เดือนของการเปิดประตูแห่งความเมตตา
  จำนวนคนเข้าชม  8374

เดือนของการเปิดประตูแห่งความเมตตา


ดร.อับดุลกุ๊ดดู๊ซ อิบนุ อุซามะฮฺ อัซซามัรรออียฺ

โอ้ มุสลิมที่มีเกียรติ:

          ท่านอย่าได้ปล่อยให้เดือนรอมาฎอนผ่านไป ในขณะที่ท่านอยู่ในสภาพของผู้ปล่อยปละละเลย แต่ท่านจะต้องรีบเร่งไปสู่การทำให้มันเกิดภาคผลแห่งความดีออกมา ในขณะที่ท่านรู้ถึงความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ของมัน คุณค่าแห่งเวลาของมัน ในขณะที่ท่านเป็นผู้ที่มีการเตรียมพร้อม มีสติปัญญา เอาจริงเอาจัง มีความขยันหมั่นเพียร เพราะเป็นเดือนที่มีของขวัญอันล้ำค่าต่างๆมากมาย

 

 การเปิดประตูฟากฟ้า สวรรค์ และความเมตตา

อบูฮุรอยเราะฮฺ  รายงานว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  กล่าวไว้ว่า

 (( إذاجاء رمضان فتحت أبواب الجنة .))

      “เมื่อเดือนรอมาฎอนได้มาถึง ประตูของสวรรค์จะถูกเปิด”

(รายงานโดย อัลบุคอรียฺ 1898)

          ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้โอกาสที่มีการเปิดประตูสวรรค์ ที่มีภาคผลออกมา และประกอบกิจกรรมเพื่อจะได้อยู่ในบรรดาผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากประตูของบรรดาผู้ถือศีลอด ทั้งนี้เนื่องจาก สะฮ์ลฺ อิบนุ  สะอ์ดฺ   ได้รายงานจากท่านนบี มุฮัมมัด กล่าวไว้ว่า

((في الجنة ثمانية أبواب فيها باب يسمى الريان لايدخله إلاالصائمون  .))

“ในสวรรค์นั้น มีประตูอยู่แปดบานด้วยกัน บานหนึ่งมีชื่อว่า "อัรรอยยาน"

จะไม่มีใครเข้าไปทางประตูนี้ได้ นอกจากบรรดาผู้ถือศีลออดเท่านั้น”

(รายงานโดย บุคอรียฺ ในซอฮี๊ฮฺของท่าน 3/1188, เลขที่ 3084)

 

           เดือนรอมาฎอนจึงเป็นเดือนแห่งความหวังของบรรดาผู้ถือศีลอด ในการที่จะได้เข้าสู่สวรรค์ "อัรรอยยาน " ซึ่งเป็นประตูของบรรดาผู้ถือศีลอดในสวรรค์

(( إن في الجنة بابايقال له الريان ، يدخل منه الصائمون يوم القيامة ، لايدخل معهم أحدغيرهم ، يقال: أين الصائمون ؟ فيدخلون منه ، فإذادخل آخرهم ، أغلق فلم يدخل منه أحد .))

 

“ในสวรรค์นั้น มีประตูอยู่ประตูหนึ่ง มีชื่อว่า อัรรอยยาน ซึ่งบรรดาผู้ถือศีลอดจะได้เข้าไปทางประตูนี้ ในวันกิยามะฮ์

ไม่มีผู้ใด นอกเหนือนอกจากเขาจะเข้าไปกับพวกเขาได้

จะมีเสียงเรียกขึ้นมาว่า บรรดาผู้ถือศีลอดอยู่ไหน ? แล้วพวกเขาจะเข้าไปทางประตูนั้น

เมื่อคนสุดท้ายของพวกเขาเข้าไปแล้ว ประตูจะถูกปิด จะไม่มีคนหนึ่งคนใดเข้าไปทางประตูนี้ได้” 

(รายงานโดย มุสลิม เลขที่ 1152)

 ท่านทั้งหลายจงพยายามให้ได้เป็นคนหนึ่งจากพวกเขาเถิด .


