ความรัก หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิมที่แท้จริง
  จำนวนคนเข้าชม  25687

ความรัก หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิมที่แท้จริง


โดย... อ.ปริญญา   ประหยัดทรัพย์


ความรักคืออะไร?

          ความรัก คือความรู้สึกทางจิตใจอันลึกซึ้ง ละเมียดละไมที่มีต่อกันระหว่างบุคคลที่มีศรัทธาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ คนเราเมื่อศรัทธาในสิ่งใดก็จะค่อย ๆ โน้มน้าวจิตใจให้เกิดความรู้สึกรัก โดยพัฒนามาเป็นขั้น ๆ อันประกอบด้วยความเมตตา ความอาทร ความหวังดี และให้อภัยเป็นประการสำคัญ

     - การที่เรารักพ่อแม่ก็เพราะเรามีศรัทธาที่ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด เลี้ยงดู สั่งสอนอบรม และให้ความรักต่อเรา ความรู้สึกจะบอกเราอยู่เสมอว่าท่านเป็นบุคคลที่เราต้องให้เกียรติให้ความเคารพรัก ให้ความช่วยเหลือและอุปการะท่าน

     - เรารักครู เพราะศรัทธาในตัวครูเนื่องด้วยท่านได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้เรา ให้แสงสว่างแห่งอนาคตอันมั่นคงแก่เรา

 

ความรักในกรอบของอัล-กุรอาน

" จงประกาศเถิด มาตรแม้นพวกท่านมีความรักในอัลลอฮ์ พวกท่านก็จง (ประพฤติ) ตามฉัน

แน่นอนอัลลอฮ์จะรักพวกท่านและทรงให้อภัยแก่พวกท่าน บรรดาความผิดของพวกท่าน

และอัลลอฮ์ทรงให้อภัย อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง"

(ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน  โองการที่  31)
 

ความรักในกรอบของอัล-หะดีษ

" คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าเขาจะรักพี่น้องของเขาได้รับเท่ากับที่เขาปรารถนาจะได้รับ "

 (รายงายโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)

 

ขาดความรักแน่แท้ขาดสันติสุข

          ความรัก เป็นปัจจัยและเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้คนเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หากมนุษย์ขาดความรักโลกมนุษย์ก็จะปั่นป่วนโกลาหลวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด

          ความรู้สึกทางกามารมณ์เป็นเพียงความใคร่เท่านั้น หาใช่ความรักไม่ ความรักที่จริงแท้มาจากความศรัทธาที่แท้จริง และต้องแยกความรักและความใคร่ออกจากกัน แล้วใช้ความมีเหตุผลจากการศรัทธาเข้าควบคุมให้อยู่ในกรอบของศาสนา

 

ใครบ้างที่ต้องแสดงความรัก

อัลลอฮ์

          มุสลิมทุกคนต้องศรัทธาอย่างมั่นคงเด็ดเดี่ยวว่า อัลลอฮ์ ทรงเป็นพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตของเราล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้อำนาจ และอภิสิทธิ์ของพระองค์ ดังนั้นเราจึงมอบความรักอันสูงสุดแด่พระองค์ หากเรามอบความรักที่จริงแท้และสูงสุดแด่พระองค์ รักในสิ่งที่พระองค์ทรงรัก และรักเพื่อพระองค์ เราก็จะเป็นที่รักใคร่แห่งพระองค์ ดังอัล-กุรอานได้ระบุไว้ในซูเราะฮ์  อัล-มาอิดะฮ์ โองการที่  57 ความว่า

"อัลลอฮ์จะนำคนกลุ่มหนึ่งมา พระองค์ทรงรักเขา และพวกเขาก็รักพระองค์"
 

