รู้จักใช้ไหวพริบให้เหมาะกับจังหวะชีวิต
  จำนวนคนเข้าชม  9157

 

 

รู้จักใช้ไหวพริบให้เหมาะกับจังหวะชีวิต

โดย....วีด๊าด  สุขถาวร

 

          หน้าที่หลักของภรรยา มิใช่เพียงแค่การตอบสนองความสุขทางเพศที่ศาสนาอนุมัติให้แก่สามีเท่านั้น แต่ภรรยาจะต้องทำหน้าที่ เอาใจใส่ทั้งงานบ้านงานเรือน ดูแลทรัพย์สิน เอาอกเอาใจสามี คอยต้อนรับสามีด้วยรอยยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นทั้งเพื่อนร่วมสุขยามสามีสุขใจ และเพื่อนปรับทุกข์ยามสามีร้อนใจ หากภรรยาทุกคนสามารถทำได้เช่นนี้ จะช่วยเติมเต็มความสุขในชีวิตคู่ให้กันและกันอย่างสมบูรณ์

อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ว่า

" และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้า  เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง

และ ทรงมีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า  แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ"

(ซูเราะฮฺ อัรฺรูม / 21)

          ท่านหญิงอุมมุสุไลมะ บินติ มิลฮาน เป็นหญิงที่ใส่ใจการเติมเต็มความสุขในชีวิตคู่ให้สามีเหนือสิ่งอื่นใด เธอแต่งงานกับศอฮาบะฮ์ชื่อ อบูฏอลฮะฮ์ เธออยู่ร่วมกับเขาและให้กำเนิดบุตรร่วมกัน สามีของเธอรักและห่วงบุตรชายมาก เนื่องจากบุตรชายมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง ทุกครั้งที่สามีออกไปทำงานนอกบ้าน กลับมาจะต้องถามถึงบุตรชายก่อนอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง บุตรชายป่วยหนักและเสียชีวิต อบูฏอลฮะฮ์ ยังไม่ทราบข่าว !

อุมมุสุไลมะ จึงบอกคนในบ้านว่า "อย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้สามีฉันฟังเป็นอันขาด ขอให้ฉันเป็นผู้แจ้งข่าวนี้ด้วยตัวเอง"

 

เมื่อสามีกลับถึงบ้าน อุมมุสุไลมะ สังเกตเห็นความอ่อนล้าของสามี เธอต้อนรับสามีด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วพลันเขาจึงเอ่ยถามอาการของบุตรชายที่ป่วยหนัก

 

อุมมุสุไลมะ ตอบไปว่า "เขาสบายดี สงบสุขที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาแล้วค่ะ"

 

          ซึ่งคำตอบนี้เธอมิได้โกหกสามีแต่อย่างใด ด้วยไหวพริบที่เฉียบแหลมของเธอในการประเมินสถานการณ์ที่บั่นทอนความสุข เธอจึงตอบไปเช่นนี้ เพราะเธอตระหนักดีว่า สามีจะต้องสะเทือนใจเป็นอย่างมากกับการตายของลูกชาย ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา คืนนั้นเธอเตรียมอาหารมื้อพิเศษให้สามี พร้อมทั้งให้ความสุขกับเขาในคืนนั้น ทั้งๆที่ในใจเธอนั้นแสนจะโศกเศร้าอาดูร อุมมุสุไลมะยังไม่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สามีฟัง ทั้งที่เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ใครก็อดไม่ได้ที่จะเล่าให้ฟังตั้งแต่สามีกลับมาถึงบ้าน

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเธอได้ถามคำถาม เป็นการลองใจสามีว่า "คุณคิดอย่างไร หากมีคนกลุ่มหนึ่งได้นำของฝากมามอบให้ใครคนหนึ่งดูแล แล้ววันหนึ่งเขาก็มาทวงของฝากนี้คืนจากใครคนนั้น คุณคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะไม่คืนของฝากนั้นไหม?"

 

อบูฏอลฮะฮ์ ตอบว่า "ไม่เขาไม่มีสิทธิ์ ของฝากนั้นต้องกลับคืนสู่เจ้าของอย่างแน่นอน"

 

เมื่อเธอได้คำตอบจากสามีเธอจึงกล่าวว่า "อัลลอฮ์  ได้ฝากลูกไว้กับเรา และบัดนี้พระองค์ได้ขอคืนแล้ว ดังนั้น ขอท่านจงอดทนและหวังผลตอบแทนจากอัลลอฮ์ เถิด"

 

        หากสถานะการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับคุณ ในฐานะภรรยาคุณจะทำเช่นไร ! บางคนอาจร้องไห้ฟูมฟาย บางคนโวยวายใส่สามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน หรือบางคนก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจมกับความเศร้าจนลืมหน้าที่หลักของตน

          การใช้ชีวิตกับใครสักคนหนึ่ง แน่นอนว่าสองชีวิตจะต้องรับรู้ปัญหาของอีกฝ่ายให้มาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกจังหวะของชีวิต ที่จะคอยรายงานเรื่องราวของอีกฝ่าย หรือทุกความเป็นไปโดยไม่คำนึงถึงอีกฝ่ายว่าเขารับรู้แล้วจะเป็นเช่นไร

 

การที่สองฝ่ายต่างรู้จักใช้ไหวพริบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ใช่ว่าทั้งคู่ไม่ไว้ใจกัน แต่คอยหาจังหวะดีเพื่อสร้างความสุขให้ชีวิตคู่ต่างหาก

 

 

 

 

 

จากหนังสือ "ให้สองหัวใจผูกพันด้วยศรัทธา"