บทเรียนจากสูเราะฮฺ อัต-ตะกาษุรฺ
  จำนวนคนเข้าชม  18662

บทเรียนจากสูเราะฮฺ อัต-ตะกาษุรฺ


ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์


          มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ การยกย่องสรรเสริญและความสันติจงประสบแด่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ข้าขอปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺพระองค์เดียวเท่านั้น โดยปราศจากการตั้งภาคีใดๆกับพระองค์ และขอปฏิญาณตนว่ามุหัมหมัดนั้นคือบ่าวและศาสนทูตของพระองค์

          ในคัมภีร์อัลกุรอานมีสูเราะฮฺอยู่หนึ่งที่เรามักได้รับฟังอยู่บ่อยครั้ง คือ สูเราะฮฺ อัต-ตะกาษุรฺ ซึ่งเราควรที่จะต้องพิจารณาและใคร่ครวญถึงความหมายของสูเราะฮฺนี้เป็นอย่างยิ่ง

อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

 "การสะสมทรัพย์สมบัติเพื่ออวดอ้างได้ทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน  จนกระทั่งพวกเจ้าได้เข้าไปเยือนหลุมฝังศพ 

เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้ มิใช่เช่นนั้น ถ้าพวกเจ้าได้รู้อย่างแท้จริง แล้วแน่นอน พวกเจ้าจะเห็นไฟที่ลุกโชน แล้วก็เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้

แล้วแน่นอนพวกเจ้าจะได้เห็นมันด้วยสายตาที่แน่ชัด แล้วในวันนั้นพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปราน ที่ได้รับ (ในโลกดุนยา)"

(อัต-ตะกาษุรฺ)

♥ คําดํารัสของอัลลอฮ์  (أَلۡهَىٰكُمُ ٱلتَّكَاثُرُ ) ความว่า “การสะสมทรัพย์สมบัติเพื่ออวดอ้างได้ทําให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน ”

อิบนุ กะษีรฺ กล่าวว่า

          “อัลลอฮฺได้ตรัสว่า พวกเจ้านั้นเพลิดเพลินกับความรักที่มีต่อโลก ความสุขสบายและความเพริศแพร้วของมัน โดยลืมการแสวงหาเสบียงสำหรับวันอาคิเราะฮฺ พวกเจ้าอยู่ในภวังค์นั้นจนกระทั่งความตายได้มาหาพวกเจ้า แล้วในที่สุดพวกเจ้าได้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพและในที่สุดก็กลายเป็นชาวสุสาน”

 (ตัฟสีรฺ อิบนุกะษีรฺ 4/44)

มีรายงานจากมุฏ็อรริฟฺ จากบิดาของเขา อับดุลลอฮฺ บิน อัช-ชิคคีรฺ  เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า

“ฉันได้ไปพบท่านนบี ท่านได้อ่านอายะฮฺ (أَلۡهَىٰكُمُ ٱلتَّكَاثُرُ)

ท่านนบี กล่าวว่า ลูกหลานอาดัมมักจะกล่าวว่า "ทรัพย์สินของฉัน ! ทรัพย์สินของฉัน !"

       ท่านนบี  กล่าวว่า " โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย

- ทรัพย์สินของเจ้ามิใช่สิ่งที่เจ้าได้บริโภคไปและมันก็สูญสิ้นดอกหรือ

- หรือสิ่งที่เจ้าได้สวมใส่และมันก็พุพังสลายไปดอกหรือ

- หรือสิ่งที่เจ้าได้ใช้จ่ายไปและมันก็หมดไปดอกหรือ”

ในบางสายรายงานท่านนบี  กล่าวว่า

“ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะสูญสิ้น ส่วนทรัพย์สินที่เหลือจะถูกทิ้งไว้สำหรับคนอื่น(ครอบครองต่อไป)

 (บันทึกโดยมุสลิม เล่มที่ 4 หน้า 2273 หมายเลขหะดีษ 2958 )

 

♥ คำดำรัสของพระองค์ (حَتَّىٰ زُرۡتُمُ ٱلۡمَقَابِرَ) ความว่า "จนกระทั่งพวกเจ้าได้เข้าไปเยือนหลุมฝังศพ"