รอซูลุ้ลลอฮ์ 

         รองลงมาจากความรักพระองค์อัลลอฮ์ คือความรักใน นบีมูฮำหมัด ผู้เป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์  ผู้ประกาศสัจธรรมชี้นำชาวโลกให้ออกจากความมืดบอด สู่แสงสว่างแห่งสัจธรรม อยู่บนฐานและแนวทางอันถูกต้องของพระองค์ ในที่สุดเราจักต้องมอบความรักอันยิ่งใหญ่ เหนือสิ่งอื่นใดให้แก่ท่านนบีมูฮำหมัด ดังคำสอนที่ระบุว่า  :

"คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะยังไม่มีศรัทธาอันสมบูรณ์ จนกว่าเขาจะรักอัลลอฮ์และรอซู้ลของพระองค์ยิ่งกว่าตัวเขาเอง

 ยิ่งกว่าครอบครัวของเขา ยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติของเขา และยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งปวง"

 
บิดา มารดา 

         โดยแสดงออกถึงความรัก ด้วยการกตัญญูกตเวที และปฏิบัติต่อท่านอย่างอ่อนโยน ดังอัล-กุรอานซูเราะห์ อัล-อิสรออ์ โองการที่ 24  ระบุว่า   ความว่า

"จงปฏิบัติต่อท่านทั้งสองด้วยความอ่อนน้อมและแสดงออกด้วยจิตใจอันมีเมตตา จงวิงวอนต่ออัลลอฮ์ เพื่อให้ทรงเมตตาท่านทั้งสองด้วย"

 
ญาติพี่น้อง 

          โดยหยิบยื่นความรักให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และสานสัมพันธ์อันดีต่อกันและกันดังที่ท่านศาสดามูฮำหมัด   ได้กำชับว่า

"ผู้ใดรักที่จะได้ต้องการรับปัจจัยอันอุดม และมีอายุขัยยืนยาวก็จงสานสัมพันธ์อันดีกับญาติพี่น้อง"

 (รายงานโดย บุคอรี)

 
ผู้นำ 

         คือสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพของสังคมมุสลิม ดังนั้นมุสลิมทุกคนจักต้องให้เกียรติและแสดงออกถึงความรักความปรารถนาดี และเชื่อฟังต่อผู้นำ ในกรณีที่ไม่ขัดแย้งกับ หลักธรรมคำสอนทางศาสนาดังที่อัลลอฮ์ ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ อัน-นิซาอ์ โองการที่  59   ความว่า :

"ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ เชื่อฟังศาสดา และผู้นำที่มาจากพวกเจ้ากันเองเถิด"

 
ผู้ทรงความรู้ 

          คือธรรมทายาทผู้สืบทอดมรดกแห่งความดีงามจากเหล่าศาสดา จึงจำเป็นที่มุสลิมทุกคนจักต้องให้เกียรติ แสดงออกถึงความรักต่อท่านเหล่านั้นในฐานะเป็นผู้นำพาคบเพลิงประภาคารแห่งวิทยาการมาสู่สังคมมนุษย์ชาติให้มีความสว่างไสว
 

เพื่อนบ้าน 

         หมายถึงผู้ที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ใกล้เคียงกัน ใช่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเพื่อนบ้านแบ่งออกเป็น  3  ประเภท  ด้วยกัน  อันได้แก่เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม และเป็นญาติใกล้ชิดด้วย และเพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม แต่ไม่ได้เป็นญาติใกล้ชิด และเพื่อนบ้านที่ไม่ใช่มุสลิม ดังนั้น จึงจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนบ้าน และปฏิบัติดีต่อเขาด้วยไมตรีจิต มีความรัก และความบริสุทธิ์ใจต่อกัน
 

