จงอย่าละเมิดผู้อื่น
  จำนวนคนเข้าชม  7630

จงอย่าละเมิดผู้อื่น


โดย...อาจารย์ อัดนาน เชื้อผู้ดี


         ศรัทธาชนที่รักและเคารพทั้งหลาย ขอเราและท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่บนความยำเกรงต่ออัลเลาะห์ ด้วยการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้น ห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม

         ศรัทธาชนที่รักและเคารพทั้งหลาย ในช่วงเวลานี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า อากาศบ้านเราค่อนข้างที่จะร้อนจัดมาก ๆ เลย ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้ ระยะห่างของดวงอาทิตย์กับโลกนั้น ห่างไกลกันตั้ง ๙๓ ล้านไมล์ แต่ความร้อนทำให้พวกเราค่อนข้างที่จะมีความรู้สึกว่ามันทรมาน  โชคดีที่วันนี้เรายังมีเครื่องปรับอากาศ ยังมีพัดลมที่จะทำให้ความร้อนนั้น มันทุเลาลงได้บ้าง แต่อยากให้เราและท่านทั้งหลายได้ลองพิจารณาในวันกิยามะห์ ความร้อนของดวงอาทิตย์จะมากมายแค่ไหน เพราะในวันนั้นดวงอาทิตย์จะห่างกับศีรษะของเราแค่คืบ แค่ศอก เท่านั้นเอง สิ่งที่จะใช้ในการทำให้ความร้อนทุเลาลงไปได้ในวันกิยามะห์ ก็คืออีหม่านและความดีแค่เพียงเท่านั้น อยากให้เราและท่านทั้งหลายได้ลองพิจารณาว่า วันนี้เราได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้าง


 นักวิชาการบางท่านได้กล่าวว่า มนุษย์ที่ประเสริฐนั้น คือผู้ที่มี ๕ คุณลักษณะต่อไปนี้

ประการที่ ๑  เขาจะต้องเป็นผู้ที่ดำรงตนอยู่บนการทำความดี หรือต่อการทำอิบาดะห์ต่ออัลเลาะห์

ประการที่ ๒  เขาจะต้องเป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ใจทั้งภายนอกและภายใน

ประการที่ ๓  เขาจะต้องเป็นบุคคลที่มนุษย์ทั้งหลายนั้นได้รับความปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่ดีในตัวของเขา

ประการที่ ๔  เขาจะต้องเป็นบุคคลที่ไม่มีความหวังกับสิ่งที่มีอยู่ในมือหรือกรรมสิทธิ์ของมนุษย์ และ

ประการที่    เขาจะต้องมีความพร้อมที่จะตาย

          จาก ๕ ประการ ที่น่าจะได้ลองทบทวน ว่าชีวิตวันนี้เราเป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์ มีคุณลักษณะที่กล่าวมาแล้ว แค่ไหน อย่างไร เพื่อจะได้เป็นบุคคลหนึ่งที่เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่มีความประเสริฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเตรียมความพร้อมที่จะตาย


         ท่านพี่น้องที่รัก เราทุกคน เราจะต้องจากโลกดุนยาใบนี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด เราลองมาเปรียบเทียบดูว่า ท่านนบี  ของเราเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุด แต่ท่านก็เตรียมความพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ และแน่นอนเมื่อมีสัญญาณจากพระผู้เป็นเจ้า ในโองการที่อัลเลาะห์ ได้ประทานแก่ท่านนบี  ที่ว่า

 

" วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้า

และข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า 

และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้า "

(อัลมาอิดะฮ์ / 3)

         ซึ่งโองการนี้ อัลเลาะห์ ได้รับรองความสมบูรณ์ของศาสนาที่ท่านนบี ได้ทำการเผยแพร่ โองการนี้ได้ประทาน ณ ที่ทุ่งอารอฟะห์ ในวันศุกร์หลังละหมาดอัสรี่ ซึ่งขณะนั้นท่านนบี ไปประกอบพิธีฮัจย์ โองการนี้ประทานลงมาก่อนท่านนบี  เสียชีวิต ๘๑ วัน โองการนี้เปรียบเสมือนสัญญาณที่ทำให้ท่านนบี  รู้ว่า ท่านกำลังจะไปพบกับอัลเลาะห์ เมื่อกลับถึงนครมะดีนะห์ ท่านได้เรียกประชุมเหล่าบรรดาอัครสาวกของพระองค์ และประกาศให้ทุกคนรู้ถึงโองการนี้

         ท่านพี่น้องครับ โองการนี้ เมื่อบรรดาซอฮาบะห์ได้รับฟัง บรรดาซอฮาบะห์ทั้งหลายต่างดีใจ ที่ว่าศาสนาอิสลามนั้นมีความสมบูรณ์แล้ว มีเพียงท่านอะบูบักรเพียงท่านเดียวที่ท่านร้องไห้ เพราะท่านอะบูบักรบอกว่า “เมื่อสิ่งใดที่มันสมบูรณ์ มันย่อมจะเริ่มมีข้อบกพร่อง”  นั่นก็หมายความว่า ท่านอะบูบักรมีความคิดว่า ท่านนบี  กำลังจะจากไป อัลเลาะห์จึงได้ทรงประทานโองการนี้มา

 