อิบนุล ก็อยยิม กล่าวว่า

         “การที่พระองค์ใช้คำว่า เยือนหลุมฝังศพ โดยไม่ใช่คำว่า ความตาย เป็นการชี้ว่า มนุษย์ทุกคนไม่มีใครพำนักอยู่ในสุสานอย่างนิจนิรันดร์ พวกเขาอยู่ในสุสานเสมือนแขกผู้มาเยือนเป็นครั้งคราวเท่านั้น ในที่สุดก็ต้องจากสถานที่แห่งนั้นไป เช่นเดียวกับชีวิตพวกเขาในโลกดุนยาก็เปรียบเสมือนผู้มาเยือนเช่นกัน เนื่องจากพวกเขามิได้พำนักอยู่บนโลกอย่างจีรัง แต่สถานที่พำนักอันนิรันดร์ คือ สวนสวรรค์ หรือขุมนรก

(ตัฟสีรฺ อิบนุลก็อยยิม หน้า 512)

 

♥ คำดำรัสของพระองค์ (كَلَّا سَوۡفَ تَعۡلَمُونَ ٣ ثُمَّ كَلَّا سَوۡفَ تَعۡلَمُونَ) ความว่า "เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้ แล้วก็เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้"

          คือ ทำไมพวกเจ้าถึงเพลิดเพลินกับการสะสมความมั่งคั่งบนโลกจนลืมการภักดีต่ออัลลอฮฺเช่นนี้ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ถึงผลลัพธ์ของการเพลิดเพลินกับการสะสมความมั่งคั่งบนโลก อัลลอฮฺได้กล่าวซ้ำประโยคนี้หลายครั้งเพื่อยืนยัน ดังที่นักอรรถาธิบายอัลกุรอานบางท่านได้กล่าว

อิบนุ อัล-ก็อยยิม กล่าวว่า

          “การทวนคำว่าเจ้าจะได้รู้ซ้ำกัน ไม่ใช่เพื่อการยืนยัน แต่การรู้ในอายะฮฺแรกหมายถึงการมองเห็นด้วยตาและตอนลงไปยังหลุมฝังศพ และการรู้ในอายะฮฺที่สองหมายถึงสภาพในหลุมฝังศพ ซึ่งเป็นทัศนะเดียวกันกับทัศนะของ อัล-หะสันและมุกอติล และเป็นสิ่งที่รายงานโดยอะฏออ์จากอิบนุอับบาส”

 (ตัฟสีรฺ อิบนุ อัล-ก็อยยิม หน้าที่ 515)

 

♥ คำดำรัสของพระองค์ (كَلَّا لَوۡ تَعۡلَمُونَ عِلۡمَ ٱلۡيَقِينِ) ความว่า "มิใช่เช่นนั้น ถ้าพวกเจ้าได้รู้อย่างแท้จริง"

          คือ หากพวกเจ้ารู้ในสิ่งที่พวกเจ้าจะประสบกับมันในวันข้างหน้าแน่นอนพวกเจ้าคงไม่เพลิดเพลินกับการสะสมความสุขสบายในโลกนี้ แต่พวกเจ้าจะหันไปประชันในการประกอบคุณงามความดี แต่ทว่า พวกเจ้าปราศจากความยังรู้ที่แท้จริง จึงทำให้พวกเจ้าทำในสิ่งที่พวกเจ้าเห็นอย่างผิวเผิน

 

♥ คำดำรัสของพระองค์ (لَتَرَوُنَّ ٱلۡجَحِيمَ ٦ ثُمَّ لَتَرَوُنَّهَا عَيۡنَ ٱلۡيَقِينِ) ความว่า “แล้วแน่นอน พวกเจ้าจะเห็นไฟที่ลุกโชน แล้วแน่นอนพวกเจ้าจะได้เห็นมันด้วยสายตาที่แน่ชัด”

