ภรรยามากกว่าหนึ่งในอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  7985

 

 

การมีภรรยามากกว่าหนึ่งในอิสลาม

 

          การมีภรรยามากกว่าหนึ่งนั้นถือเป็นบทบัญญัติที่ได้รับการอนุมัติจากพระเจ้า  สําหรับผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและบรรดาคัมภีร์จากฟากฟ้าไม่อาจจะปฏิเสธหรือคัดค้านเรื่องนี้ได้   และตามความเป็นจริงแล้ว การมีภรรยาเกินกว่าหนึ่งในอิสลามเป็นแนวทางปฏิบัติที่ได้สืบต่อเนื่องกันมาช้านานในศาสนาอื่นๆ ด้วย 

 

          ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเเค่มีอยู่ในศาสนาอิสลามเท่านั้น ทว่ามันคือบัญญัติทางศาสนาที่มีมาช้านานเเละเป็นที่รู้จักในศาสนาอื่นๆโดยเฉพาะในคัมภีร์โตราห์เเละไบเบิล บรรดาท่านศาสนทูตก่อนท่านศาสนทูตมุฮัมมัดต่างมีภรรยาหลายคน  อย่างศาสนทูตอิบรอฮีม (อับราฮัม) มีภรรยาสองคน  ส่วนศาสนทูตยะกู๊บ (จาคอป) มีภรรยาสี่คน  สุไลมาน(โซโลมอน) มีภรรยาหลายคน ...ฯลฯ   ดังนั้น การมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องใหม่เลย  แต่มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาช้านานแล้วในอดีต

 

     ในคัมภีร์โตราห์ : คัมภีร์อันบริสุทธิ์ในภาคพันธสัญญาเดิมของยิวกล่าว ความว่า “และสตรีกับพี่น้องหญิงของนางจงอย่าได้เอามาเป็นภรรยาน้อยคู่กับนางเพื่อเปิดเผยสิ่งที่เกลียดชังในชีวิตของนาง”

         ดังนั้น บัญญัตินี้ไม่ได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน แต่สิ่งที่บัญญัติไว้คือห้ามการรวมสองพี่น้องมาเป็นภรรยาในเวลาเดียวกัน

 

          ในโตราห์บทซามูเอล ( Samuel ) มีกล่าวว่า ท่านศาสดาเดวิด (David) ได้แต่งงานกับหญิงหลายๆ คนนอกเหนือจากสาวรับใช้ของท่าน และในบทพงศ์กษัตริย์ (Kings) กล่าวว่า ท่านศาสดาสุไลมาน (Salomon) มีภรรยาทั้งหมด 700 คน และในจํานวนนั้น มี 300 คนจากสาวรับใช้ของท่าน ครั้นศาสดาโมเสสถูกส่งมา ท่านยอมรับระบบการแต่งงานที่มากกว่าหนึ่งโดยไม่จํากัดจํานวนจนกระทั่งมาในยุคชาวตัลมูด (Talmud) ณ เมืองกุดส์  เว้นแต่นักวิชาการของอิสราเอลต่างมีทัศนะที่หลากหลาย บางคนห้ามการมีภรรยาเกินกว่าหนึ่ง  และอีกบางคนไม่ห้ามถ้าภรรยาป่วยหรือเป็นหมัน

 

     ในไบเบิล : ท่านศาสดาเยซูถูกส่งมาเพื่อนําบทบัญญัติจากพระเจ้าให้สอดคล้องกันกับสิ่งที่ท่านศาสดาโมเสสได้นํามาก่อนหน้านี้  และในหนังสือไบเบิลไม่มีบทบัญญัติใดๆ ที่ห้ามการมีภรรยาเกินกว่าหนึ่ง 

