ผู้ที่ต้องรักใคร่ ผู้ที่ต้องโกรธเกลียด ผู้ที่ต้องปลีกตัว
  จำนวนคนเข้าชม  6232

 

 

 

ผู้ที่จะต้องให้ความรักใคร่ ผู้ที่จะต้องโกรธเกลียด และผู้ที่ต้องปลีกตัวออกห่าง

 เชค ดร. ซอลิฮฺ บินเฟาว์ซาน อัลเฟาว์ซาน

แปลโดย  มาลิก  โยธาสมุทร


          ผู้ที่เราจะต้องให้ความสนิทสนมชิดเชื้อและผู้ที่เราจะต้องปลีกตัวออกห่างนั้นมี  3 ประเภทด้วยกันคือ


ประเภทที่หนึ่ง 

          ผู้ที่ต้องมอบความรักให้อย่างบริสุทธิ์ใจ จะเป็นศัตรูไม่ได้เป็นอันขาด นั่นก็คือ  ผู้ที่ศรัทธา  (มุอฺมิน) ที่แท้จริง อันได้แก่บรรดานะบี (อัลอันบิยาอฺ)  บรรดาผู้สัตย์จริง (อัซซิดดีกีน) บรรดาผู้ที่ตายชะฮีด (อัชชุฮะดาอฺ) และบรรดาคนดี ๆ (อัซซอลิฮีน) และเหนืออื่นใดใครทั้งปวง คือ ท่านเราะซูล เพราะผู้ศรัทธาจะต้องรักท่านนะบี ยิ่งกว่ารักชีวิตของตนเอง ยิ่งกว่ารักลูก รักพ่อแม่ และรักมนุษยชาติทั้งมวล


          ต่อมาคือ รักบรรดา ภรรยาของท่านเราะซูล   ซึ่งเป็นมารดาของศรัทธาชน (อุมมะฮาตุลมุอฺมินีน)    วงศ์วาน (อะฮฺลุลบัยติ) และบรรดาซอฮาบะฮฺผู้ทรงเกียรติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดา “ คุละฟาอุรรอชิดีน”  ผู้ทรงธรรมทั้งสี่ท่าน ผู้ที่ได้รับแจ้งข่าวดีว่าเป็นชาวสวรรค์ทั้งสิบท่าน บรรดาชาวมุฮาญิรีน บรรดาชาวอันซ็อร บรรดาผู้ที่ออกร่วมรบในสมรภูมิ“บะดัร” บรรดาผู้ที่ร่วมให้สัตยาบัน “อัรริฎวาน” และ  บรรดาซอฮาบะฮ์ ที่เหลือทั้งหมด (ขออัลลอฮ์ทรงพอพระทัยท่านเหล่านั้นทั้งหมดด้วยเถิด)

          ต่อมาคือ  บรรดาตาบิอีน  และบุคคลในช่วงศตวรรษทั้งสามอันประเสริฐ ตลอดจนชนรุ่นแรกๆแห่งประชาชาติมุสลิมนี้ และบรรดาอิมามต่างๆ เช่น บรรดาอิมามทั้งสี่ เป็นต้น 

อัลลอฮ์ตรัสว่า

قال الله تعالى وَالَّذِيْنَ جَآءُوْا مِنْ بَعْدِ هِمْ يَقُوْلُوْنَ رَبَّنَا اغْفِرْ لَنَا وَلإِخْوَانِنَا الَّذِيْنَ سَبَقُوْنَا بِالإِيْمَانِ وَلاَ تَجْعَلْ فِيْ قُلُوْبِنَا غِلاًّ لِلَّذِيْنَ آمَنُوْا رَبَّنَا إِنَّكَ رَءُوْفٌ رَّحِيْمٌ   {     سورة الحشر  10
 

     “และบรรดาผู้ที่มาภายหลังจากพวกเขา ได้กล่าวว่า โอ้ พระเจ้าของเรา ได้โปรดอภัยให้กับเรา และแก่พี่น้องของเราที่ได้ศรัทธากันมาก่อนหน้าเรา