มุสลิมทั่วไป 

         อัลลอฮ์ ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ โดยกำหนดให้มนุษย์ครองตนใช้ชีวิตอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นสังคมโดยมิอาจโดดเดี่ยวลำพังตัวเองได้ เมื่อมนุษย์เป็นหนึ่งในองคาพยพของสังคมแล้ว จักต้องมีกติกาและกรอบในการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อความเป็นระเบียบ ความสงบสุขสันติในสังคม เพราะหากไม่มีกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันแล้วแน่นอนแต่ละคนอาจกระทำการใด ๆ ตามความปรารถนาของตนเองที่ไปสู่การละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม และสร้างความเดือดร้อนในที่สุด  ดังนั้นการอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้คนนั้นจะต้องเคารพต่อกฎกติกาของสังคม มีความรักความสามัคคีต่อกันอันจะนำมาซึ่งความสุข ความสันติแผ่ปกคลุมสังคมอย่างแท้จริง

 
สรรพสิ่งทั่วไป 

        โดยการมอบความรักแผ่เมตตาต่อมวลสรรพสิ่งในโลก ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ตกทุกข์ได้ยาก รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีเมตตาต่อสัตว์ ซึ่งความเมตตาดังกล่าวในทัศนะของอิสลามนั้นย่อมส่งผลให้ผู้ที่มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ได้รับภาคผลจากพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย
 


พฤติกรรมที่ถือว่าขาดความรัก

     1. ทำให้ผู้อื่นต้องประสบกับความเดือดร้อนด้วยคำพูดที่หยาบโลน หยาบกระด้างแข็งกร้าว
 
     2. ความอิจฉาริษยา อันเป็นกิเลสซึ่งให้โทษทางจิตใจ ทำให้ความรักต้องมลายสิ้น ผู้อิจฉามักจะเป็นทุกข์เป็นร้อนอยู่ตลอดเวลา จิตใจไม่มีความสงบ อารมณ์จะอ่อนไหว ขาดความมั่นคง ทำลายศรัทธาในจิตใจ
 
     3. ความโกรธ เป็นความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อความต้องการของตนเองไม่สมหวัง ความหักเหของอารมณ์จะอุบัติขึ้นกลายมาเป็นความโกรธ ความเกลียดชัง ไร้ซึ่งความรัก ความเมตตาสงสารต่อผู้คน ที่สำคัญที่สุดความโกรธจะทำลายบุคลิกภาพของเราเองและทำลายคุณธรรมต่าง ๆ ที่เราสะสมกักตุนไว้
 
     4. ความมักมากในการพูดจา เพราะใครพูดมากย่อมผิดพลาดได้มาก และใครผิดพลาดมาก บาปของเขาก็จะมาก นรกย่อมคู่ควรกับเขาอย่างที่สุด ซึ่งผลจากความมักมากในการพูดจา จะส่งผลให้ขาดความเมตตา ความรัก ความปรารถนาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
 
     5. ความยโสโอหัง จะเกิดขึ้นจากความสำคัญผิดคิดว่าตนมีอะไรดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าบุคคลอื่นและจะดูถูกดูแคลนคนอื่นว่าต่ำต้อยด้อยกว่าตน เป็นการแสดงออกทางคำพูดและการกระทำเป็นต้น
 


บทสรุปแห่งความรัก

         อันที่จริงการทำความดีด้วยการคิดดี ทำดี พูดดีมีมธุรสวาจา เป็นเหตุแห่งการเสริมสร้างสัมพันธภาพแห่งความรักให้มีอานุภาพ สร้างความปรารถนาดี ความเอื้ออารี มีไมตรีจิต เพื่อสร้างสังคมแห่งสันติสุขให้ปกคลุมโลกใบนี้ ทั้งนี้เพราะอิสลามนั้นมีหลักธรรมคำสอนที่มุ่งเน้นการสร้างความรัก ความปรารถนาดี เป็นวิถีที่หยั่งรากลึกสู่สังคมแห่งความน่าอยู่ควบคู่คุณธรรมค้ำจุนโลก โดยผ่านกระบวนการสามัคคี ความรักใคร่ให้เกียรติต่อกันด้วยความสุจริตใจเป็นสำคัญ

 

 


สำนักจุฬาราชมนตรี