ภรรยานั้นเปรียบเสมือนดั่งแก้วที่เปราะบาง
  จำนวนคนเข้าชม  12596

  

  

ภรรยานั้นเปรียบเสมือนดั่งแก้วที่เปราะบาง


          มีรายงานจากฮะดิษบทหนึ่ง ได้กล่าวถึงการเอ็นดูทะนุถนอมภรรยาเสมือนนางเป็นแก้วที่เปราะบางว่า ครั้งหนึ่งท่านรอซูล  ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับชายผิวดำคนหนึ่งมีนามว่า อันญะชะฮฺ ซึ่งทำหน้าที่บังคับขบวนอูฐให้กับภรรยาของท่าน ได้ทำการกระตุ้นอูฐให้เร่งฝีเท้า ท่านนบี  จึงกล่าวว่า

“โอ้ อันญะชะฮฺ ช้าๆหน่อย เพราะท่านกำลังบังคับอูฐให้กับแก้วที่เปราะบาง (หมายถึงสตรีเพศ)

[บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม]

         ผลึกแก้วนั้นมีความงดงามและส่องประกายแวววาวยามเมื่อสัมผัสกับแสง โดยที่แก้วแต่ละผลึกก็จะมีรูปแบบและความสวยงามเฉพาะตัว เนื่องจากแก้วเป็นวัตถุที่มีความเปราะบาง การหล่อจึงต้องอาศัยความแม่นยำและการดูแลรักษาจึงต้องใช้การทะนุถนอมอย่างดี มิเช่นนั้นแล้ว หากเผลอทำแก้วลื่นตกลง มันก็จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ความงดงามของแก้วผลึกนั้นก็จะสูญสิ้นไป นอกจากนั้นผลึกแก้วยังเหมาะเป็นของกำนัลอันล้ำค่า แทนถึงการให้เกียรติอันสูงส่ง สามารถนำมาประดับตกแต่ง เป็นของมีค่าที่ต้องใส่ใจดูแลและสัมผัสอย่างนุ่มนวล

          ท่านนบีมูฮัมมัด  ได้เปรียบหญิงผู้ศรัทธาเสมือนแก้วที่เปราะบาง ดังที่ท่านได้ปรามอันญะชะฮฺ ให้บังคับอูฐช้าลง อันเนื่องจากอูฐเหล่านั้นกำลังหามบรรดาหญิงผู้มีค่าและเปราะบางอยู่ ซึ่งพวกนางอาจได้รับบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย ท่านนบี  ได้นิยาม “แก้วที่เปราะบาง” เพื่อชี้ให้เห็นถึงคุณสมบัติ คุณลักษณะ และความสำคัญของบรรดาสตรีที่ควรค่าแก่การได้รับการปฎิบัติด้วยความรักและอ่อนโยนจากบรรดาบุรุษ ดังที่อัลกุรอานกล่าวไว้ว่า

“บรรดาชายนั้นคือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง”

 [อัลกุรอาน 4: 34]

         จากโองการข้างต้น อัลลอฮฺ ได้เปรียบบรรดาชายนั้นคือ “เกาว่ามูน” หมายถึง สามีนั้นมีหน้าที่ปกป้องเลี้ยงดูภรรยา ต้องให้ความคุ้มครอง ดูแล เติมเต็มความต้องการและมอบความรักความเอาใจใส่ต่อนาง มุสลิมต่างตระหนักและรับรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ในอิสลามนี้เป็นอย่างดีมาตลอดทุกยุคสมัย 

          ความจริงที่ว่าสามี คือ บุคคลที่จะต้องคอยปกปักษ์ คุ้มครอง และดูแลภรรยา นั่นเพราะอัลลอฮฺ ได้สร้างให้ธรรมชาติของผู้หญิงนั้นมีความอ่อนไหวเปราะบางทว่าแฝงไว้ด้วยความล้ำค่าอยู่ในตัว นางจึงต้องการหุ้นส่วนชีวิตที่สามารถดูแลและมอบความรักให้ได้

          จากบทบาทที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานให้สามีนั้นเป็น “เกาว่ามูน” (ผู้ปกป้องคุ้มครอง) เช่นเดียวกันกับที่ภรรยาเป็น “เกาว่ารีรฺ” (แก้วอันเปราะบาง) ก็เพื่อเขาและเธอทั้งสองจะได้เติมเต็มกันและกันได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้อย่างเป็นคู่ๆ ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้ ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้รับ ก็เพื่อที่ทั้งสองสามารถเติมเต็ม สร้างความสมดุล ความสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นในชีวิตคู่ เสมือนเป็นของขวัญอันล้ำค่าจากอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา พระองค์ให้ผู้ชายมีร่างกายที่กำยำ แข็งแรง ในขณะที่ให้ผู้หญิงมีความอ่อนโยน บอบบาง เพื่อที่ทั้งสองจะได้เป็นส่วนเติมเต็มให้แก่กันและกันได้อย่างสมบูรณ์ลงตัว

