮัยนฺ ในหมู่ซอฮาบะฮฺ (หน้าที่ 180) แล้วอัลามิรีย์ยังได้ระบุชื่อบรรดาท่านเหล่านั้น และได้ระบุชื่อบรรดามารดาของท่านเหล่านั้น แล้วก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ลูกๆของท่านอะลีย์ รุ่นท้ายๆ ได้แก่ อัลฮะซัน อัลฮุซัยนฺ มุฮัมมัด อุมัร และอัลอับบ๊าส"

 อัลฮะซัน อิบนุ อะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ผู้เป็นหลานชายของท่านร่อซูล  

          อิบนุ อับดุลบัรริ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังือ “อัลอิซตีอ๊าบ” (ในเล่มที่ 1 หน้าที่ 369 ฮาชียะฮฺ อัลอิซอบะฮฺ) ว่า :   มี “อาซ๊าร” มากมายที่แข็งแรงเชื่อถือได้ (“อะซะรุน” บ้างก็ว่า คือสิ่งที่ถูกอ้างอิงมาจากซอฮาบะฮฺ และตาบิอีน บ้างก็กล่าวว่า หมายถึง ฮะดีษ) ที่มีรายงานมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายของบุคคลจำนวนมากมาย จากท่านนบี อะลัยฮิซซอลาตุวัสสลาม ว่า ท่านนบีได้พูดถึงอัลฮะซัน อิบนุ อะลีย์ ว่า “ลูกชายของฉันคนนี้ เขาจะเป็นผู้นำ และหวังว่าอัลลอฮฺจะทรงให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อที่เขาจะได้ทำการประนีประนอมระหว่างชนกลุ่มใหญ่ๆสองกลุ่มจากมวลมุสลิม”   (บันทึกโดยซอฮาบะฮฺกลุ่มหนึ่ง)

          และในฮะดีษของ อบีบักเราะฮฺ มีปรากฏเกี่ยวกับกรณีนี้เช่นกันว่า “เขา(อัลฮะซัน) เป็นลูกหลานของฉันในโลกดุนยานี้”

          และไม่มีความืดมนใดๆเป็นมลทินแก่บุคคลที่ท่านร่อซูล  ให้ชื่อว่าเขา “เป็นผู้นำ” (ซัยยิดัน) “เป็นผู้ปกครอง” ท่านอัลฮะซัน เราะฮฺมะตุ้ลลอฮิอะลัยฮิ เป็นผู้ที่มีความรอบคอบ เป็นผู้ที่มีความเคร่งครัด ความประเสริฐ ของท่านเรียกร้องให้ท่านสละอำนาจ และสละโลกดุนยานี้ โดยมีความปรารถนาในสิ่งที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ ตะอาลา และท่านได้กล่าวว่า :

          “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ฉันไม่ชอบเลยตั้งแต่ฉันได้รู้ถึงสิ่งที่ทำให้เกิดคุณและโทษแก่ฉัน ในการที่ฉันเข้ามาบริหารดูแลกิจการประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด  ต่อเมื่อการบริหารปกครองนี้ ทำให้แก้วที่ใช้กรอกเลือดต้องถูกเทเลือดให้ไหลนองออกมา” (มีการฆ่าฟันกันจนเลือดไหลนอง) และท่านเป็นผู้หนึ่งที่กระตือรือร้นในการช่วยเหลือท่านอุษมาน และเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมปกป้องท่านอุษมาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ

          อัซซะฮะบีย์ กล่าวถึงท่านอัลฮะซัน ไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 3 หน้าที่ 245-246) ว่า “เขา (อัลฮะซัน) เป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าผู้ปกครอง เป็นลูกของท่านร่อซูล  เป็นหลานรักของท่าน (ที่เกิดมาจากบุตรีของท่านนบี) และเป็นหัวหน้าของบรรดาเยาวชนคนหนุ่มชาวสวรรค์ เขาคือ อบู มุฮัมมัด อับกุรอชีย์ (แห่งเผ่ากุเรช) อัลฮาชิมี่ย์ (แห่งตระกูลฮาชิม) อัลมะดะนี่ยุ (แห่งชาวเมืองมะดีนะฮฺ) ผู้เป็นชะฮีด”

