รอบิอุ้ลเอาวัล
  จำนวนคนเข้าชม  16636

 

รอบิอุ้ลเอาวัล

โดย… อาจารย์ อัชร็อฟ ทับทิม 

 

 

         ขอความสันติสุข ความซาลามะห์ เราะห์มัต จงประสบแด่มุสลิมทุกคน ท่านพี่น้องที่เคารพ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ربيع الاول คือเดือนที่เราใช้ชีวิตในวันนี้ นับว่าเป็นเดือนอันมีเกียรติ อีกเดือนหนึ่งในบรรดาเดือนต่างๆ ที่อัลลอฮ์   ทรงประทานให้แก่มวลมนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเดือนที่ท่านศาสดานบีมุฮัมมัด  ถือกำเนิดในเดือนนี้ 

          เราจึงนับได้ว่าเดือนร่อบีอุ้ลเอาวัลเป็นเดือนที่ผนวกเรื่องราวและจุดเริ่มแห่งบทบัญญัติในยุค นบีท่านสุดท้ายเลยทีเดียว นั้นก็คือ เริ่มตั้งแต่ท่านศาสดานบีมุฮัมมัด  เกิดวันที่ ๑๒ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล เรื่อยมาจนกระทั่งอพยพ  วันที่ ๒ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล และสุดท้ายก็คือ เสียชีวิต วันที่ ๑๓ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล  เรื่องราวทั้งสามช่วงในหน้าประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเดือนอันมีเกียรติ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัลทั้งสิ้น จะหยิบยกเหตุการณ์เพื่อที่จะนำมาปรับ ประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและเป็นอนุสติเตือนใจเราท่านทั้งหลาย

         ในวันจันทร์ที่ 12 ร่อบีอุ้ลเอาวัล เราถือได้ว่าเป็นวันเกิดของท่านนบี  บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายต่างก็ปลาบปลื้มปิติยินดีและสดุดีให้กับท่าน เช่นกับเราในฐานะที่เป็นประชาชาติของท่านย่อมปลาบปลื้ม และรำลึกถึงการมาของมหาบรุษของโลก ที่มาพร้อมกับหลักธรรม คำสอน และแบบฉบับอันดีงามในการบริหารชีวิตตามพระบัญชาของอัลลอฮ์  เราจะเห็นได้ว่า เมื่อเดือนนี้มาถึง เราจัดให้มีการนำอัตตะชีวประวัติ และพระจริยวัติของท่านมาประกาศให้แซ่ซ้อง เพื่อเป็นการสดุดีให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด  ซึ่งแต่ละคนนั้นย่อมมีรูปแบบในการรำลึกถึงท่านนบี ที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่การปฏิบัติเพื่อให้มีจิตสำนึก หากแต่เราจะต้องมีจิตสำนึกเพื่อที่จะปฏิบัติ นั้นก็คือเราจะต้องนำในสิ่งที่ท่านนำมาเผยแผ่ เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต ดังนั้นเดือนร่อบีอุ้ลเอาวัลจึงไม่ใช่เดือนที่มุ่งเฉลิมฉลองให้กับท่านศาสดานบีมุฮัมมัด  เท่านั้น และก็ไม่ใช่เดือนที่รำลึกถึงท่านในเชิงทฤษฎีเท่านั้น หากแต่ต้องนำมาในเชิงปฏิบัติควบคู่กันไปเพื่อที่จะบรรลุถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริง

 

         ท่านพี่น้องที่เคารพ เราจะเห็นได้ว่าสังคมมุสลิมเราทุกวันนี้ ระส่ำระสาย ศักยภาพที่มีก็เป็นแบบ ล้มลุกคลุกคลาน แรงผลักดัน ที่จะทำสังคมพัฒนาก็แทบจะหมดไป สาเหตุสำคัญก็เนื่องมาจาก บุคคลากรในสังคมไม่เคยหยิบกระจกแห่งความจริงขึ้นมาส่องดูริ้วรอยความบอบช้ำในสังคม มันเลยทำให้สังคมแห่งนี้เต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากจะเยียวยาบำบัด  

 

         ฉะนั้นเราต้องสร้างวัคซีนป้องกันภาวะความบกพร่องของอีหม่าน โดยนำหลักธรรมคำสอนของศาสนาเป็นตัวยา เป็นภูมิคุ้มกันปกป้องตัว และนำจริยวัตรของท่านศาสดามาเป็นวิธีการปฏิบัติ ในเหตุการณ์ต่อมา ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์นั้นก็คือ การอพยพจากนครมักกะห์ ซึ่งการอพยพของท่านนบี  นั้นเป็นไปตามพระบัญชาของอัลลอฮ์  มูลเหตุแห่งการอพยพ ก็เพื่อปลีกจากสังคมอันเลวร้ายไปสู่สังคมที่ดีกว่า อันเนื่องมาจากมหานครมักกะห์ในขณะนั้นคราคร่ำไปด้วยอบายมุข กักขระอนาจารต่างๆ ซึ่งการอพยพของท่านไม่ได้เป็นการหนีปัญหา แต่การอพยพของท่านเป็นการตั้งต้นและหายุทธวิธีที่ดีกว่าในการปฏิวัติสังคม