         ท่านพี่น้องที่รักครับ หลังจากนั้นท่านนบี  ได้เคลียร์ตัวเอง ท่านนบี  ประกาศให้กับบรรดาอัครสาวกได้รู้ว่า ใครก็ตามที่ท่านได้ละเมิดอะไรไว้ ขอให้ประกาศตัวออกมา และท่านพร้อมที่จะให้เอาคืน ท่านพี่น้องที่รัก ท่านนบี ไม่ได้ใช้สิทธิ์แห่งการเป็นศาสนฑูต ท่านเกรงว่าจะไปละเมิดสิทธิ์ของใคร จึงบอกกับ ทุก ๆ คนให้ทราบว่า ใครที่ท่านได้เคยละเมิดสิทธิอะไรไว้ ได้โปรดบอกและ พร้อมที่จะชดใช้ให้ บรรดาซอฮาบะห์ต่างนิ่งเงียบ มีแค่เพียง อุกาชะห์บุตรของมัวะห์ซอน เพียงคนเดียวที่ประกาศตัวว่า

ท่านนบี  ได้เคยละเมิดกับฉัน สิ่งที่ท่านนบีละเมิด แค่เพียงว่าครั้งหนึ่ง ท่านได้ใช้แส้ในการตีม้าแล้วพลาดไปโดนอุกาชะห์ อุกาชะห์จึงบอกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านนบี  ได้ละเมิดเอาไว้

ท่านนบี  เองพร้อมที่จะให้อุกาชะห์ได้ทำการเอาคืน  ท่านจึงใช้ให้บิล้าลไปเอาแส้มา เพื่อที่จะให้อุกาชะห์ทำเหมือนอย่างกับที่เคยโดนทำจากท่านนบี ท่านพี่น้องครับ ลองนึกบรรยากาศในช่วงนั้น บรรดาซอฮาบะห์กำลังรวมตัวอยู่ แต่มีคนหนึ่งจะเอาคืนจากท่านนบี

ท่านอะบูบักร ท่านอุมัร ท่านอุสมาน ต่างพร้อมที่จะเสียสละ และบอกกับอุกาชะห์ว่า อย่าตีท่านนบี  เลย มาตีฉันเถอะ แต่ท่านก็บอกให้ทุกคนนั่งลง เพราะท่านต้องการที่จะเป็นผู้ที่ให้อุกาชะห์ ทำเหมือนกับที่อุกาชะห์เคยถูกกระทำ

ท่านพี่น้องที่รัก อุกาชะห์ไม่ต้องการที่จะตีคืน อุกาชะห์แค่เพียงต้องการที่จะให้ร่างของตนเอง ได้แนบแน่นกับร่างของท่านนบี เพราะเมื่อท่านนบี  บอกให้อุกาชะห์ทำการตีด้วยแส้ แต่แทนที่อุกาชะห์จะตี อุกาชะห์กลับก้มลงไปกอดท่านนบี และท่านนบี ก็บอกว่า ใครก็ตามอยากจะดูว่า ชาวสวรรค์หน้าตาเป็นอย่างไร จงดูบุคคลคนนี้


         เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด แค่เพียงต้องการจะสื่อให้ท่านพี่น้องได้เห็นว่า ท่านนบีของเรานั้นเป็นศาสนฑูต แต่ท่านก็ไม่เคยใช้สิทธิ์ในการที่จะละเมิดสิทธิของใคร พร้อมที่จะให้เอาคืน เราและท่านทั้งหลายก็คงน่าที่จะเตรียมความพร้อมเช่นเดียวกัน เพราะเราไม่รู้ว่าชีวิตของเราจะจากโลกดุนยาใบนี้ไปเมื่อไหร่ ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำตั้งแต่วันนี้ ก็คือ


        ๑. พยายามที่จะชดใช้สิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ละเมิดใครต่อใครเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกาย วาจา ใจ รวมถึงเรื่องของทรัพย์สินที่เราได้ละเมิดกันไว้ เพราะสิ่งที่เราละเมิดต่าง ๆ เหล่านี้นั้น มันจะเป็นสิ่งที่จะมาทำลายเราในวันกิยามะห์อย่างแน่นอน


         ๒. ที่เราควรจะทำก็คือ เราไม่ควรที่จะปฏิบัติตนหรือใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ ด้วยการตั้งอยู่บนการพร้อมที่จะโกงเขา พร้อมที่จะละเมิดสิทธิของใครต่อใคร เพราะมิเช่นนั้นแล้ว วันที่เราจะพบกับอัลเลาะห์ เราคงจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เกินกำลังความสามารถที่จะชดใช้ก็เป็นได้

 

         อย่าได้หวังเลยครับว่า วันที่มะยัตของเราตั้งอยู่หน้ามิมบัรแล้ว จะมีคนที่จะมาเป็นตัวแทนของเรา แล้วมาประกาศขอมะอัฟกับผู้ที่มาละหมาด เพราะคนที่ละเมิดนั้น เขาอาจจะไม่ได้มาละหมาดเราก็เป็นได้ บาปต่าง ๆ ที่เราได้ละเมิดเหล่านั้น มันจะติดตัวเรา และเราก็จะต้องรับผิดชอบ ขอท่านพี่น้องได้โปรดพิจารณา

 

 

 

 

คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