พระเจ้ามีจริงหรือไม่ ?
  จำนวนคนเข้าชม  11480

  

  

พระเจ้ามีจริงหรือไม่ ?

  


“มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้บังเกิดชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงให้เกิดความมืดและแสงสว่าง

แต่แล้วบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้นก็ยังให้(สิ่งอื่น)เท่าเทียมกับพระเจ้าของเขาอยู่”

(อัล-อันอาม 6:1)

“และพระองค์ทรงให้เกิดทุกๆ สิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ในทุกๆ สิ่ง”

(อัล-อันอาม6:101)

         อัลลอฮฺ ทรงบังเกิดทุก ๆสิ่งที่มีอยู่ในพิภพรวมทั้งท้องฟ้าและแผ่นดิน ด้วยมหาอำนาจและความปรารถนาของพระองค์ และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกๆ สิ่งอย่างถ้วนถี่เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงให้บังเกิด

         จากโองการอัลกุรอาน อัลลอฮฺ ได้ทรงแจ้งให้มนุษย์รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวที่ทรงสร้างฟ้า แผ่นดิน และสิ่งต่าง ๆที่มีอยู่ในท้องฟ้าและบนพื้นแผ่นดิน นอกจากคำบอกเล่าของพระองค์แล้ว มนุษย์เรายังสามารถค้นคว้าหาองค์พระผู้บังเกิดได้ด้วยความคิดความอ่านของเราอีก เรื่ององค์พระผู้สร้างนี้เมื่อเราพยายามใช้สติปัญญาค้นคว้าแต่เพียงผิวเผินก็จะได้พบประจักษ์พยาน แต่ถ้าเรายิ่งคิดให้ลึกซึ้งก็จะได้พบประจักษ์พยานอันกว้างขวางยิ่งๆ ขึ้นไปทุกที

 

อัล-อุสตาซ อัช-ชัยค์ มุหัมมัด คอลีล ดิรอสได้เล่าว่า

มีอาหรับชาวเขาคนหนึ่งได้ถูกถามว่า “ท่านรู้จักพระเจ้าอภิบาลของท่านได้อย่างไร ?”

       อาหรับผู้นั้นได้ตอบด้วยคารมคมคายว่า 

          อูฐตัวเมียมันบอกแก่เราว่าต้องมีอูฐตัวผู้และรอยเท้าที่ปรากฎอยู่บนพื้นดินนั้นมันบอกแก่เราว่ามีผู้เดินผ่าน ดังนั้นท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวและพื้นดินที่ปูลาด มันจะไม่บอกแก่เราบ้างหรือว่ามีผู้สร้างที่ทรงไว้ซึ่งความสามารถ และความรู้อย่างละเอียดรอบคอบ ? ! ”


         ท่านอิบนุ กะษีร ผู้เชี่ยวชาญในทางอธิบายความหมายของอัลกุรอานได้เล่าไว้ในหนังสือของท่านว่า มีชนกลุ่นหนึ่งซึ่งเป็นพวกที่ไม่นับถือพระเจ้าได้มาหาท่านอบู หะนีฟะฮฺ(อิมามหะนะฟี) ขอร้องให้ท่านแสดงหลักฐานในเรื่องการมีพระเจ้าผู้สร้างให้แก่พวกเขา

ท่านอบูหะนีฟะฮฺก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำขอร้องแต่ท่านพูดกับพวกเหล่านั้นว่า

         “ก่อนอื่นฉันอยากเล่าเรื่องแปลกประหลาดให้พวกท่านฟังสักเรื่องหนึ่งสำหรับตัวฉันเองก็ยังฉงนใจอยู่เหมือนกัน เรื่องมีดังนี้

         ฉันได้ข่าวประหลาดว่ามีเรือสินค้าลำหนึ่งภายในเรือไม่มีคนอยู่แม้แต่สักคนเดียว กัปตันก็ไม่มี นายท้ายก็ไม่มี ช่างเครื่องก็ไม่มี ตลอดจนกลาสีลูกเรือ และกรรมกรแม้แต่เครื่องควบคุมใดๆ ก็ไม่มีทั้งสิ้น แต่เรือลำนี้ทำงานได้เองทุกอย่าง เช่น เอาของลงเรือเอง พอสินค้าเต็มลำแล้วก็ออกแล่นไปยังที่หมาย เมื่อถึงแล้ว ก็ขนสินค้าขึ้นเอง แล้วก็แล่นกลับมาขนสินค้าลงอีก เรื่องเป็นเช่นนี้ฉันใคร่อยากจะถามท่านว่าพวกท่านเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ ? มันจะเป็นไปได้ไหม ?”

