โอกาสในการเปลี่ยนแปลงเยาวชน
  จำนวนคนเข้าชม  4268

 

โอกาสในการเปลี่ยนแปลงเยาวชน

 

โดย...อาจารย์ ฮูซัยน์ ลาตีฟี

 

          ขอความสันติ ความรัก ความเมตตา ความกรุณา และความจำเริญจากพระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา จงโปรดประสบแด่พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน ก่อนอื่นกระผมใคร่ขอย้ำเตือนตัวกระผมเอง และบรรดาพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน ให้ตั้งมั่นอยู่ในความยำเกรงเกรงกลัวหรือ ตั๊กวา ต่อพระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ด้วยการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ทรงใช้ และละเว้นห่างไกล ไม่ปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ทรงห้าม 

 

          ท่านพี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน ในช่วงเวลาที่โรงเรียนหยุดนี้ หรือในช่วงอื่นๆ ที่ปิดภาคเรียน หากเราได้พิจารณา ดูเยาวชนมุสลิมของเราส่วนใหญ่ให้ดีๆ เราจะรู้สึกได้ว่า คุณภาพของเขาในเรื่องวิชาความรู้ และการเลื่อมใสศรัทธานั้นด้อยและตกต่ำลง กล่าวคือ เรามีแต่เยาวชนมุสลิม ประเภทที่เอาดีทางศาสนาไม่ค่อยที่จะได้  ในหมู่บ้านเรามีเยาวชนมุสลิมปริมาณมากขึ้นทุกที แต่เรายังไม่ได้หาทางเพิ่มคุณภาพกันเท่าที่ควร 

 

          เวลานี้เราทุ่มเทกันเหลือเกิน ในเรื่องของการศึกษาหาความรู้ทางโลก ทุกครอบครัวสู้ไม่ถอย หมดเท่าไหร่เท่ากัน พร้อมที่จะยอมหาทรัพย์สิน เงินทองมาใช้จ่าย เพียงเพื่อให้ลูกๆของเราร่ำเรียนทางโลก แต่ในหนทางของศาสนา วิชาความรู้ที่เอื้ออำนวย ให้เยาวชนของเรารู้จักหลักการศรัทธา หลักปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับมุสลิม เพื่อจะมีชีวิตราบรื่น ในโลกหน้าอาคีเราะห์ เรากลับไม่ค่อยจะเอาจริงเอาจังกันเท่าใด 

 

         เวลานี้เราคิดดูให้ดีเถิด ลูกๆของเรารู้จักดาราโทรทัศน์ รู้จักดาราตลก  จำหน้าดาราภาพยนตร์ได้แม่นยำ เห็นหน้าที่ไหน บอกได้ทันทีว่า คนนั้นชื่ออะไร  เล่นเรื่องใด เป็นตัวอะไรบ้าง เหล่านี้เยาวชนของเรารู้รายละเอียดได้อย่างดี   แต่พอใครก็ตามหันไปถามเรื่องศาสนา  เรื่องการศรัทธา  อิหม่าน หรือเรื่องต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ เวลานี้เยาวชนมุสลิมของเราจำนวนไม่น้อย ไม่มีความรู้ บอกไม่ถูก เพราะพวกเขาไม่เคยเรียน ไม่เคยรู้ พ่อแม่บางคนไม่เคยสอน และไม่ค่อยส่งเสริมให้ร่ำเรียนอีกด้วย 

 

        เยาวชนของเราบางคน บางครอบครัว ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮวซัลลัม   ได้สั่งสอนเรื่องไหน แนะนำเรื่องใด และห้ามปรามเรื่องอะไรแก่เราบ้าง ยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางคน แม้แต่ “สองกาลีมะห์ซะฮาดะห์” ก็ยังกล่าวไม่ได้ ทั้งที่เป็นมุสลิมตั้งแต่ดั้งเดิม  เป็นมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง 

 

ท่านพี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน พระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ตรัสไว้ในซูเราะห์ อัลอะอฺรอฟ อายะห์ที่ 156 ว่า
 

"ความเมตตาปรานีของข้านั้น กว้างขวาง ครอบคลุมต่อทุกสิ่งทุกอย่าง"

 และตรัสไว้ในซูเราะห์ อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 135 ความว่า

"ไม่มีผู้ใดจะอภัยโทษต่างๆ นอกจากพระองค์ อัลลอห์ เท่านั้น"