     และขออย่าให้ได้มีการเคียดแค้นชิงชังเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธาเลย โอ้ พระเจ้าของเรา พระองค์ท่านนั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดูเมตตาปรานีเสมอ ” 

(อัลฮัชรฺ 59/10)

          จงโกรธเกลียดพวกที่สงสัย เฉไฉออกจากความจริง พวกที่หน้าไหว้หลังหลอก และบรรดาศัตรูอิสลาม    อันได้แก่พวกชีอะฮ์ที่บ้าคลั่ง (อัรรอฟิเฎาะฮ์) และพวกออกนอกลู่นอกทาง (อัลคอวาริจญ์)   (ขออัลลอฮ์ทรงอภัยให้กับเราด้วยเถิด)

 

ประเภทที่สอง 

           ผู้ที่จะต้องโกรธเกลียด และเป็นศัตรูด้วย  จะไปรักหรือให้ความสนิทชิดเชื้อไม่ได้เป็นอันขาด  นั่นคือ บรรดากุฟฟ๊าร และมุชริกีน    พวกมุนาฟิกีน พวกที่ตกศาสนา (มุรตัดดีน) พวกที่ปฏิเสธพระเจ้า (มุลฮิดีน) ประเภทต่างๆ ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 قال الله تعالى لاَ تَجِدُ قَوْمًا يُؤْمِنُوْنَ بِاللهِ وَالْيَوْمِ اْلآخِرِ يُوَآدُّوْنَ مَنْ حَآدَّ اللهَ وَرَسُوْلَهُ وَلَوْكَانُوْا آبَآءَهُمْ أَوْأَبْنَآءَهُمْ أَوْ اِخْوَانَهُمْ أَوْ عَشِيْرَتَهُمْ {  سورة المجادلة  22

     “ เจ้าจะไม่พบกลุ่มชนใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะฮ์ จะรักใคร่ชอบพอบรรดาผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นบรรดาพ่อ ของพวกเขา ลูก ๆ ของพวกเขา  จะเป็นบรรดาพี่น้องของพวกเขา หรือเป็นบรรดาเครือญาติของพวกเขาก็ตาม”

(อัลมุญาดะละฮฺ 58/22) 

และอัลลอฮฺ ยังตรัสถึงความน่าละอายของพวกบนีอิสรออีลด้วยที่ว่า

قال الله تعالى تَرَى كَثِيْراً مِنْهُمْ يَتَوَلَّوْنَ الَّذِيْنَ كَفَرُوْا لَبِئْسَ مَا قَدَّمَتْ لَهُمْ أَنْفُسُهُمْ أَنْ سَخِطَ اللهُ عَلَيْهِمْ وَفِي الْعَذَابِ هُمْ خَالِدُوْنَ  وَلَوْ كَانُوْا يُؤْمِنُوْنَ بِاللهِ وَالنَّبِيِّ وَمَا أُنْزِلَ إِلَيْهِ مَا اتَّخَذُوْهُمْ أَوْلِيَآءَ وَلَكِنَّ كَثِيْرًا مِّنْهُمْ فَاسِقُوْنَ   {    سورة المائدة 80-8 
                                                     

     “เจ้า (มูฮัมมัด) จะเห็นมากมายในหมู่พวกเขา (บนีอิสรออีล) ที่เป็นมิตรสนิทกับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร)

     ช่างชั่วช้าเสียจริงๆ ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำล่วงหน้าไว้สำหรับพวกเขาเอง อันเป็นเหตุให้อัลลอฮ์ ทรงกริ้วพวกเขา และพวกเขาจะคงอยู่ในการลงโทษตลอดกาล 

     และหากพวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และผู้เป็นนะบี ตลอดจนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่ผู้เป็นนะบีแล้ว พวกเขาก็จะไม่ยึดเอาพวกเขาเหล่านั้นมาเป็นมิตรสนิท แต่ทว่าส่วนมากแล้วพวกเขามักเป็นผู้ละเมิด ”

(อัลมาอิดะฮ์ 5 / 80-81)
  

                                                   
 

ประเภทที่สาม

           คนที่เราจะต้องรักและจะต้องโกรธเกลียดไปพร้อม ๆ กันด้วย  คือรวมไว้ด้วยความรักและความเกลียดชังในตัวเขาผู้นั้นไปพร้อมๆกัน   คือ มุมินที่ฝ่าฝืน กล่าวคือ รักที่พวกเขามีอีมาน และโกรธเกลียดที่พวกเขากระทำสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน ที่มิใช่เป็นการปฏิเสธศรัทธา (กุฟรฺ) และมิใช่เป็นการตั้งภาคี (ชิริก)  การรักคนพวกนี้ จะต้องแนะนำตักเตือนพวกเขาและปฏิเสธไม่ยอมรับในการกระทำที่ผิด    ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้นิ่งเงียบ และให้ปฏิเสธไม่ยอมรับในการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนของพวกเขา  และต้องใช้ให้พวกเขากระทำสิ่งที่ดีงามและห้ามปรามมิให้กระทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม (มุนกัร)  ทำการลงโทษและตำหนิติเตียนจนกว่าจะสามารถยับยั้งความชั่ว และให้พวกเขาสารภาพผิดเพื่อกลับเนื้อกลับตัวจากความผิดบาปด้วย 


          แต่ทว่า  อย่าไปโกรธเกลียดพวกเขาอย่างรุนแรงและไม่ยุ่งเกี่ยวเลย เหมือนกับพวก “คอวาริจญ์”  ได้พูดถึงกรณีเกี่ยวกับการกระทำบาปใหญ่ ที่มิใช่เป็นการชิริกว่า  “มีโทษเหมือนกับการทำชิริก” อย่าได้รักใคร่ เปิดโอกาสให้ความสนิทสนมพวกเขาจนสุดหัวใจ ซึ่งตรงข้ามกับที่พวก “มุรญิอะฮ์” พูดว่า “พวกเขารักมุสลิมทั้งมวล แม้ว่าพวกเขาจะทำสิ่งที่เป็นบาปใหญ่ก็ตาม โดยไม่รู้สึกโกรธเกลียดใดๆ”  แต่ให้อยู่ระหว่างทางสายกลาง มีความเที่ยงธรรม นั่นคือ แนวทาง(มัซฮับ)ของ “ อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ” 

 

          การรักใคร่กันเพื่ออัลลอฮ์ และการโกรธเกลียดกันเพื่ออัลลอฮ์ นับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะผูกมัดห่วงแห่งศรัทธาให้มั่นคงอยู่ และคนเราจะได้อยู่กับผู้เป็นที่รักของเขาในวันกิยามะฮ์ ดังในฮะดีษของท่านเราะซูล 

     "เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปความเป็นเพื่อนกลับกลายเป็นศัตรูต่อกัน อันเนื่องมาจากผลประโยชน์ของโลกดุนยา

     ผู้ใดที่เกิดความละโมบในเรื่องของดุนยาเขาก็จะยอมเป็นมิตรสนิทกัน

     แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นศัตรูกับอัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์ และแม้จะเป็นศัตรูต่อศาสนาของอิสลามก็ตามที ! "

 

ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อับบ๊าส  กล่าวว่า

 ((  مَنْ أَحَبَّ فِي اللهِ وَأَبْغَضَ فِي اللهِ وَوَالَى  فِي اللهِ وَعَادَى فِي اللهِ فَإِنَّمَا تَنَالُ وِلاَيَةَ اللهِ بِذَلِكَ وَقَدْ صَارَتْ عَامَّةً مُؤَاخَاةِ النَّاسِ عَلَى أَمْرِ الدُّنْيَا وَذَلِكَ لاَ يَجِدِيْ عَلَى أَهْلِهِ شَيْئًا  ))   

     “ผู้ใดที่รักกันเพื่ออัลลอฮ์ โกรธเกลียดกันเพื่ออัลลอฮ์ คบหาสนิทสนมรักใคร่กันเพื่ออัลลอฮ์ และเป็นศัตรูกันเพื่ออัลลอฮ์

     เท่ากับว่าเขาจะได้รับการคุ้มครองให้เป็นผู้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ (วิลายะตุลลอฮฺ)   

     แต่ทุกวันนี้ความเป็นพี่เป็นน้องกัน กลายเป็นเพื่อผลประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของดุนยาเท่านั้น ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย ”  

(บันทึกโดย อิบนิ ญะรี๊รฺ )

มีรายงานจากอบีฮุรอยเราะฮ์ แจ้งว่า  ท่านเราะซูล  กล่าวว่า      อัลลอฮ์ตรัสว่า

عن أبي هريرة  قال: ( قال رسول الله إن الله تعالى قال : مَنْ عَادَى لِي وَلِيًّا فَقَدْ آذَنْتُهُ بِالْحَرْبِ .... الحديث ) رواه البخاري 

 “ผู้ใดเป็นศัตรูกับผู้ที่เป็นที่รัก (วะลีย์) ของข้า ก็เท่ากับว่าข้าได้ประกาศสงครามกับเขาผู้นั้นแล้ว”

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์)

           และผู้ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของอัลลอฮ์  คือ ผู้ที่เป็นศัตรูกับบรรดาซอฮาบะฮ์ ของท่านเราะซูล    ด่าว่าและหยามเกียรติของบรรดาซอฮาบะฮ์    นั่นเอง

ท่านร่อซูล   กล่าวว่า

وقد قال   (( اللهُ  اللهُ فِي أَصْحَابِي  لاَ تَتَّخِذُوْهُمْ  غَرَضًا ، فَمَنْ آذَاهُمْ فَقَدْ آذَانِيْ ، وَمَنْ آذَانِيْ فَقَدْ آذَى  اللهَ  ،  وَمَنْ آذَى اللهَ يُوْشَكُ أَنْ يَأْخُذَهُ  ))   أخرجه الترمذي وغيره

      “ฉันขอเตือนพวกท่านให้เกรงกลัวอัลลอฮ์  ฉันขอเตือนพวกท่านให้เกรงกลัวอัลลอฮ์

     ในเรื่องเกี่ยวกับบรรดาซอฮาบะฮ์ของฉัน พวกท่านอย่าได้ถือเอาพวกเขาเป็นเป้าโจมตีใส่ร้าย 

     ดังนั้น ผู้ใดที่ทำร้ายพวกเขา ก็เท่ากับว่าเขาได้ทำร้ายฉัน และผู้ใดที่ทำร้ายฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้ทำร้ายอัลลอฮ์

     และผู้ใดที่ทำร้ายอัลลอฮ์ ก็ใกล้เวลาแล้วที่อัลลอฮ์  จะทรงจัดการลงโทษเขาผู้นั้น”  

( บันทึกโดย อัตติร์มีซีย์ และคนอื่นๆ) 


          กลับกลายเป็นว่าการเป็นศัตรูกับบรรดาซอฮาบะฮ์ และการด่าว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ กลายเป็นศาสนาและหลักเชื่อมั่น (อะกีดะฮ์) ของคนจำพวกหนึ่งที่หลงทางไปไกล !

          เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ ให้พ้นจากความกริ้วโกรธของพระองค์ และให้พ้นจากความเจ็บปวดในการลงทัณฑ์จากพระองค์ และขอพระองค์ทรงยกโทษให้กับเราและให้เราได้รับการอภัยโทษจากพระองค์ด้วยเถิด .....อามีน