          นี่คือประโยคสาบานของอัลลอฮฺ ว่าแท้จริงบ่าวของพระองค์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาหรือผู้ปฏิเสธศรัทธาจะต้องได้เห็นไฟนรกด้วยสายตาของพวกเขาเอง พระองค์ได้ยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อนั้นพวกเขาได้แลเห็นไฟนรกด้วยสายตาจึงมั่นใจเต็มที่โดยไม่คลางแคลงใจอีกเลย แต่สำหรับผู้ศรัทธาอัลลอฮฺจะให้พวกเขารอดพ้นจากไฟนรกอันร้อนแรง และการที่พระองค์ให้ผู้ศรัทธาได้มองเห็นไฟนรกก็เพื่อจะให้พวกเขาสำนึกในพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่พระองค์ให้พวกเขารอดพ้นจากไฟนรกที่ลุกโชนได้

ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า

 "และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้า นอกจากจะเป็นผู้ผ่านเข้าไปในมัน มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วสำหรับพระเจ้าของเจ้า 

 แล้วเราจะให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น แล้วเราจะปล่อยให้บรรดาผู้อธรรมคุกเข่าอยู่ในนั้น"

 (มัรยัม : 71-72)

 

♥ คำดำรัสของพระองค์ (ثُمَّ لَتُس‍َٔلُنَّ يَوۡمَئِذٍ عَنِ ٱلنَّعِيمِ) ความว่า “แล้วในวันนั้นพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปรานที่ได้รับ (ในโลกดุนยา)"

          หมายถึง อัลลอฮฺจะทรงสอบถามพวกเจ้าในวันกิยามะฮฺถึงนิอฺมะฮฺ (ความโปรดปรานที่อัลลอฮฺประทานให้) ทุกอย่าง อาทิเช่น ความปลอดภัย สุขภาพที่ดี การฟัง การมองเห็น ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มวลมนุษย์บริโภค ว่าพวกเจ้าได้ขอบคุณโดยการมอบสิทธิต่างๆ ที่พึงมีต่ออัลลอฮฺ โดยไม่ประพฤติในสิ่งที่ฝ่าฝืนหรือเนรคุณต่อพระองค์หรือไม่ หรือว่าพวกเจ้าได้หลงระเริงในความสุขสบายที่ได้รับแล้วไม่สำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์จะทรงลงโทษพวกเจ้าในสิ่งพวกเจ้าได้กระทำไว้

รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าว

มีอยู่ในวันหนึ่งหรือในคืนหนึ่งท่านนบี ได้เดินออกจากบ้านของท่าน แล้วท่านได้พบกับอบู บักรฺ และอุมัรฺ

ท่านนบี ได้ถามสหายของท่านทั้งสองว่า “เป็นเพราะเหตุใดที่ทำให้เจ้าต้องเดินออกนอกบ้านในเวลาเช่นนี้”

ทั้งสองตอบว่า เพราะความหิว โอ้ท่านเราะสูล

        ท่านบี  กล่าวว่า “และฉันขอสาบานด้วยผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริงเหตุที่ทำให้ฉันออกนอกบ้าน ก็เหมือนกับที่ท่านทั้งสองออกนอกบ้านเช่นกัน (คือความหิว) ดังนั้นพวกท่านทั้งสองจงลุกขึ้น”

        แล้วเขาทั้งสองได้ลุกขึ้นเดินพร้อมกับท่านนบี  ไปยังบ้านของชายชาวอันศอรฺคนหนึ่ง แต่ปรากฎว่าชายชาวอันศอรฺผู้นั้นไม่อยู่ที่บ้าน เมื่อภรรยาเจ้าของบ้านเห็นท่านนบี  และสหายของท่านมาเยือน

นางจึงกล่าวว่า ยินดีต้อนรับ

ท่านนบี เลยถามว่า สามีของเธอไปไหน

นางตอบว่า เขาไปตักน้ำ

       แล้วชายชาวอันศอรฺกลับมาถึงบ้าน เมื่อเขาเห็นท่านเราะสูลและสหายของท่าน เขากล่าวว่า มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ไม่มีวันใดที่เรามีแขกที่มีเกียรติมาเยือนเราจะเทียบเท่าได้เช่นวันนี้อีกแล้ว เขาจึงเดินไปเก็บอินทผลัมชนิดต่างๆ ให้ท่านนบี  และสหายทั้งสองรับประทาน เขากล่าว พวกท่านจงรับประทานเถิด แล้วชายคนนั้นได้หยิบมีดเพื่อไปเชือดแพะ