         ดังนั้นในเรื่องของศาสนาที่เยาวชนมุสลิมไม่ได้เอาใจใส่ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันแล้วไป เรามาเริ่มต้นตั้งใจให้ความสนใจกันใหม่ ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับมุสลิม ประเภทที่มุ่งหวังและหันหน้าเข้าหาความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า ในช่วงเวลาโรงเรียนหยุด หรือในช่วงปิดภาคเรียน ขอให้เราหาทางให้เยาวชน ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาการทางศาสนากัน เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้เสมอ สงสาร และเมตตาลูก ๆ หลาน ๆของเราให้มาก มีทางใดบ้างไหม ที่จะส่งพวกเขาไปเรียน หรือมีทางใดบ้างไหม ที่จะมีผู้รู้มาเป็นครูสอน ชี้แนะให้พวกเขาได้มีวิชาการทางศาสนา รู้แนวทางการปฏิบัติ รู้ในเรื่องศาสนาใช้และที่ศาสนาห้าม และรู้เข้าใจพร้อมทั้งเลื่อมใสศรัทธาในหลักการอย่างถูกต้อง และเที่ยงตรง  เราก็ควรหาทางนั้นเอาใจใส่กัน เพื่อพัฒนาพวกเขาให้เป็นมุสลิม ที่จะติดตามเราไปในโลกหน้าอาคีเราะห์ ได้ถูกทางกันดีกว่า ก่อนจะมีเยาวชนคนหนุ่มสาวของศาสนาอื่น มารับลูกสาวของเรา ไปรับเลี้ยงในฐานะภรรยา หรือก่อนที่จะมีสาวจากศาสนาอื่น มารับเอาลูกชายของเราไปเป็นสามี เมื่อถึงเวลานั้น เราจะต้องกินน้ำตาแทนข้าว ไปตลอดชั่วชีวิตอย่างไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ 

          ดังนั้นในช่วงโรงเรียนปิดหรือช่วงปิดภาคเรียนนี้ เป็นช่วงเวลา เป็นโอกาสทองของเราแล้ว ที่จะต้องแก้ไข หาวิชาความรู้ทางศาสนา ให้กับลูกหลานของเราให้มากดีกว่า พวกเขาจะได้เป็นมุสลิมทั้งกาย และจิตใจ ครอบครัวของเราจะได้มีโอกาส ไปอยู่ร่วมกันอีกในโลกหน้า ในร่มเงาแห่งความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า ไม่อย่างนั้นแล้ว ลูกหลานของเราที่แสนน่ารัก จะต้องไปอยู่ร่วมสังคมเดียวกันกับชัยตอนมารร้าย 

         ท่านพี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน  มีเยาวชนมุสลิมที่อยู่ในฐานะลูก ที่พวกเขาได้หาทางตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ด้วยความน่าชื่นใจ พ่อแม่แทบจะหายเหนื่อย ในช่วงโรงเรียนหยุดนี้ ลูกที่ประเสริฐมากมายได้ขวนขวาย หาทางไปศึกษาหาวิชาความรู้ทางศาสนาที่มัสยิด หรือที่โรงเรียนที่มีการสอนทางศาสนา และมีเยาวชนบางคนก็ฉวยโอกาสนี้  หยิบยืมตำราวิชาฟัรดูอีน   มาทบทวนท่องบ่น และหยิบเอา อัลกุรอาน มาอ่าน เขาจะละหมาดฟัรดู ๕ เวลาอย่างครบถ้วน เสียงที่ลูกๆ อ่านอัลกุรอานในบ้าน เป็นเสียงสวรรค์ ที่พ่อแม่ที่มีความศรัทธาจะมีความชื่นใจ ถึงจะไปลำบากตรากตรำจากการทำมาหากิน มาเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน  พอถึงบ้านเห็นลูก ๆ ละหมาด เห็นอ่านอัลกุรอาน เห็นพวกเขาทบทวนตำราวิชาการศาสนา หรือฟัรดูอีน หรือถือกระเป๋าตั้งหน้าตั้งตาไปโรงเรียน ไปบาแล เพื่อศึกษาเล่าเรียนศาสนา แบบนี้พ่อแม่ก็หายเหนื่อย แม้จะเหน็ดเหนื่อยทั้งเดือนทั้งปี ก็หมดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แถมยังมีกำลังที่จะก้มหน้าทำมาหากินต่อไป อย่างปลาบปลื้มใจสบายใจ เยาวชนอย่างนี้ เขามีชื่อเรียกว่า “ลูกที่ซอและห์” 