พวกเหล่านั้นก็ตอบว่า “มันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง เป็นเรื่องเหลวไหลมากกว่า”

ท่านอบู หะนีฟะฮฺจึงพูดกับพวกนั้นว่า

         เมื่อท่านไม่ยอมเชื่อเรื่องเรือประหลาดลำนั้นแล้ว เหตุไฉนท่านจึงจะไม่ยอมเชื่อว่า พิภพอันกว้างใหญ่ไพศาลเบื้องบนที่เต็มไปด้วยจักรวาลเช่น ดวงจันทร์ ดวงตะวัน และดวงดาวอย่างเหลือคณานับทุกอย่างต่างหมุนเวียนโคจรไปตามกฎเกณฑ์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยได้จังหวะปราศจากการผิดพลาดก้าวก่าย ทางเบื้องล่างก็มีสิ่งของสุดวิสัยที่จะคำนวณได้ ทุกๆสิ่งได้ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามกำหนด เหตุใดท่านจึงไม่ยอมเชื่อว่ามีผู้คอยจัดการ คอยบริหารควบคุมดูแล ?”

         เมื่อท่านอะบู หะนีฟะฮฺส่งคำถามกลับไปเช่นนั้นพวกที่ไม่ยอมศรัทธาในพระเจ้าเหล่านั้นต่างก็นิ่งอึ้ง ครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งก็ยอมจำนนต่อเหตุผลว่าพระเจ้าผู้สร้างนั้นมีแน่นอนและยอมเข้ารับนับถืออิสลามทันที

 

♣ เรื่องแรก บอกให้รู้ว่า เมื่อเราเห็นสิ่งของเราก็รู้จักผู้ทำหรือผู้ประดิษฐ์หรือผู้สร้าง

         เช่น เราเห็นรถยนต์เราก็รู้ว่านายช่างเป็นผู้ประกอบตัวรถ ช่างกลเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ เมื่อเราเห็นเรือใบลำเล็กๆ เราก็รู้ว่าช่างไม้เป็นผู้ต่อเรือนั้น เมื่อเราหยิบเสื้อกางเกงขึ้นมาเราก็รู้ว่าช่างตัดเสื้อเป็นผู้เย็บ เมื่อเราเห็นตึกหลังใหญ่มหึมาเราก็รู้ว่าช่างก่อสร้างเป็นผู้ทำ เมื่อเราเห็นบ้านไม้หลังงามหรือกระท่อมหลังเล็กๆ เราก็รู้ว่าช่างไม้เป็นผู้ทำ เมื่อเราได้เห็นบ้านเมืองสวยงามมีถนนใหญ่ๆ งามๆ มีตึกรามสูงตระหง่านและของอื่นๆ อีกหลายสิ่งหลายอย่างเราก็รู้วามนุษย์เป็นผู้ทำ

          ทุกๆ คนจะไม่ยอมเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าสิ่งของต่างๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้สร้างไม่มีผู้ทำหรือผู้ประดิษฐ์ แม้ก้านไม้ขีดไฟซึ่งเป็นเศษไม้เล็กๆ ที่ไม่มีมูลค่าอะไรเลยแม้แต่น้อยเราก็ไม่ยอมเชื่อว่ามันเกิดหรือมีขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้ทำ

         ใครบอก ใครสั่งสอนหรือแนะนำให้มนุษย์เชื่อมั่นอย่างนั้น? สัญชาติญาณอันเกิดจากสติปัญญาของเราเองเป็นผู้บอก แม้จะเป็นคนที่โง่แสนโง่สักปานใดก็จะไม่ยอมเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดหรือมีขึ้นเองโดยไม่มีผู้สร้าง

1. มนุษย์ยอมเชื่อว่าสิ่งของต่างๆ เช่นที่กล่าวมาแล้วจะเกิดหรือมีขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้ทำ ผู้สร้าง หรือผู้ประดิษฐ์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

2. มนุษย์ยอมเชื่อสิ่งที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น เชื่อโดยจิตสำนึก

          เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหตุไฉนเราจะไม่ยอมเชื่อว่าสิ่งของอีกเป็นจำนวนมากมายก่ายกองเหลือคณานับ ที่นายช่างต่างๆ เหล่านี้ทำไม่ได้ เช่น ดวงจันทร์ ดวงตะวัน ดวงดาว มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ตั้งแต่ขนาดใหญ่ที่สุดถึงขนาดเล็กที่สุด มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องใช้กล้องขยายตลอดจนตัวพิภพ ท้องฟ้า น้ำ และแผ่นดินต้องมีผู้สร้าง กลับไปเชื่อว่า สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นมาเอง โดยไม่มีผู้สร้าง จะไม่เป็นการเข้าใจที่งมง่ายเกินไปหรือ ?

          ปัญญาชนผู้เคารพต่อเหตุผล เคารพต่อความจริง ไม่น่าเข้าใจอย่างงมงายเช่นนั้น ควรจะใช้สติปัญญาความรอบคอบค้นหาผู้สร้างให้พบ ในเมื่อมั่นใจว่าทุกๆ สิ่งต้องมีผู้ทำ

 

♣ เรื่องที่สอง หมายถึงการควบคุมการบริหาร

          บรรดาสิ่งของต่างๆ ที่เราใช้ที่เราเห็นตลอดจนกิจการต่างๆ ต้องมีผู้ควบคุม ผู้รักษาและผู้บริหาร เช่นเราจะนำสิ่งของบางอย่างไปยังที่แห่งหนึ่ง เรามีเรือเล็กๆ อยู่ลำหนึ่งเราจัดแจงเอาสิ่งของลงเรือแล้วก็แก้เชือกผูกเรือ เสือกเรือออกกลางแม่น้ำ เรือลำน้อยๆ ก็จะล่องลอยไปตามสายน้ำตามยถากรรม ในที่สุดทั้งเรือทั้งของและพายก็จะอันตรธานหายไปโดยไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด

          มีโรงเรียนใหญ่แห่งหนึ่งกำลังจะก้าวหน้ามีนักเรียนนับจำนวนเป็นพันแต่มีเหตุเกิดขึ้นทำให้ต้องขาดผู้จัดการหรือผู้บริหาร หรือว่าได้ผู้จัดการมาใหม่เป็นผู้ที่ไม่เคยบริหารกิจการของโรงเรียนมาเลย หรือว่ามีภูมิความรู้ไม่พอที่จะควบคุมโรงเรียนได้ เมื่องานดำเนินไปโดยขาดผู้ควบคุมผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพไม่พอ ความระส่ำระสาย ความอลเวงก็จะเกิดขึ้น ในที่สุดโรงเรียนนั้นก็จะต้องประสบกับความวิบัติ

          เรื่องปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ยังขาดผู้บริหารผู้ควบคุมที่ทรงความรู้ความชำนาญไม่ได้ แล้วสิ่งใหญ่ๆ อันทรงสภาพลึกล้ำพิสดารมหัศจรรย์อีกมากหลายเหลือคณานับเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าไม่มีผู้ควบคุมหรือผู้บริหารที่ทรงไว้ซึ่งความสามารถความรอบรู้อย่างรอบคอบ ? เช่นโลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ข้างบนมีดวงจันทร์ ดวงตะวันและดวงดาวจำนวนมากหลาย ทุกอย่างโคจรไปตามกำหนดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยปราศจากการสับสนก้าวก่ายหรือเปลี่ยนแปลง


        ข้างล่างก็มีพื้นดินภูเขา แม่น้ำลำคลอง ทะเล มนุษย์ สัตว์และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย สุดที่จะคำนวณได้ ทุกๆสิ่งดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ที่พระผู้สร้างได้วางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสม่ำเสมอไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างคงอยู่ในสภาพเดิมตั้งแต่เริ่มแรกจนตราบเท่าทุกวันนี้ !


         สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างดังกล่าว ล้วนแต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ลึกล้ำเกินสติปัญญาของมนุษย์จะเข้าถึง หากขาดผู้ควบคุมดูแลรักษาและบริหารเสียแล้วจะคงไว้ซึ่งความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อย่างไร ? หรือว่า ถ้าผู้ควบคุมบริหารหย่อนสมรรถภาพ อ่อนความสามารถปราศจากความรอบรู้และความละเอียดรอบคอบจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกด้านให้ดำเนินไปเป็นระเบียบได้อย่างไร?


ทุกๆ สิ่งต้องมีผู้ควบคุมรักษา และบริหาร ผู้ควบคุมต้องเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งสมรรถภาพและความสามารถเหนือบรรดาสิ่งที่อยู่ในความควบคุมของตน...

 

 


islamhouse