          กษัตริย์ดีซาร์มิท แห่งไอร์แลนด์   มีภรรยาสองคน  ส่วนกษัตริย์เฟรเดอริกที่สอง (Frederick II ) มีภรรยาสองคนและได้รับการอนุมัติจากโบสถ์  ดังนั้น การห้ามหรือการอนุมัติในเรื่องนี้ไม่ได้มาจากบทบัญญัติในศาสนาคริสต์ แต่จะมาจากนักวิชาการในโบสถ์มากกว่า
 
          มาร์ติน ลูเทอร์ (Martin Luther) จากเยอรมัน ผู้ก่อตั้งนิกายโปรเตสแตนต์ ถือว่าระบบการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนไม่ขัดกับระบบศาสนาคริสต์เลย และ ท่านได้เรียกร้องเพื่อหลักการนี้ในทุกงานพบปะอย่างเป็นทางการอีกด้วย 

           ใช่  อัลลอฮฺทรงยินยอมให้บางคนในกลุ่มคนสมัยพันธะสัญญาเดิมในสถานการณ์เฉพาะ แต่ยิวคนไหนถ้าต้องการทําตามแบบอย่างของคนกลุ่มนั้นก็ย่อมทําได้ถ้าเมื่อไหร่เขาแน่ใจว่าสถานการณ์ของเขาเหมือนสถานการณ์ของกลุ่มชนในสมัยนั้น  เพราะการแต่งหลายคนย่อมดีกว่าการหย่าร้างอยู่แล้ว

          ที่จริงแล้ว การห้ามการมีภรรยาหลายคนในศาสนาคริสต์เป็นผลที่สืบเนื่องมาจากบทบัญญัติที่คิดค้นโดยผู้รู้ทางศาสนาในโบสถ์เท่านั้น ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติดั้งเดิมของศาสนาคริสต์เลย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องนี้  คือ โบสถ์ภายใต้การนําของพระสันตะปาปา(Pope)แห่งโรมันห้ามการมีภรรยาหลายคน ดังต่อไปนี้เช่น :

     • นิกายออร์โธด็อกซ์ไม่อนุญาตให้ใครสักคนจากสามีภรรยาแต่งงานใหม่ตราบใดที่การแต่งงานยังคงอยู่

     • นิกายอาร์มันออร์โธด็อกซ์ไม่อนุญาตให้จัดพิธีแต่งงานใหม่นอกจากจะต้องยกเลิกพิธีแต่งงานครั้งที่หนึ่ง

     • นิกายโรมันออร์โธด็อกซ์ถือว่าพีธีแต่งงานอันเดิมคือตัวห้ามการแต่งงานถัดมา
 

 

          สมัยอาหรับยุคก่อนอิสลาม : การแต่งงานมากกว่าหนึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่เผ่าอาหรับก่อนเข้ายุคอิสลาม  ซึ่งไม่มีการจํากัดจํานวน  โดยผู้ที่ปรารถนาจะแต่งงานสามารถแต่งงานกับหญิงกี่คนก็ได้ตามความต้องการ  และแท้จริงแล้วการมีภรรยามากกว่าหนึ่งเป็นที่รู้จักเนิ่นนานในหมู่ชนชาวอียิปต์  เปอร์เซีย  แอสซีเรียน (Assyrian ) ญี่ปุ่น และฮินดู  และเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวรัสเซีย  เยอรมัน  และบรรดากษัตริย์ได้ปฏิบัติกันมาตลอด

          ดังนั้น จากข้อมูลที่กล่าวมานี้บ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่า  การมีภรรยามากกว่าหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ที่กุขึ้นมาในอิสลาม  ทว่าเรื่องนี้ถูกกระทํามาเนิ่นนานในหมู่ประชาชาติสมัยก่อนๆ  หลังจากที่อิสลามมาแล้วก็อนุมัติให้กระทําได้  แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ คือ :