          และท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าวอีกเช่นเดียวกัน (ในเล่มที่ 3 หน้าที่ 253) ว่า “แท้จริง ผู้นำคนนี้เป็นนักปกครอง เป็นผู้มีลักษณะสง่างาม รูปหล่อ มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีเสน่ห์ ใจบุญ เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ มีเมตตากรุณา เป็นคนยึดมั่นในศาสนา เป็นคนเคร่งครัด อ่อนน้อมถ่อมตน มีภารกิจที่สำคัญยิ่ง”

          อิบนุ กะซี๊ร ได้กล่าวถึงท่านอัลฮะซัน ไว้ในหนังสือ “อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ” (ในเล่มที่ 11 หน้าที่ 192 -193) ว่า “และแท้จริง ท่านอบูบักรฺ อัซซิดดี๊ก ได้ยกย่องให้เกียรติ ให้ความสำคัญ และช่วยปกป้องระวังรักษาท่านอะลีย์ และท่านอุมัร ก็ได้ปฏิบัติกับท่านอะลีย์ เช่นเดียวกับที่อบูบักรฺได้ปฏิบัติ” แล้วยังได้พูดต่ออีกว่า “และท่านอุษมานก็เช่นเดียวกัน ท่านได้ให้เกียรติแก่ อัลฮะซัน และอัลฮุซัยนฺ และรักใคร่คนทั้งสอง และสำหรับอัลฮะซัน อิบนุ อะลีย์ ใน “เยามุดด๊ารฺ” วันที่ท่านอุษมาน อิบนุ อัฟฟานถูกล้อมบ้าน ในขณะนั้นท่านอัลฮะซันได้อยู่กับท่านอุษมาน และอยู่ในสภาพสะพายดาบติดตัว เตรียมพร้อมที่จะป้องกันท่านอุษมาน แต่ท่านอุษมานมีความเป็นห่วงท่านฮะซัน และได้ยืนยันกับท่านฮะซันว่า “พวกเหล่านั้นจะต้องกลับไปบ้านพวกเขาอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทำให้ท่านอะลีย์สบายใจ และมีความสงสารห่วงใยท่าน อัลฮะซัน ร่อฎิยัลลิฮุอันฮุม”

 อัลฮุซัยนฺ อับนุ อะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ผู้เป็นหลานรักของท่านร่อซูล   

          อิบนุ อับดุลบัรริ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลอิซตีอ๊าบ” (เล่มที่ 1 หน้าที่ 377) ใน “ฮาชียะตุ้ลอิซอบะฮฺ” ว่า “ท่านอัลฮุซัยนฺ เป็นผู้ประเสริฐ ยึดมั่นในศาสนา เป็นผู้ถือศีลอด ทำการละหมาด และทำฮัจญ์สม่ำเสมอ”

          อิบนุ ตัยมียยะฮฺ ได้กล่าวไว้ดังปรากฏอยู่ใน “มัจญ์มู๊อฺ ฟะตะวา” ของท่าน (เล่มที่ 4 หน้าที่ 511) ว่า “และอัลฮุซัยนฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ นั้น อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงให้เกียรติแก่ท่านด้วยการให้ท่านเสียชีวิต เป็นชะฮีดในวันนี้ (วันอาชูรออฺ วันที่ 10 แห่งเดือน มุฮัรรอม) ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ผู้ที่ลงมือสังหารท่าน หรือ ผู้ที่ให้การสนับสนุนให้มีการสังหาร หรือ ผู้ที่พอใจกับการที่มีการสังหารท่าน จะได้รับการดูถูกเหยียดหยาม และท่านเป็นผู้ดำเนินตามแบบฉบับที่ดีงามของบรรดา “ชุฮะด๊าอฺ” ที่ล่วงลับไปก่อนท่าน แท้จริง ตัวท่าน และพี่ชายของท่านเป็นผู้นำของบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวชาวสวรรค์ และท่านทั้งสองถูกอบรมบ่มนิสัยให้อยู่อย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีแห่งอิสลาม ในการอพยพ การสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และการอดทนต่ออันตรายในหนทางของอัลลอฮฺ ท่านทั้งสองไม่ได้ประสบ (กับมัน) เหมือนดังที่วงศ์วานของท่านนบีได้ประสบกับมันมาแล้ว ดังนั้น อัลลอฮฺตะอาลา ได้ทรงให้เกียรติแก่ท่านทั้งสองด้วยการให้เป็นชะฮีด เพื่อทำให้เกียรติของทั้งสองท่านครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นการยกระดับขั้นของท่านทั้งสองให้สูงส่งยิ่งขึ้น”

          และการสังหารท่าน (อัลฮุซัยนฺ) นับเป็นเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวงยิ่ง อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงกำหนดบัญญัติ “อัลอิซติรญาอฺ” (ให้กล่าวว่า “อินนาลิ้ลลาฮิ วะอินนา อิลัยฮิ รอญิอูน”) ขณะที่ประสบกับเคราะห์กรรมดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า :

قال الله تعالى :

وَبَشِّرِ الصَّابِرِينَ (١٥٥)الَّذِينَ إِذَا أَصَابَتْهُمْ مُصِيبَةٌ قَالُوا إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ (١٥٦)أُولَئِكَ عَلَيْهِمْ صَلَوَاتٌ مِنْ رَبِّهِمْ وَرَحْمَةٌ وَأُولَئِكَ هُمُ الْمُهْتَدُونَ (١٥٧)

          “และเจ้า (มุฮัมมัด) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ที่อดทนเถิด คือ บรรดาผู้ที่เมื่อมีเคราะห์กรรมมาประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า แท้จริง พวกเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และแท้จริง พวกเราจะต้องกลับไปสู่พระองค์ ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาจะได้รับพร และได้รับความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และชนเหล่านี้แหละ คือ บรรดาผู้ที่ได้รับการชี้นำสู่หนทางที่ถูกต้อง” (ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ 2 : 155-157)

          อัซซะฮะบีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวถึงท่านไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 3 หน้าที่ 280) ว่า “(อัลฮุซัยนฺ) เป็นผู้นำที่มีเกียรติ มีความเพียบพร้อมทุกประการ เป็นหลานรักที่เกิดจากบุตรสาวของท่านร่อซูล  และเป็นลูกของท่านในดุนยานี้ และเป็นที่รักของท่านร่อซูล เขาคือ อับดุลลอฮฺ อัลฮุซัยนฺ อิบนุ อะมีรุลมุอฺมินีน อะบิล ฮะซัน อะลีย์ อิบนุ อบีฏอลิบ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ อิบนุ ฮาชิม อิบนุ อับดุมะนาฟ อิบนุ กุศ็อยอฺ อัลกุรอชีย์ อัลฮาชิมีย์”

          อิบนุ กะซี๊ร ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ”(เล่มที่1 หน้าที่ 476) ว่า “จุดมุ่งหมายในที่นี้ก็คือ อัลฮุซัยนฺ ได้อยู่ร่วมสมัยกับท่านร่อซูล  และได้คลุกคลีกับท่านจนกระทั่งท่านร่อซูล  ได้สิ้นชีวิต ท่านนบีก็ยังคงความภาคภูมิใจ และพอใจในตัวหลานชายของท่าน แต่ในขณะนั้น อัลฮุซัยนฺ ยังเยาว์วัยอยู่ ภายหลังจากท่านร่อซูลได้สิ้นชีวิต ท่านอบูบักรฺ (อัซซิดดี๊ก) ก็ได้ยกย่องให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับท่านฮุซัยนฺเรื่อยมา ตลอดจนกระทั่งท่านอุมัรฺ และท่านอุษมาน ก็ได้ปฏิบัติต่อท่านเช่นเดียวกับท่านอบูบักรฺ 

ท่านฮุซัยนฺ ได้คลุกคลีเป็นเพื่อนติดตามบิดา (ท่านอะลีย์) ได้รายงานฮะดีษจากบิดาของท่าน และได้เข้าร่วมในทุกสมรภูมิกับบิดา ทั้งในสมรภูมิอัลญะมัล และสมรภูมิซิฟฟัยนิ และอัลฮุซัยนฺ เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เกียรติเป็นอย่างมาก”

 
 

  โปรดติดตามต่อใน ตอนที่ 2     >>>Click <<<

การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการต่อซ่อฮาบะฮฺ ที่มาจาก “อะฮฺลุล้ลบัยติ”

 

  

  ประเด็นต่างๆในการศึกษา

ความประเสริฐ และฐานะอันสูงส่งของ “อะฮฺลุ้ลบัยติ”  ณ อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