 

         ท่านพี่น้องที่เคารพ ท่านนบี  ต้องใช้ความอดทน อย่างมากมายในการเรียกร้อง เชิญชวนสู่อิสลาม จนบางคนต้องเสียชีวิตเพราะถูกทรมานด้วยสาเหตุที่เขารับอิสลามเป็นหลักยึดเหนี่ยว ถึงกระนั้นอิสลามก็ยังไม่อนุมัติให้มีทำการสู้รบตอบโต้ แต่ให้ใช้การอดทน และสันติวิธีดังปรากฏ อยู่ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน โองการที่ 109 ซูเราะฮยูนุส


وَاتَّبِعْ مَا يُوحَى إِلَيْكَ وَاصْبِرْ حَتَّىَ يَحْكُمَ اللَّهُ وَهُوَ خَيْرُ الْحَاكِمِينَ

 

"และเจ้าจงปฏิบัติตามโองการที่ถูกประกาศแก่เจ้าและจงอดทน (ต่อความยากลำบาก และอันตรายให้ร้ายของผู้ปฏิเสธ)

จนกว่า อัลลอฮจะพิพากษา ( ระหว่างเจ้ากับผู้ปฏิเสธ) และพระองค์ทรงเป็นเลิศในบรรดาผู้พิพากษา"

 

        จากโองการนี้ทำให้นบี  และบรรดาอัครสาวกต้องอดทนและใช้ขันติวิธี ท่านนบีและอัครสาวกผ่านการทดสอบ ความอดทน และกล้ำกลืนเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 13 ปี จนกระทั่งอัลลอฮ์  มีบัญชาให้อพยพ ณ จุดนี้ แน่นอนเราได้รับประโยชน์ที่จะปรุงแต่ง และแต่งแต้มสีสันให้กับการดำเนินชีวิตอย่างมากมาย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า สังคมของเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยคราบของความเลวทรามในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านใดก็แล้วแต่ แล้วเราจะทำอย่างไร ในการที่จะบูรณะสังคมที่มันเริ่มทรุดโทรมให้กลับมาตระหง่านได้อีกครั้ง แน่นอนที่สุดเราจะต้องใช้หลักธรรมคำสอนของศาสนาเป็นพื้นฐาน แต่ปัญหาคือ เรากล้าไหมที่จะยืนหยัด เรียกร้องในสิ่งดังกล่าว เราจะอดทนกันอย่างเดียวจนไม่คิดที่จะแก้ไขกระนั้นหรือ ? การกระทำแบบนั้น มันไม่ใช่หนทางของคนที่ศรัทธามั่น แต่เราต้องอดทนเคียงข้างกับการพัฒนา

 

         ท่านพี่น้องที่ยึดมั่นในอัล-อิสลามทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าได้กลัว หากว่าการเรียกร้องและแก้ไขของท่านที่ทำไปนั้น เพื่ออัลอิสลาม ไม่ต้องกลัวว่าคนเลวๆ จะทำให้เราต้องได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากพระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน โองการที่ 30 ซูเราะฮ อัมฟาล


وَإِذْ يَمْكُرُ بِكَ الَّذِينَ كَفَرُوا لِيُثْبِتُوكَ أَوْ يَقْتُلُوكَ أَوْ يُخْرِجُوكَ ۚ وَيَمْكُرُونَ وَيَمْكُرُ اللَّهُ ۖ وَاللَّهُ خَيْرُ الْمَاكِرِينَ ﴿٣٠﴾

 

"และเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธวางแผนร้ายต่อเจ้า เพื่อขังเจ้าไว้หรือสังหารหรือขับไล่ออกจากถิ่นฐานที่เจ้าอยู่อาศัย

และพวกเขาวางแผน อัลลอฮก็ทรงวางแผน(ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายของพวกเขา) อัลลอฮ์ ทรงเป็นเลิศในบรรดาผู้วางแผน"

         จากโองการนี้ทำให้เราได้รับรู้ว่า แผนการของมนุษย์นั้น ไม่อาจที่จะหลุดพ้น เงื้อมมือของพระองค์ได้ ไม่ว่ามนุษย์จะวางแผนกระทำสิ่งใด พระองค์ทรงรับรู้ทั้งสิ้น ปัญหาที่เกิดให้พบเห็นไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาครอบครัว และอีกปัญหานานาประการ จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในครอบครัวที่ต้องร่วมมือในการแก้ไข ต้องอดทนเพื่อให้สังคมน่าอยู่ และที่สำคัญคือ ต้องยืนหยัดที่จะต่อสู้กับมันอย่างแท้จริง