 

เป็นเดือนที่มีการล่ามโซ่พวกมารร้าย ประตูของนรกถูกปิด

          รายงานของอบู ฮุรอยเราะฮฺ ว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ   กล่าวไว้ว่า

 (( إذادخل شهررمضان فتحت أبواب السماء ، وغلقت أبواب جهنم ، وسلسلت الشياطين .    ))    

 “เมื่อเดือนรอมฎอนได้มาถึง ประตูต่างๆ ของชั้นฟ้าจะถูกเปิด

ประตูต่างๆ ของนรกจะถูกปิด และพวกมารร้ายก็จะถูกล่ามโซ่” 

(รายงานโดย บุคอรียฺ ในซอฮี๊ฮฺของท่าน 3/1188, เลขที่ 1899)

          บรรดามุสลิมจะต้องแสวงหาประโยชน์จากการช่วยเหลือของอัลลอฮ์  เมื่อพระองค์ได้ล่ามโซ่แก่พวกมารร้าย (ชัยฏอน) บดบังเล่ห์กลของพวกมัน และทำให้การงานของพวกมันเสียหาย   พวกท่านจงระลึกเสมอว่า อัลลอฮฺ  นั้น ได้ทรงหยิบยื่นให้แก่เราในเดือนที่มีเกียรตินี้ ด้วยพลังแห่งศรัทธาต่อพระองค์ ตราชั่งในเดือนนี้มีน้ำหนักมากกว่า กำลังของชัยฏอน   และพลังของทางนำเป็นสิ่งที่ปรากฏชัด ในการเอาชนะสิ่งคลุมเครือต่างๆของความใคร่ ผู้ที่มีสติปัญญา คือ ผู้มีความรอบรู้ และทำการปฏิบัติตนด้วยเครื่องหมายแห่งการศรัทธา และใช้ช่วงเวลาที่มีค่านี้หมดไปกับการทำให้ความดีงาม เพื่อให้ความเที่ยงตรงได้ดำรงอยู่ตลอดไป


 

 ประตูต่างๆแห่งความเมตตาจะถูกเปิด

 . (( ...فتحت أبواب الرحمة ))  “…ประตูต่างๆ แห่งความเมตตาถูกเปิด” 

(รายงานโดย มุสลิม เลขที่ 1079)

         ใครที่มีการฝ่าฝืนในบทบัญญัติอิสลาม หรือมีการขาดตกบกพร่องในการเคารพภักดี ก่อนที่จะเข้าสู่เดือนรอมาฎอน เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่จะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ในการไขว่คว้าเพื่อให้ได้รับความเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้า  และใช้ประโยชน์จากเวลาที่มีอยู่ ดังนั้นมุสลิมจะต้องฝึกฝนตนเอง ให้มีความปรารถนาการเมตตาจากอัลลอฮ์  อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเทศกาลแห่ง การทำความดีงาม 

         ในเดือนรอมาฎอน อัลลอฮ์ ได้ทรงตรัสว่า การแสวงหาความเมตตานั้น ตั้งอยู่บนรากฐานที่มั่นคง เช่น การศรัทธาต่อพระองค์  การรักษาการงานที่ดี การดำรงมั่นที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อพระองค์ หมายความว่า เราต้องดำเนินตามหนทางแห่งความเมตตา เพื่อให้ได้มาซึ่งภาคผลของความดีงาม

 อัลลอฮฺ ตรัสไว้ว่า

“แล้วสำหรับบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และยึดมั่นอยู่กับพระองค์

พระองค์ก็จะทรงให้พวกเขาได้เข้าอยู่ในความเมตตา และความโปรดปรานของพระองค์

 และพระองค์จะทรงนำทางพวกเขาสู่บนหนทางที่เที่ยงตรงของพระองค์ ”