ท่านนบี  ได้กล่าวว่า


رِضَاالَّربِّ رِضَاالوَالِدَيْنِ وَسَخَطُهٌ فِىْ سَخَطِهِمَا

"ความพอใจของพระผู้เป็นเจ้า อยู่ในความพอใจของพ่อแม่ และความกริ้วโกรธของพระผู้เป็นเจ้า อยู่ในความกริ้วโกรธของพ่อแม่"

         ดังนั้นเมื่อทราบดังนี้แล้ว เราก็อย่าได้ไปเอาเยี่ยงอย่าง แบบอย่าง  เยาวชนมุสลิมบางคนที่ไม่สนใจอะไรในเรื่องของศาสนา แม้แต่โรงเรียนจะหยุดหรือปิดภาคเรียน เคยทิ้งละหมาดอย่างไร ก็คงไม่เอาใจใส่อยู่อย่างนั้น เวลาปกติธรรมดาก็อ้างว่าไม่มีเวลาพอที่จะเรียน การบ้านมาก ศึกษาวิชาการศาสนาไม่ไหว แต่พอเวลามี โอกาสเปิด ช่วงปิดภาคเรียน ก็อ้างสาเหตุต่าง ๆ นา ๆ ไปตามเรื่องตามราวอย่างไร้เหตุผล และมีเยาวชนบางคนไม่สนใจต่อคำเตือนของพ่อแม่ ถือโอกาสเที่ยวเตร่ ทัศนาจรยังที่ต่าง ๆ บ้านช่องไม่ค่อยชอบอยู่ ส่วนการละหมาด การทบทวนวิชาการทางศาสนา ที่ตัวเองไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว ก็ไม่ค่อยจะกระตือรือร้นสนใจ ปล่อยเลยตามเลย ผ่านไปอย่างไม่ใยดี แบบนี้จะเอาเวลาช่วงไหนของชีวิต ที่จะทำตัวให้สมค่าของความเป็นมุสลิม 

         พ่อแม่เลี้ยงดูลูก ๆ มานานแสนนาน อยากจะให้เขาเป็นผู้มีวิชาความรู้ อยากจะให้เขาเป็นผู้สืบสกุลต่อไป แต่กลับทำตัวไม่เอาเรื่อง ไม่อยู่ในร่องรอยของศาสนา  ละหมาดฟัรดูห้าเวลา ทั้ง ๆ ที่มีเวลา ก็ไม่สนใจทำ ไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อได้เวลาละหมาด พ่อแม่ก็หันหน้าไปทางกิบลัต หันหน้าไปทางบัยตุลเลาะห์ แต่เขาในฐานะลูกผู้สืบสกุล ไม่ยอมละหมาดร่วมด้วย เขากลับหันหน้าไปทางโทรทัศน์ หันหน้าไปทางคอมพิวเตอร์เสียส่วนใหญ่ เวลานี้บ้านเรือนของเรา ชักมีสองสามกิบลัต อย่างที่ใครเขาว่า มันจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว 

         เมื่อเราได้เวลากินอาหาร เรามากินร่วมสำรับเดียวกัน อย่างไม่มีใครแตกแยก แต่พอได้เวลาละหมาด เราจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง แบบนี้บ้านเรือนของเราหมดบารอกัต ไร้ความสิริมงคล บ้านไหน ๆ ใครต่อใคร ที่เขามีการละหมาดรวมกันอยู่เสมอ เขาก็ได้รับความเมตตาปราณี จากพระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา กันอย่างพร้อมหน้า แต่บ้านของเรา กลับกลายเป็นแหล่งที่ชุมนุม ของชัยตอนมารร้าย เพราะไม่มีเสียงอะซาน ไม่มีการละหมาด ไม่มีเสียงอ่านอัลกุรอาน ไม่มีเสียงท่อง ทบทวนวิชาการทางศาสนา เรื่องนี้ถ้าบ้านไหน ครอบครัวใดเป็นอย่างนี้ ก็น่าเศร้าสลดใจเป็นที่สุด 

ขอพระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ทรงอย่าให้เกิดขึ้น ในหมู่บ้านของเรา แม้แต่หลังใดหลังหนึ่งเลย.... อามีน

 

คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