การจัดการศพ
  จำนวนคนเข้าชม  9793

 

การจัดการศพ

 

ชัยคฺ มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ


           แนวทางของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในการจัดการศพนั้น ถือเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์แบบที่สุด และต่างจากแนวทางของประชาชาติอื่น ๆ โดยท่านเน้นหนักในเรื่องของการปฏิบัติดีต่อผู้ตายและญาติพี่น้องของเขา และตอกย้ำให้เห็นว่ามนุษย์นั้นมีสถานะเป็นเพียงบ่าวของอัลลอฮฺ ตะอาลา

 

           ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จัดการกับศพซึ่งกลับไปสู่อัลลอฮฺ ตะอาลา อย่างดีที่สุด ท่านและบรรดาเศาะหาบะฮฺจะยืนเรียงเป็นแถว เพื่อสรรเสริญสดุดีอัลลอฮฺ และขออภัยโทษให้แก่ผู้ตาย หลังจากนั้นท่านก็จะเดินตามไปยังสุสานกระทั่งศพดังกล่าวถูกวางลงในหลุมฝังที่เตรียมไว้ จากนั้นท่านและบรรดาเศาะหาบะฮฺก็จะยืนขอดุอาอ์ให้ผู้ตายได้รับความปลอดภัยจากการลงโทษในหลุมศพ นอกจากนี้ท่านยังไปเยี่ยมสุสาน ให้สลาม และขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตายอยู่เป็นประจำ

 

          แนวทางของท่านในการจัดการศพนั้น เริ่มตั้งแต่การเตือนสติผู้ที่กำลังเจ็บป่วย ให้รำลึกถึงชีวิตในโลกอาคิเราะฮฺ พร้อมทั้งกำชับใช้ให้จัดทำพินัยกรรมสั่งเสีย และเตาบัตกลับตัว ท่านยังใช้ให้ผู้ที่อยู่กับผู้ป่วยใกล้ตายสอนให้เขากล่าวชะฮาดะฮฺปฏิญาณว่า “ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ” (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรคู่แก่การเคารพสักการะ นอกจากอัลลอฮฺ) เป็นคำกล่าวสุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจ

 

         ท่านห้ามมิให้เลียนแบบแนวทางของประชาชาติที่ไม่ศรัทธาต่อการฟื้นคืนชีพหลังตาย ไม่ว่าจะเป็นการตบตีใบหน้า ร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง และพฤติกรรมอื่น ๆ ของพวกเขาที่แสดงถึงความเสียใจกับการตายจนเลยเถิด

 

         ทั้งนี้ ท่านส่งเสริมให้วางตัวด้วยอาการสงบเมื่อมีการตายเกิดขึ้น แต่ท่านก็อนุญาตให้มีความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ หรือแม้แต่ร้องไห้โดยที่ปราศจากเสียงดังฟูมฟายได้ ซึ่งตัวท่านเองก็เคยทำเช่นนั้น โดยท่านเคยกล่าวว่า

 

« تَدْمَعُ العَيْنُ، وَيَحْزَنُ القَلْبُ، ولا نَقُولُ إِلَّا ما يُرْضِي الرَبَّ » [رواه البخاري برقم 1241 ومسلم برقم 2315]

 

 “น้ำตารินไหลเจิ่งนอง หัวใจโศกเศร้าเจ็บปวด แต่เราก็จะไม่เอื้อนเอ่ยกล่าวคำพูดใด นอกจากสิ่งที่ทำให้พระผู้อภิบาลทรงพอใจเท่านั้น” 

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1241 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2315)

          ท่านยังกำชับให้ประชาชาติของท่านกล่าวสรรเสริญสดุดีอัลลอฮฺ กล่าว อิสติรญาอฺ (อินนาลิลลาฮฺ วะอินนา อิลัยฮิ รอญิอูน) และพึงพอใจในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงกำหนด  ตามแบบฉบับของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮะวะสัลลัม นั้น ท่านจะใช้ให้รีบเร่งจัดการศพให้เรียบร้อยโดยไม่รอช้า ด้วยการชำระล้างทำความสะอาดร่างกายให้ทั่ว และใช้เครื่องหอม แล้วจึงห่อศพด้วยผ้าสีขาว จากนั้นศพจึงถูกนำมาวาง แล้วท่านก็ละหมาดญะนาซะฮฺให้

         ทั้งนี้ ในวาระสุดท้ายก่อนที่คนคนหนึ่งจะเสียชีวิต ท่านมักจะได้รับเชิญให้อยู่ร่วมด้วย ซึ่งท่านก็จะอยู่กับเขาจนกระทั่งเขาสิ้นลมหายใจ จากนั้นท่านก็อยู่ร่วมขั้นตอนการจัดการศพ และนำละหมาดญะนาซะฮฺให้ แล้วจึงตามไปส่งถึงหลุมฝังศพ แต่ภายหลังเศาะหาบะฮฺเห็นว่าขั้นตอนเหล่านี้อาจสร้างความลำบากให้แก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มากเกินไป ดังนั้น เมื่อมีคนตายพวกท่านจึงจัดการศพให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนำไปให้ท่านละหมาดญะนาซะฮฺภายนอกมัสยิด แต่ในบางครั้งท่านก็ละหมาดให้ภายในมัสยิด ดังที่ท่านละหมาดให้แก่ สะฮัล บิน บัยฎออ์ และน้องชายของเขา

     ♦ สิ่งที่เป็นแบบฉบับของท่านเช่นกันคือ การคลุมหน้าและร่างกายผู้ตาย และปิดตาทั้งสองข้าง บางครั้งท่านก็จูบผู้ตายด้วย ดังที่ท่านจูบ อุษมาน บิน มัซอูน พลางหลั่งน้ำตาร้องไห้

     ♦ ท่านใช้ให้อาบชำระล้างร่างกายผู้ตายจำนวนสามหรือห้าครั้ง ตามแต่ผู้ทำการอาบจะเห็นว่าเหมาะสม โดยท่านสั่งให้ใช้การบูรประกอบการล้างในครั้งสุดท้าย

     ♦ ส่วนผู้ที่ตายชะฮีดในสมรภูมิรบนั้น ท่านจะไม่อาบน้ำให้ โดยท่านจะถอดเครื่องหนังและชุดเกราะออก แล้วฝังพวกเขาพร้อมกับเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ และท่านจะไม่ละหมาดญะนาซะฮฺให้แก่พวกเขา

     ♦ ส่วนผู้ที่ตายขณะครองอิหฺรอม (ระหว่างทำหัจญ์หรืออุมเราะฮฺ) นั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ใช้ให้อาบน้ำศพโดยชำระล้างด้วยน้ำและใบพุทรา แล้วจึงทำการห่อด้วยผ้า อิหฺรอมทั้งสองผืนที่เขาสวมใส่ โดยในกรณีนี้ท่านห้ามมิให้พรมน้ำหอม หรือปิดคลุมศีรษะผู้ตาย

     ♦ ท่านกำชับผู้ที่ทำหน้าที่จัดการศพให้จัดแจงห่อศพด้วยความประณีตโดยใช้ผ้าสีขาว แต่ทั้งนี้ ท่านก็ห้ามมิให้ห่อศพด้วยผ้าที่มีราคาแพงหรือหรูหราจนเกินไป 

 

     ♦ ในกรณีที่ผ้าห่อศพสั้นเกินกว่าที่จะปิดคลุมร่างกายทุกส่วนได้ ท่านก็จะคลุมปิดส่วนศีรษะ แล้ววางหญ้าปิดคลุมส่วนเท้า


 

แปลโดย : อัสรัน นิยมเดชา / islamhouse