         ท่านพี่น้องที่เคารพ เราจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกรานอันได้แก่ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมเพื่อเรียกร้องสู่ทางนำ แน่นอนเราต้องได้รับชัยชนะ หากเราจะมองให้ลึกลงไป ภาระของการแก้ไขปัญหาทางสังคมไม่ได้ตกกับตัวผู้นำแต่อย่างเดียว หากแต่ทุกคนต้องรู้หน้าที่ ที่อัลลอฮ์ได้มอบเป็นอามานะฮฺ ให้กับเรา พ่อแม่ก็ต้องดูแลผู้อยู่ภายใต้ร่มเงาของครอบครัว ลูกก็ต้องปฏิบัติตามในขอบเขตของคำว่า “ลูก” และทุกคนต้องมีภาระต้องรับผิดชอบกันไป

          หากสังคมใดที่ยากที่จะเยียวยา หากการมีอยู่ของเรา การเรียกร้องของเรา ไม่ได้นำมาซึ่งการพัฒนาทางจิตใจ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็อย่าดักดานอยู่ในสังคมนั้นต่อไป ให้อพยพไปยังสังคมที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ดีกว่าตามแบบ อัลอิสลาม แต่การไปของเราต้องไปแบบมองเหลียวหลัง ไม่ใช่ไปแล้วไม่มองกลับมาอีกเลย นั่นก็คือการถอยเพื่อรุก เพื่อที่จะมาเปลี่ยนแปลงและใช้จิตวิธีในการแก้ไขเพราะย่อมไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่งในการที่จะปล่อยให้สิ่งเลวๆ ต้องคงอยู่ต่อไป จะเห็นและเรียนรู้จากการอพยพของท่านนบี  ท่านไม่ได้หนีปัญหาหากแต่ท่านกลับมาเรียกร้องชาวมักกะฮ์ภายหลัง เพราะชาวมักกะฮ์ในขณะนั้นดื้อรั้น และไม่ฟังการใดๆ ทั้งสิ้น และนี่ก็เป็นบทเรียนและสิ่งที่เราได้รับบางประการจากการอพยพ

        ท่านพี่น้องที่เคารพ ท่านนบี  เผยแพร่ศาสนา 23 ปีโดยประมาณ ท่านสอบผ่านในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านอีหม่าน อดทน วิจารณญาน และใดๆ ก็ตาม และท่านเสียชีวิตในเดือนนี้เช่นกัน เดือนนี้จึงนับว่าเป็นเดือนเริ่มต้นของความคิดและอุดมการณ์ แต่เดือนนี้คงไม่หมดไปพร้อมกับการจากไปของท่านนบี  เรื่องราวต่างๆ ยังคงอยู่ในใจของผู้มีอีหม่านทุกคน พร้อมที่จะสั่นและปลุกเร้าให้โลดแล่นบนถนนแห่งการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ สืบต่อไป

         วิธีการที่เราจะปฏิบัติตามท่านนบี  ในเรื่องการอพยพ หมายความว่า เราไม่สามารถที่จะอพยพจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่งได้ แต่มีวิธีการปฏิบัติตามท่านนบี  คือ จากการกระทำที่ไม่ดี ไปสู่การกระทำที่ดี วิธีการอพยพเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนี้มีวิธีการปฏิบัติที่จะขอนำเสนอพอสังเขปดังนี้

     ประการแรก จงเป็นบุคคลมุสลิมที่ซอและห์ คือทุกคนจะต้องปฏิบัติตามคำสอนของอิสลามอย่างครบถ้วน พร้อมกับยกระดับหรือทำความดีเพิ่มในทุกๆเวลา และจงปรับปรุงตัวเองจากการกระทำความผิดต่างๆ ด้วยการเตาบัตต่ออัลลอห์

     ประการที่สอง จงสร้างครอบครัวแห่งการยำเกรง มีตักวาต่ออัลลอห์ ด้วยการอบรมสั่งสอนบุตร ตลอดจนภรรยาให้รู้ถึงฮุ่กุ่มต่างๆของอิสลาม สอนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี สวรรค์ นรก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ปฏิบัติตามและเชื่อฟังต่ออัลลอห์ตามคำสอนของอิสลาม และสอนให้ละทิ้งในสิ่งที่อิสลามห้าม อย่าปล่อยให้พวกเขาทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ

     ประการที่สาม จงดำเนินการเผยแผ่คำสอนของอิสลามด้วยวิธีการที่ดี และจงสอนด้วยวิชาความรู้ที่ถูกต้อง และจงปรับปรุงการงานต่างๆตลอดจนถึงเรื่องอัคล๊าค เรื่องมารยาท ที่สร้างความเสื่อเสียไปสู่สัจธรรมอันดีงาม


         สุดท้าย ขอพระองค์อัลลอห์  ทรงเปลี่ยนแปลงพวกเรา ทรงอพยบพวกเรา จากการใช้ชีวิตที่จมปลักในอารมณ์ใฝ่ต่ำ หรือใช้ชีวิตในหนทางที่ไม่ดี ให้สู่หนทางชีวิตที่ดี เฉกเช่นหนทางของบรรดาซอฮาบะห์ของท่านนบี 

 

 

 

คุตบะฮ์ วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