     • ต้องไม่เกินจํานวน สี่คน เนื่องด้วยวจนะท่านศาสนทูต- ขอความสันติจงมีแด่ท่าน – ซึ่งท่านกล่าวแก่สาวกท่านหนึ่งนามว่าฆัยลาน ลูกของ สะละมะฮฺ อัส-สะเกาะฟีย์ ครั้งที่เขาต้องการเข้ารับอิสลามในขณะที่เขามีภรรยาสิบคนว่า “เจ้าจงเลือกพวกนางแค่สี่คนจากจํานวนสิบคน” 

     • ต้องมีความยุติธรรม และความเท่าเทียม   อัลลอฮฺทรงอนุญาตให้มีภรรยามากกว่าหนึ่งก็จริง แต่ทรงให้เงื่อนไขของมันส่วนหนึ่ง นั่นคือความยุติธรรมและความเท่าเทียมกัน  ไม่อธรรมต่อภรรยาทั้งหลาย  ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ -ขอความสันติจงมีแด่ท่าน- กล่าวว่า

"ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคนแล้วไม่ยุติธรรมกับทั้งสอง เขาจะมาในวันปรโลกในขณะที่ไหล่ของเขาเอียงลงมาข้างหนึ่ง"

 

          ความยุติธรรมในที่นี้ หมายถึงในเรื่องค่าครองชีพ  การมอบทรัพย์สินให้โดยเสน่หา  การแบ่งเวลาในการหลับนอน  ส่วนเรื่องความรักด้านจิตใจหรือการเอนเอียงไปฝ่ายหนึ่งมากกว่าคนอื่นๆ ถือว่าไม่บาปเพราะมันเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของมนุษย์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทําให้เกิดความบกพร่องต่อสิทธิความชอบธรรมของคนอื่นๆ  

 

     ดังที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า : ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ - ขอความสันติจงมีแด่ท่าน- จะแบ่งเวลาระหว่างภรรยาของท่านและท่านก็ยุติธรรมในเรื่องนี้  ซึ่งท่านกล่าวว่า

"โอ้ อัลลอฮฺ นี่คือการแบ่งปันที่ข้าพระองค์มี  ดังนั้นพระองค์โปรดอย่าได้ตําหนิข้าพระองค์ ในสิ่งที่พระองค์มีแต่ข้าพระองค์ไม่มี"

 

     • ต้องมีความสามารถจัดสรรค่าครองชีพให้กับภรรยาคนที่สองและลูกๆ ได้  ถ้าเขารู้ดีว่าเขาไม่มีความสามารถก็ไม่ควรมีภรรยามากกว่าหนึ่ง
 


          ต่อไปนี้เราจะลองยกสถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมใดสังคมหนึ่งอย่างหนีไม่พ้น แล้วเรามาลองพิจารณาดูว่า การมีภรรยาเกินกว่าหนึ่งนั้นมีผลดีหรือไม่ในสังคมแห่งนี้  แล้วมันเกิดผลดีต่อสตรีหรือไม่อย่างไร ?

 

     • การที่ภรรยาเป็นหมันไม่สามารถที่จะให้กำเนิดบุตรได้ ในขณะที่สามีต้องการมีบุตร  วิธีการใดที่เหมาะสมและสมควรทําแก่ภรรยามากที่สุด ให้สามีแต่งงานคนที่สองแล้วนางอยู่ในฐานะภรรยาของเขาตลอดไป หรือ ให้สามีหย่านางโดยที่นางไม่มีความผิดใดๆ   เพราะการหย่าร้างถือว่าเป็นสิทธิของเขาเสมือนที่เขามีสิทธิในการมีบุตร ตัวเลือกสองอย่างนี้อันไหนที่ดีกว่ากัน?

 

     • การที่ภรรยาป่วยไม่มีวิธีรักษาได้  และนางไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของภรรยาได้   สถานการณ์แบบนี้สิ่งไหนถือว่าสมควรแก่สตรีที่สุด ? การที่สามีเต่งงานคนที่สองและพิทักษ์ศักดิ์ศรีของภรรยาคนที่หนึ่งด้วย หรือ การที่ให้เขาหย่าร้างกับภรรยาคนที่หนึ่งไปเลย  หรือการที่เขารับใครสักคนมาเป็นชู้?

     • สามีบางคนมีพลังทางเพศสูงเกินความสามารถของสตรีคนเดียวจะรับมันได้ หรือไม่ก็ระยะการมาประจําเดือนและการมีเลือดหลังคลอดของนางยาวเกินกว่าปรกติ  หรือไม่ก็อารมณ์ทางเพศของนางไม่สามารถที่จะตอบสนองอารมณ์ทางเพศของสามีตามความประสงค์ได้ ในลักษณะนี้วิธีใดถือว่าสมควรแก่สตรีมากที่สุด ? การที่สามีแต่งงานกับคนที่สองหรือ การที่เขาใช้มันไปทางที่ไม่อนุมัติ(ด้วยการผิดประเวณี) ?

 

     • การเกิดสงครามบ่อยครั้งหรือการเกิดปัญหาภายในในสังคมของบางประเทศ  เหล่าผู้ชายจะตกเป็นเหยื่อของความตายเป็นส่วนมาก มากกว่าบรรดาสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องนี้ คือ ช่วงระยะการเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง  ซึ่งเป็นผลให้ต้องสูญเสียประชากรไปจํานวนทั้งสิ้น 20 ล้านคน 

          ดังนั้นถ้าผู้ชายแต่งงานกับสตรีได้เพียงคนเดียว  เหล่าสตรีที่เหลือจะอยู่อย่างไร   หรือว่าพวกนางจําเป็นต้องไปหาความสุขด้วยทางที่ไม่อนุมัติ ..!!! หรือว่าจะให้พวกนางได้ลิ้มรสความสุขและสนองตอบความต้องการของนางด้วยวิถีทางที่ศาสนาบัญญัติในการมีภรรยามากกว่าหนึ่งเพื่อเป็นการรักษาเกียรติ ศักดิ์ศรี และสิทธิความชอบธรรมของนาง   ซึ่งต่อไปพวกนางก็จะได้ให้กำเนิดบุตร ด้วยเหตุที่พวกนางยอมรับการมีภรรยาเกินกว่าหนึ่ง ?  

         และเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยอีกว่า การที่สตรีมีจํานวนมากโดยปราศจากสามีเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ชายแสวงหาทางเลือกที่นําไปสู่การกระทําที่ชั่วร้ายได้

 

     • จํานวนสตรีหม้ายและสตรีที่ถูกหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้น  อีกทั้งจํานวนหญิงโสดที่เพิ่มมากขึ้น  ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางเลือกใดเหมาะสมที่สุดสําหรับสตรี?   การใช้ชีวิตอย่างเดียวดายต่อไป หรือ การใช้ชีวิตภายใต้การดูแลของผู้ชายที่หมั่นรักษาเกียรติของนางพร้อมๆ กับผู้หญิงอีกคนอย่างเท่าเทียมกัน

 

 

อับดุรเราะห์มาน อับดุลกะรีม อัช-ชีหะฮฺ

แปลโดย : อิบนุ ร็อมลี ยูนุส / Islam House

 

 


1  ตะรีคุซซะวาจญ์ Wester  mark  / แปลโดย อับดุลฮะมีด ยูนุส
2 ดูหนังสือ อัลมัรอะฮฺ ฟิลกุรอานิลการีม / อับบาส มะฮฺมูด อัลอักกอด 
3 เศาะฮีฮฺ อิบนิ หิบบาน 9/463 ลําดับที่ 4156
4 อัลมุสตัดร็อก อะลัศ เศาะฮีหัยน์ 2/203 ลําดับที่ 2759
5 อัลมุสตัดร็อก อะลัศ เศาะฮีหัยน์ 2/204 ลําดับที่ 2761