ถ้าต้องการฝ่าฝืนจงทำดังนี้..
  จำนวนคนเข้าชม  5110

 

ถ้าต้องการฝ่าฝืนจงทำดังนี้..


 

โดย… อาจารย์ ดาวุด สันติวิไลพร

 

          ท่านพี่น้องมุสลิมที่เคารพรัก ท่านทั้งหลาย จงประพฤติปฏิบัติตาม ในสิ่งที่พระองค์ อัลลอฮ์  ทรงใช้และจงยับยั้งละเว้นในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม ด้วยความยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ อย่างยั่งยืนย่อมนำพาตนเองไปสู่แนวทางอันเที่ยงตรง และเป็นแนวทางที่มีความปลอดภัยในชีวิต ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอย่างแน่นอน 

 

          ท่านผู้ฟังที่เคารพ โดยปกติธรรมดาของมนุษย์นั้น เวลาได้ดีมีสุข ก็มักจะแสดงความดีใจ กระโดดโลดเต้นด้วยความลำพอง โดยคิดว่าความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากฝีมือของตัวเอง แต่เมื่อใดที่พบกับความผิดหวัง ก็แสดงความเสียอกเสียใจ เศร้าสร้อย ทุกข์ระทม กล่าวโทษ และพาดพิงถึงคนอื่นว่า เป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องลำบากลำบนเช่นนั้น 

 

การแสดงความดีใจต่อโชคลาภที่ได้รับไม่ได้เป็นที่ต้องห้ามแต่อย่างใด เช่น ตัวอย่างเช่น
 

        ในครั้งที่ท่านอุบัยดะห์  นำข้าวของมามากมาย มาจากบาห์เรน ซึ่งเป็นส่วยจากพวกคริสเตียน ขณะที่มาถึงเมืองมาดีนะห์เป็นเวลาหลังละหมาดซุบฮิ ผู้คนดีใจรีบออกไปต้อนรับท่านอุบัยดะห์ และท่านนบี  ได้เห็นสภาพของบรรดาสาวกของท่านเช่นนั้น ท่านจึงยิ้มและพูดว่า จงไปหาอุบัยดะห์เถิด แต่ท่านนบี  ได้สำทับด้วยคำพูดที่ให้ข้อเตือนใจไว้ว่า 

 

“ความจนนั้นฉันไม่กลัวหรอกว่าจะเป็นภัยพิบัติต่อพวกท่าน แต่ฉันกลัวว่าเมื่อดุนยาถูกตีแผ่ (ความรวย) แก่พวกท่าน

เมื่อนั้นพวกท่านจะแข่งขันกันจนหลงลืม เหมือนคนรุ่นก่อนที่แข่งขันกันจนพบความวิบัติ เพราะหลงลืมอัลลอฮ์ ” 
 

(สรุปจากรายงานของท่านอิหม่านบุคอรี) 

 

          ท่านผู้ฟังที่เคารพ การรื่นเริงกับปัจจัยชั่วคราวของโลกนี้จะมีจุดจบที่ความวิบัติและความขาดทุน แต่โองการต่อไปนี้ได้บอกเราถึงการรื่นเริง ซึ่งมีอยู่สองประการ

 

๑ . การได้รับความการุณจากอัลเลาะห์

 

๒ . และความเมตตาจากพระองค์ดังปรากฎในซูเราะห์ยูนุส จากอายะห์ที่ ๕๘ ความว่า
 

“จงกล่าวเถิดด้วยพระการุณแห่งอัลเลาะห์ และด้วยความเมตตาของพระองค์

ฉะนั้นด้วยเหตุนั้น จงให้พวกเขาได้รื่นเริง (พอใจ) เถิด มันมีคุณค่ายิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้” 

 

ท่านนบี  ได้สั่งเสียกับ มุอาช ว่า "ท่านทั้งหลายจงระวังการฝ่าฝืนอัลลอฮ์ด้วยการทำชั่ว แท้จริงการทำชั่วจะทำให้อัลลอฮ์ ทรงโกรธกริ้ว" 

 

          ได้มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ชอบทำฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์  อยู่เสมอ ได้เข้าไปหาอิบรอฮีม บิน อัดฮัม ร่อฮิมุ้ลลอห์ ซึ่งเป็น อุลามาอฺ นักปราชญ์ผู้มีคุณธรรมและจริยธรรม 

โดยที่ชายผู้นั้นได้กล่าวกับอิบรอฮีม บิน อัดฮัม ว่า “แท้จริงฉันปล่อยตัวของฉัน ท่านจงหาทางปรามมันด้วย” 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม ได้กล่าวว่า “ถ้าหากว่าท่านสามารถปฏิบัติในสิ่งห้าประการนี้แล้วท่านจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์  เด็ดขาด” 

ชายคนนี้มีความกระหายอยากรู้จึงได้พูดว่า “จงบอกฉันมาเถิด” 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม จึงกล่าวว่า “หนึ่ง ถ้าหากท่านต้องการจะทรยศต่ออัลลอฮ์ ท่านก็จงอย่ากินสิ่งใดที่เป็นริสกี (เครื่องยังชีพ) ของพระองค์” 

ชายคนนั้นรู้สึกประหลาดใจจึงถามขึ้นว่า “ท่านจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อริสกีทั้งหมดมาจากอัลลอฮ์  “ 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม  กล่าวว่า “ท่านยังกล้ากินสิ่งที่เป็นริสกีจากพระองค์แล้วทรยศต่อพระองค์อีกหรือ ?” 

ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ท่านจงบอกข้อที่สองเถิด" 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม  กล่าวว่า "ข้อสอง ถ้าหากท่านต้องการจะทรยศต่ออัลลอฮ์  ท่านจงอย่าอาศัยอยู่บนแผ่นดินของพระองค์เลย” 

ชายผู้นั้นรู้สึกประหลาดใจมากกว่าครั้งแรก เขากล่าวว่า “ท่านอิบรอฮีมท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อแผ่นดินทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ” 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม ตอบว่า “ในเมื่อท่านทราบเช่นนั้นแล้ว ท่านยังกล้าอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพระองค์แล้วยังทรยศต่อพระองค์อีกหรือ?” 

ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ไม่ โอ้ท่านอิบรออีม ท่านจงนำปัญหาข้อที่สามมาเถิด 

       ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม  กล่าวว่า "ข้อสาม เมื่อท่านต้องการทรยศต่ออัลลอฮ์  ท่านจงหาสถานที่ ซึ่งไม่มีผู้ใดมองเห็นการกระทำของท่าน แล้วท่านก็จงทรยศต่อพระองค์เถิด” 

       ชายผู้นั้นกล่าวว่า “โอ้ ท่านอิบรอฮีม ท่านจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่ออัลลอฮ์  ทรงรู้ในสิ่งเร้นลับและในสิ่งที่ซ่อนอยู่ พระองค์ทรงได้ยินเสียงมดดำเดินอยู่บนก้อนหินที่ไม่มีเสียงในค่ำคืนที่มืดสนิท” 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม กล่าวว่า “เมื่อท่านรู้เช่นนี้แล้วท่านยังกล้าทรยศต่อพระองค์อีกหรือ ?” 

ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ไม่ โอ้ท่านอิบรอฮีม ท่านจงบอกปัญหาข้อที่สี่มาเถิด 

       ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม  กล่าวว่า "ข้อสี่ เมื่อมะละกุ้ลเม้าท์ หรือมะลักแห่งความตายมาหาท่านเพื่อเก็บวิญญานของท่าน ท่านจงบอกกับเขาเถิดว่า ขอเลื่อนเวลาออกไปอีกหน่อยเถิด” 

       ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ท่านอิบรอฮีมท่านจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่ออัลลอฮ์  ดำรัสว่า “ดังนั้นเมื่อวาระกำหนดของเขาได้มาถึงแล้ว พวกเขา (มะลาอิกะฮ์) จะไม่ประวิงเวลาไว้สักยามเดียว และไม่รีบเร่งก่อนวาระ” 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดอัม กล่าวว่า “ในเมื่อท่านรู้เช่นนี้แล้ว ทำไมท่านจึงขอดุอาให้รอดพ้น”

ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ใช่ ท่านอิบรอฮีม ท่านจงนำปัญหาที่ห้ามาเถิด" 

ท่านอิบรอฮีม บิน อัดฮัม  กล่าวว่า "ข้อห้า เมื่อมะลาอิกะฮ์ดูแลนรกมานำท่านไปยังนรก ทำไมท่านจึงไม่อยากไปกับเขา” 

       เมื่อชายคนนั้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สำนึกว่า ถ้าเขาทำความผิดเขาไม่มีทางที่จะประวิงจากความตาย ไม่มีทางทำให้ล่าช้าออกไป และไม่มีทางที่จะรอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ 

เขาจึงร้องไห้ แล้วพูดว่า “พอแล้วท่านอิบรอฮีม ฉันขออภัยโทษจากอัลลอฮ์ และฉันจะภักดีต่ออัลลอฮ์  จนกว่าจะจากโลกนี้ไป” 


          ท่านผู้มีอีหม่ามที่รัก ชายผู้นั้นเมื่อได้สนทนากับท่านอิบรอฮีม แล้ว เขาก็ขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮ์  แล้วพวกเราเคยนึกเหมือนกับที่ชายผู้นี้นึกบ้างหรือเปล่า ? ดังนั้น เราต้องปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเรา พร้อมทั้งออกห่างจากสิ่งที่ต้องห้ามและให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เสมอ


 

คุตบะห์วันศุกร์  ณ มัสยิดท่าอิฐ