 (อัลนิซาอฺ 175)

          ถึงแม้มุสลิมจะเคารพภักดีมากขนาดไหนก็ตาม เขาก็ยังมีความต้องการความเมตตาจากพระองค์อัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ เป็นผู้ที่มีความเมตตาอย่างมากมาย ให้อภัยตลอดเวลา ประตูแห่งความเมตตาของพระองค์ มีมากเสียจนสามารถที่จะเปิดรับบรรดาบ่าวที่ให้เอกภาพแด่พระองค์ ที่กลับเนื้อกลับตัวและปรับปรุงแก้ไข ถึงแม้จะเกิดความผิดพลาดโดยไม่เจตนา ในการฝ่าฝืนพระองค์

  อัลลอฮฺ ตรัสว่า                                           

 “และเมื่อบรรดาผู้ที่ศรัทต่อบรรดาโองการต่าง ๆ ของเราได้มาหาเจ้า เจ้าก็จงกล่าวว่า

ขอศานติจงบังเกิดแก่พวกเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าได้ทรงกำหนดแก่ตัวของพระองค์ให้มีความเมตตา

 แท้จริง ผู้ใดในพวกเจ้าที่ทำความชั่ว ด้วยความไม่รู้ หลังจากนั้นเขากลับเนื้อกลับตัวในภายหลัง และปรับปรุงแก้ไข

แท้จริง พระองค์นั้น เป็นผู้ให้อภัยเสมอ ทรงเอ็นดูเมตตาตลอด”

(อัลอันอาม 54)

          อัลกุรอานได้บันทึกเรื่องราวต่างๆของชนรุ่นก่อนๆว่า ทั้งที่พวกเขาเป็นนบียฺได้รับความรักจากอัลลอฮฺ อย่างมาก  แต่พวกเขามีความหมั่นเพียรพยายาม ในการขอความเมตตาจากพระองค์ตลอดเวลา

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

             
 “โอ้ พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์อย่าได้ทรงให้หัวใจของเราเฉไฉไป หลังจากที่พระองค์ได้ทรงนำทางเรา

และขอพระองค์ได้ทรงให้ความเมตตา จาก ณ ที่พระองค์ท่านแก่เรา ซึ่งแท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ที่ให้อย่างมากมาย”

(อาละอิมรอน 8)

 

          นั่นเพราะว่า ความเมตตาจากอัลลอฮฺ นั้นเมื่อได้เกิดแก่บ่าวแล้วก็จะมีสิ่งบ่งบอกของความโปรดปราน การประทานความสำเร็จ จากพระองค์ ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า:

 “และสำหรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าของพวกเขาขาวผ่อง พวกเขาก็อยู่ในความเมตตาของอัลลอฮฺ

พวกเขาอยู่จะในนั้นไปตลอดกาล”

(อาละอิมรอน 107)


 เป็นเดือนที่มีการป้องกันให้พ้นจากการทดสอบ

         ดังนั้น เมื่อท่านต้องการที่จะปกป้องตัวของท่านให้พ้นจากการทดสอบทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็น และปกป้องวิญญาณให้พ้นจากความชั่วร้ายของจิตใจ และปกป้องร่างกายให้พ้นจากโรคร้ายต่างๆ และทำให้ร่างกายตระหนักด้วยการงดละ และลดภาระต่างๆของอาหาร เครื่องดื่ม และผลกระทบต่างๆที่มีความรุนแรงตลอดระยะเวลาหนึ่งปี จึงต้องถือศีลอด เนื่องจากท่านนบี มุฮัมมัด   กล่าวไว้ว่า

((..والصيام جُنَّة...))

“...และการถือศีลอดนั้น เป็นโล่ปองกัน...”

 

 (รายงานโดย บุคคอรี เลขที่ (1904) และมุสลิม เลขที่ 1151)