         ท่านนบี  ได้สอนประชาชาติของท่านถึงบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่างของสามีและภรรยา สำหรับผู้เป็นภรรยา ไม่ควรอย่างยิ่งที่นางจะขัดขวางในการปฏิบัติอิบาดัต (คุณงามความดี) ของผู้เป็นสามี รวมถึงการดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังในฐานะที่เขาเป็นผู้นำครอบครัว เช่นเดียวกันกับผู้เป็นสามี ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเพิกเฉย ไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูภรรยา ไม่อดทนและกระทำการก้าวร้าวต่อนาง พึงรำลึกอยู่เสมอว่า ภรรยาคือของขวัญสำหรับสามี และสามีคือของขวัญสำหรับภรรยา จงเกื้อหนุนเป็นหนึ่งเดียวต่อกัน ใช้ชีวิตร่วมกันในหนทางของอัลลอฮฺ และช่วยเหลือกันและกันในหนทางของพระองค์

          หากเรากลับมาใคร่ครวญซุนนะฮฺของท่านนบี  อย่างถี่ถ้วน จะพบว่าท่านนบี  สามารถสรรหาคำเปรียบเปรยใดก็ได้ที่เหมาะสมและดีที่สุด แต่ท่านก็เลือกเปรียบเปรยหญิงผู้ศรัทธาด้วยกับคำว่าคือ “เกาว่ารีรฺ” อันหมายถึงแก้วที่เปราะบาง ทว่าเลอค่า และงดงาม

 

เปรียบเธอดั่งสิ่งละเอียดอ่อนน่าทะนุถนอม

รายงานจากอบีฮุร็อยเราะฮฺ   กล่าวว่า ท่านรอซูล  กล่าวว่า 

“สตรีนั้นเหมือนกับซี่โครง(ในด้านโค้งงอ) ถ้าหากท่านดัดให้ตรง ท่านก็ต้องหัก

ถ้าหากท่านอยู่กับนางอย่างสุขสำราญ ท่านก็สุขสำราญโดยที่นางโค้งงออยู่เช่นนั้น”

[บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม]

         ฮะดิษเบื้องต้นได้ประจักษ์ชัดว่า ธรรมชาติของผู้หญิงนั้นมีลักษณะเหมือนกับกระดูกซี่โครง ที่มีความโค้งงอและแตกหักง่าย เช่นเดียวกันกับแก้วอันเปราะบาง ที่ย่อมมีความแตกร้าวได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องทะนุถนอมดูแลภรรยาด้วยความสุภาพอ่อนโยน ไม่ก้าวร้าว รุนแรง และหยาบคายต่อนาง แต่ถ้าหากสามีกระทำการเช่นนั้น เขาก็ได้ละทิ้งหน้าที่ของการเป็น “เกาว่ามูน” (ผู้ปกครองเลี้ยงดู) และบกพร่องในการทะนุถนอมเอาใจใส่ต่อ “เกาว่ารีรฺ” (แก้วที่เปราะบาง)

 

เปรียบเธอดั่งของขวัญอันงดงาม

รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺ กล่าวว่า ฉันเคยอยู่กับท่านนบี 

มีชายคนหนึ่งได้มาหาท่าน แล้วแจ้งให้ท่านทราบว่า เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวจากชาวอันศอรฺ

ท่านรอซูล   ได้กล่าวกับเขาว่า ท่านดูตัวนางแล้วหรือ?

เขากล่าวว่า ยัง 

ท่านนบี กล่าวต่อไปว่า จงไปดูตัวนาง แท้จริงในดวงตาของชาวอันศอรฺมีบางสิ่งอยู่

[บันทึกโดยมุสลิม]

         ความงามของผู้เป็นภรรยานั้นสามารถดึงดูดสามีให้ชื่นตาชื่นใจยามแค่ได้มอง ท่านนบีได้สอนให้ประชาชาติของท่านให้ความสำคัญกับความงดงามของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ซึ่งจะช่วยสร้างความเบิกบาน ชื่นตา สบายใจ ยามที่ทั้งสองฝ่ายใกล้ชิดกัน ซึ่งความสวย ความงดงามสำหรับแต่ละคนนั้นก็ให้คุณลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าหลักเกณฑ์สำคัญในการเลือกสรรคู่ครองคือควรพิจารณา “ศาสนา” ก่อนเป็นอันดับแรก แต่ท่านนบี  ก็สนับสนุนให้มีการดูตัว เพื่อที่เธอและเขาจะได้เกิดความพึงพอใจต่อกัน

