มาสยบกลิ่นตุๆ กันดีกว่า
  จำนวนคนเข้าชม  5373

มาสยบกลิ่นตุๆ กันดีกว่า

 
 
       ....ยามลมโชยมาพาจมูกแกว่ง          ลมแรงๆ พาทุกคนกระจุยกระจาย….
       

       แปลงคำร้อง ทำนองเดิมและลองจินตนาการดูว่า มีอะไรบ้างที่จะทำให้ทุกคนวงแตก หรือเมินหน้าหนีอย่างมีมารยาท
      
       กลิ่นกายแรงฤทธิ์...กลิ่นสยบมิตรต้องผายลม...กลิ่นตรอมตรมลมปาก...เหม็นอย่างอนาถฤากลิ่นเท้า...ทั้งหมดนี้นับเป็นอุปสรรคในการกระชับมิตรของทุกคนเป็นแน่ ไม่ว่าต้นทางของกลิ่นมาจากไหน สาเหตุมาจากอะไร เราควรดูแลรักษาและเอาใจใส่เรื่องสุขภาพอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะสิ่งแรกที่คนอื่นจะมองก็คือรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีและสะอาดอยู่เสมอ
      
       ทั้งนี้หากมีกลิ่นกายแรงฤทธิ์ คนโบราณมักนิยมให้นำสารส้มเป็นก้อน ๆ มาทาถู ๆ ที่รักแร้เป็นประจำเพื่อระงับกลิ่น แต่หากอยากให้รักแร้ขาวผุดผ่องก็ต้องใช้มะนาวเป็นตัวช่วย ขณะที่สมัยนี้ไม่ว่าจะวัยไหน ๆ ก็มักหยิบลูกกลิ้งที่กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างโรลออนมาเป็นทางเลือก
 
 
       อย่างไรก็ดี ทุกคนควรลดอาหารรสจัด งดเครื่องเทศต่างๆ ถ้าชอบทานกระเทียม ก็ต้องลด ๆ ลงบ้าง ทานผลไม้สดที่มีรสออกเปรี้ยวเยอะ ๆ จะเป็นการ detox ลำไส้ไปในตัว และจะขับกากอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวออกมาด้วย และที่สำคัญ ต้องออกกำลังกาย เพื่อขับเหงื่อ และ สิ่งสกปรก ออกจากร่างกาย ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ชำระร่างกายให้สะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ รับรอง กลิ่นตัว จะค่อย ๆ หายไป

       
       กลิ่นสยบมิตรต้องผายลม...นักโภชนาการหลายท่านต่างให้ข้อมูลในเรื่องของการบริโภคอาหารมานานว่า หากคนเรารับประทานเนื้อสัตว์มากกว่าผัก หรือทานของฉุนเช่นสะตอ บวกกับขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลา ก็จะทำให้กลิ่นผายลมมันฉุนมากกว่าปกติ

       
       การผายลมหรือการตดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นักวิชาการเคยกล่าวว่าคนเราจะตด วันละประมาณลูกโป่ง 1 ใบ หากคนที่ตดบ่อยมากจนเกินไปและมีกลิ่นเหม็น ให้ตั้งสัณนิษฐานไว้เลยว่าเป็นสัญญาณเตือนภายในร่างกายของเราว่า อาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นภายในร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็งลำไส้ โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น
 
 
       ส่วนใครที่เคยดูโฆษณายาสีฟันต่างๆ จะเห็นได้ว่ากลิ่นปากนั้นกลายเป็นอุปสรรคในการสื่อสารและกระชับมิตรเป็นอย่างมาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นปากนั่นก็คือการแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆและหากต้องการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็พึงระวังกลิ่นเรอ โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร ตามด้วยน้ำอัดลม...ซึ่งเป็นตัวที่เร่งเวลาในการเรอให้เร็วขึ้นได้ดีนักแล..
      
       เท้า...จากกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าอะไรก็ตาม ลองสังเกตมั้ยว่า กลิ่นตุๆมักจะมาโดยไม่ได้รับเชิญเสมอ ซึ่งการที่คนเรามีกลิ่นเท้านั้นมีสาเหตุอันเนื่องมาจากใต้เท้าของเรามีต่อมเหงื่อหนาแน่นมากกว่าส่วนอื่นๆของร่างกาย ซึ่งต่อมเหงื่อเหล่านี้จะสร้างเหงื่ออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เพียงตอนที่เรากำลังทำกิจกรรม ความชื้นจากเหงื่อบวกกับเท้าที่ต้องอบอยู่ในรองเท้าตลอดวัน ทำให้เป็นสภาพที่เหมาะสมกับการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย
      
       ดังนั้นวิธีดูแลเท้าเพื่อไม่เห็นมีกลิ่นโชยออกมาจนคนข้าง ๆ คนเดินหนีนั้น มีเพียง 6 วิธีที่สยบกลิ่นได้อย่างได้ผล เราลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
      
       ล้างเท้าด้วยสบู่ ควรล้างเท้าด้วยสบู่ทุกครั้ง เพราะน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถดับกลิ่นได้ และควรเช็ดให้แห้งก่อนใส่ถุงเท้าและรองเท้า
      
       สวมถุงเท้าที่ทำจากฝ้าย ถุงเท้าที่ทำจากฝ้ายจะสามารถระบายอากาศได้ดีกว่าถุงเท้าไนล่อนและควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกครั้งที่ใส่ ไม่ควรหมักไว้นะคะ
 
       เปลี่ยนรองเท้า ควรเปลี่ยนรองเท้าบ้าง โดยเฉพาะรองเท้ากีฬา เพราะการที่เราใส่รองเท้าคู่เดิม ๆ ทุกวันนั้น จะทำให้เกิดกลิ่นอับ ดังนั้นควรนำมันไปผึ่ง หรือตากแดดบ้างก็ดี
      
       รองเท้าระบายกลิ่น รองเท้าที่มีรูระบายก็เปรียบเสมือนเท้ามีจมูกหายใจ แต่ทว่าก่อนใส่รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง ควรสวมถุงเท้าก่อนนะคะ
      
       เลือกวัสดุระบายกลิ่น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหลีกเลี่ยงกลิ่นเท้า การที่ใส่รองเท้าที่มีการระบายอากาศได้ดี เช่น มีส้นที่ทำจากยางผสมผงถ่าน ก็จะช่วยระงับกลิ่นได้ค่ะ
      
       สเปรย์ การใช้สเปรย์ระงับกลิ่นเท้าอาจช่วยได้บ้าง รวมถึงการโรยแป้ง เพื่อให้เท้าแห้งและลดการอับชื้น
      
       ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่หากที่กล่าวมายังไม่สามารถยับยั้งกลิ่นได้ ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ ก่อนที่เพื่อนจะหายไปทีละคน สองคนเพราะ ‘เจ้ากลิ่นทำลายมิตรภาพเหล่านี้’ ค่ะ ^^
      

 

       ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากโรงพยาบาลนครธน