เสื้อผ้าตามบัญญัติสตรีมุสลิมะฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  9341

ภาคที่ สี่ : ข้อชี้ขาดที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าและหิญาบ


หนึ่ง  : ลักษณะของเสื้อผ้าตามบัญญัติสตรีมุสลิมะฮฺ

          1. เสื้อผ้าของสตรีมุสลิมะฮฺนั้นจำเป็นต้องมีความกว้างซึ่งปกปิดร่างกายของนางทั้งหมด ให้พ้นจากสายตาของพวกผู้ชายที่ไม่ใช่มะฮฺร็อมของนาง  และนางต้องไม่เปิดให้ผู้เป็นมะฮฺร็อมของนางได้เห็น นอกจากสิ่งที่มีประเพณีปฏิบัติด้วยการเปิดสิ่งดังกล่าว  อันประกอบด้วยใบหน้าฝ่ามือ และเท้าทั้งสองของนาง

          2. มันต้องปกปิดสิ่งที่อยู่ข้างใน  โดยจะต้องไม่เป็นผ้าที่โปร่งใส สามารถเห็นสีผิวหนังของนางที่อยู่ภายใน

          3. ต้องไม่คับจนเห็นอวัยวะของนาง ซึ่งในซอเหี๊ยหฺมุสลิมมีรายงานมาจากท่านนบี  ได้กล่าวไว้ว่า ....

“สองจำพวกด้วยกันจากชาวนรกที่ฉันไม่เคยเห็นพวกเขา คือหมู่คณะหนึ่งที่มีแซ่อยู่กับพวกเขา เหมือนกับหางวัว พวกเขาใช้มันตีคนทั้งหลาย

และพวกสตรีที่สวมใส่แต่เปล่าเปลือย เอนไป     เอนมา ศีรษะของพวกนางเปรียบเหมือนกับโหนกอูฐ

พวกนางจะไม่ได้เข้าสวรรค์และจะไม่ได้พบกับกลิ่นของมันและกลิ่นของมันนั้นจะดมได้เป็นระยะทางเท่านั้นเท่านี้”

            ไซฺยคุลอิสลาม  อิบนุไตมียะฮฺ รอฮิมาฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในมัจมั๊วอฺฟาตาวา เล่มที่ 22  หน้าที่ 146 ว่า..

           “มีการขยายความคำกล่าวของท่านนบี  ที่ว่า (ผู้สวมใส่ที่เปล่าเปลือย) นั้นจะหมายถึงว่า นางนั้นสวมใส่สิ่งที่ไม่ปกปิดตัวของนาง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้เปล่าเปลือย คือ สตรีที่สวมใส่เสื้อผ้าบางๆที่ทำให้เห็นผิวหนัง หรือเสื้อผ้าที่คับที่เปิดเผยสัดส่วน เช่นกันแขนของนาง และอื่นๆแท้ที่จริงเครื่องสวมใส่ของสตรีมุสลิมะฮฺนั้นคือสิ่งที่ปกปิดร่างกายของนาง โดยมันจะไม่เปิดเผยร่างกาย ขนาดอวัยวะ อันเนื่องจากมันเป็นเครื่องสวมใส่ที่หนา และกว้าง”

          4. นางจะต้องไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมือนกับเสื้อผ้าของผู้ชาย ซึ่งท่านนบี  ได้สาบแช่งพวกผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนผู้ชาย และพวกผู้ชายที่ทำตัวเหมือนผู้หญิง และการสวมใส่ของนางเหมือนกับผู้ชายนั้นคือ การที่นางสวมใส่เสื้อผ้า  ที่เป็นของผู้ชายโดยเฉพาะจะเป็นชนิดหรือลักษณะก็ตาม  ตามประเพณีนิยมของแต่ละสังคม

          ไซฺยคุลอิสลาม อิบนุไตยมียะฮฺ รอฮิมาฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในมัจมั๊วอฺฟาตาวา เล่มที่ 22  หน้าที่ 148-149-155 ไว้ว่า...

“  ดังนั้นสิ่งที่จะมาแยกระหว่างเครื่องสวมใส่ของพวกผู้ชายกับพวกผู้หญิงนั้นมันจะย้อนกลับไปที่สิ่งที่เหมาะกับพวกผู้ชาย และสิ่งที่เหมาะกับพวกผู้หญิง  และมันก็คือสิ่งที่เหมาะสมกับสิ่งที่ผู้ชายใช้สวมใส่ และสิ่งที่พวกผู้หญิงถูกใช้ให้สวมใส่ พวกผู้หญิงนั้นถูกใช้ให้ปกปิดไม่ให้เปิดเผย

และด้วยเหตุนี้  จึงไม่มีการบัญญัติให้นางกล่าวเสียงดัง ในการอะซฺาน   การกล่าวตัลบียะฮฺขณะที่ขึ้นไปบนไหล่เขาเศาะฟา และมัรวะฮฺ และการเปลื้องเสื้อผ้าในการครองเอี๊ยะหฺรอม  เหมือนกับที่พวกผู้ชายเปลื้องเสื้อผ้าในการครองเอี๊ยะหฺรอม  เพราะว่าผู้ชายนั้นถูกใช้ให้เปิดศรีษะของพวกเขา และไม่ให้สวมใส่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นประจำ ซึ่งมันก็คือ เสื้อผ้าที่ถูกเย็บตามขนาดอวัยวะต่างๆ ของเขาโดยที่เขาจะต้องไม่สวมใส่เสื้อ กางเกง หมวก และรองเท้า ไปจนกระทั่งท่านได้กล่าวไว้ว่า

“สตรีนั้นนางจะไม่ได้ถูกห้ามไม่ให้ใส่เสื้อผ้าใดๆ เพราะว่านางนั้นถูกใช้ให้ปกปิด และสวมหิญาบ  จึงไม่มีการบัญญัติสำหรับนาง ในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าว  แต่ทว่านางนั้นถูกห้ามไม่ให้ใส่หน้ากากและสวมใส่ถุงมือเพราะว่าอันนั้นเป็นเครื่องสวมใส่ตามขนาดของอวัยวะ  และไม่มีความจำเป็นที่นางจะต้องไปสวมใส่เช่นนั้น ....

หลังจากนั้น ท่านได้กล่าวว่า นางนั้นจะปกปิดใบหน้าของนางด้วยสิ่งอื่น นอกเหนือจากสิ่งทั้งสองนั้นไม่ให้พวกผู้ชายได้เห็น..ไปจนกระทั่งท่านได้กล่าวไว้ในตอนท้ายว่า และเมื่อเป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วว่า  มันจำเป็นต้องมีความแตกต่างระหว่างเสื้อผ้าของพวกผู้ชาย กับพวกผู้หญิงโดยที่สามารถแยกให้ทราบได้ ระหว่างพวกผู้หญิงกับพวกผู้ชาย

และจำเป็นที่เสื้อผ้าของพวกผู้หญิงจักต้องมีการปกปิดตามวัตถุประสงค์ และเป็นที่กระจ่างชัดว่าเครื่องสวมใส่นั้นเมื่อมันเป็นเครื่องสวมใส่ของพวกผู้ชายโดยส่วนใหญ่สตรีนั้นก็ถูกห้ามไม่ให้สวมใส่ ...ไปจนกระทั่งท่านได้กล่าวว่า  ดังนั้นเมื่อมีลักษณะของการปกปิดน้อย และการเลียนแบบมารวมกันในเครื่องสวมใส่นั้นก็ห้ามไม่ให้สวมใส่เครื่องสวมใส่ดังกล่าวในสองแง่ด้วยกัน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด”.

          5. ต้องไม่มีสิ่งตกแต่งในเครื่องสวมใส่ดังกล่าวที่จะทำให้สายตาต่างๆ ต้องหันมามอง ขณะที่นางออกไปนอกบ้าน เพื่อนางจะได้ไม่เป็นผู้หญิงที่นำเอาเครื่องประดับมาเปิดเผย



จากหนังสือ"คำเตือนในเรื่องกฎต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบรรดาหญิงผู้ศรัทธา"