 

เปรียบเธอดั่งของขวัญอันล้ำค่า

รายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิอัมรฺ อิบนิ อัลอ๊าศ ว่า แท้จริงท่านรอซูล  กล่าวว่า:

"โลกดุนยาเป็นความสนุกสนานเพลิดเพลิน และความสนุกสนานเพลิดเพลินของโลกดุนยาที่ดีที่สุดนั้นคือ ภรรยาที่ดี"

 [บันทึกโดยมุสลิม]

         ภรรยาที่ประเสริฐ คือ ของขวัญอันล้ำค่าสำหรับสามี ยามที่นางอดทน ต่อสู้เพื่อครองอยู่ในคุณงามความดี อัลลอฮฺ จะยกระดับและเกียรติของนางให้สูงส่งยิ่งขึ้น เพราะเธอจะเป็นเสมือนหนทางสู่ความดีงามสำหรับสามีของเธอ ดังนั้น สามีคนใดที่ตระหนักดีในเรื่องนี้ก็พึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเอาใจใส่ดูแลของขวัญที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เขานี้เป็นอย่างดี ให้สมกับที่เธอเป็นดั่งของกำนัลอันล้ำค่า หามีผู้ใดเสมอเหมือน

         ขอสรรเสริญต่อพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงส่งศาสนทูตเพื่อเผยแผ่สาส์นของพระองค์และสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นบนโลก และผู้ซึ่งทรงอำนาจบันดาลให้ทุกสิ่งในสากลจักรวาลได้มีความเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อนทว่าสมดุล สนับสนุนและสอดรับซึ่งกันและกันเป็นหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับสามีและภรรยาผู้ศรัทธา ผู้ซึ่งเป็นคู่ชีวิตที่จะคอยช่วยเหลือ เกื้อหนุน และเติมเต็มเป็นหนึ่งเดียวกัน สามีภรรยาจะต้องดูแลเอาใจใส่คู่ครองของตน รักษาความสัมพันธ์นี้ให้ยืนยาวมั่นคงเป็นไปตามแบบอย่างที่อิสลามสอนใช้ เราจะต้องยึดกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนบี เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต จงหลีกเลี่ยงและห่างไกลจากอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ไม่ใช่อิสลาม ซึ่งพบเห็นได้ง่ายดายจากสื่อต่างๆ ที่ได้เข้ามาคุกคามยังบ้านของมุสลิมอย่างมากมายแล้วทุกวันนี้

          แม้ว่าฟิตนะฮฺส่วนใหญ่มาจากผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงที่ประพฤติตัวนอกลู่นอกทาง ทว่าตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง ปัญหาทั้งหมดนั้นย่อมไม่ได้มาจากนางแต่เพียงฝ่ายเดียว บางวัฒนธรรมนั้นสนับสนุนความก้าวร้าวของฝ่ายชาย และในขณะที่บางสังคมก็เพิกเฉย ไม่ให้ความสำคัญกับเหล่าสตรีเพศ โดยเฉพาะเมื่อจิตใจของนางถูกทำร้ายและสูญสิ้นไป มีชายหลายคนที่แต่งงานกับหญิงผู้ศรัทธา หากแต่เขากลับปล่อยให้นางอยู่ตามลำพัง ไม่รับผิดชอบ ดูแล และเห็นคุณค่าของนาง พึงตระหนักว่าภรรยานั้นคือของขวัญที่แม้เปราะบาง ทว่าล้ำค่า อาจอ่อนไหวบ้าง ทว่างดงามเสมอ

 

          หากเราคือบ่าวของอัลลอฮฺ คือประชาชาติของท่านนบี อย่างแท้จริงแล้ว จงดำรงไว้ซึ่งโองการของพระองค์และวจนะของท่านเราะซูลุลลอฮ์ ต่อไปนี้อย่างผู้ศิโรราบโดยดุษฎีเถิด

“บรรดาชายนั้นคือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง”

[อัลกุรอาน 4: 34]

“โอ้ อันญะชะฮ์ ช้าๆหน่อย เพราะท่านกำลังบังคับอูฐให้กับแก้วที่เปราะบาง (หมายถึงสตรีเพศ)

[บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม]

 


Muslim Harmony – Advice Central Team

แปลและเรียบเรียงโดย  มารุต & มัรยัม เมฆลอย