ท่านนบี  กล่าวว่า “ท่านอย่าได้เชือดแพะตัวที่มีน้ำนมเยอะ”

แล้วเขาได้เชือดแพะหนึ่งตัวให้ท่านบี  และสหายของท่านได้รับประทาน เมื่อพวกเขาได้รับประทานจนอิ่มแล้ว

       ท่านนบี  กล่าวแก่ อบูบักรฺและอุมัรฺ ว่า “ฉันขอสาบานด้วยผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ในวันกิยามะฮฺพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปรานที่ได้รับ (ในโลกดุนยา) เนื่องจากพวกเจ้าออกจากบ้านด้วยความหิวและพวกเจ้ามิได้กลับไปยังบ้านของพวกเจ้าจนกว่าพวกเจ้าได้รับความโปรดปรานเหล่านี้”

 (มุสลิม หมายเลข 2038)

อิหม่าม อัน-นะวะวีย์ ได้อธิบายหะดีษบทนี้ว่า

          “การสอบสวนของอัลลอฮฺ ณ ที่นี้คือการถามเพื่อให้เกิดความสำนึกต่อพระกรุณาธิคุณที่พระองค์ประทานแก่ปวงบ่าว มิใช่เป็นคำถามเพื่อตำหนิ ประณาม หรือเพื่อชำระบัญชีแต่อย่างใด”

(ดู ชัรหฺ อัน-นะวะวีย์ เล่มที่ 5 หน้า 214 )

ส่วนคำถามสำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้วถือว่าเป็นคำถามเชิงตำหนิ ขู่สำทับ และเพื่อชำระบัญชีความบาป

 

รายงานจาก อบีบัรซะฮฺ อัล-อัสละมีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า แท้จริงท่านนบี กล่าวว่า

"ในวันกิยามะฮฺบ่าวคนหนึ่งคนใดจะไม่ก้าวเท้าของเขาจนกว่าจะถูกสอบถามถึงสี่ประการ คือ

♦ จะถูกสอบถามถึงอายุขัยของเขาว่าใช้เวลาช่วงที่มีชีวิตหมดไปกับสิ่งใด

♦ จะถูกสอบถามถึงร่างกายของเขาว่าสูญเสียไปกับสิ่งใด

♦ จะถูกสอบถามถึงความรู้ที่เขาได้รับว่าเขาไปปฏิบัติเช่นใด

♦ และจะถูกสอบถามถึงทรัพย์สินว่าได้มาจากแหล่งใดและใช้จ่ายไปในหนทางใด"

(บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 612 หมายเลขหะดีษ 2416 ท่านกล่าวว่า เป็นหะดีษ หะสัน เศาะฮีหฺ)

รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ จากท่านนบี ในหะดีษที่เกี่ยวกับการมองเห็นอัลลอฮฺ ว่า  

              “ในวันกิยามะฮฺอัลลอฮฺจะตรัสแก่บ่าวของพระองค์ว่า โอ้บ่าว! ฉันเคยให้เจ้ามีเกียรติ มีอำนาจ และมีคู่สมรส มิใช่ดอกหรือ และฉันได้ให้บรรดาสรรพสัตว์อย่างม้าและอูฐต่างยอมสยบแก่เจ้ามิใช่หรือ และเจ้าสามารถบังคับพวกมันตามใจปรารถนามิใช่ดอกหรือ

บ่าวผู้นั้นตอบว่า ถูกต้องแล้ว ข้าแต่พระองค์

แล้วพระองค์ถามบ่าวผู้นั้นอีกว่า แล้วเจ้าศรัทธาว่าสักวันเจ้าจะต้องมาพบกับข้าหรือไม่

บ่าวผู้นั้นตอบว่า ฉันไม่ได้ศรัทธา

แล้วพระองค์ตรัสว่า ดังนั้น ในวันนี้ฉันจะลืมเจ้าดังที่เจ้าได้เคยลืมฉัน (ตอนที่มีชีวิตบนโลก)

(บันทึกโดยมุสลิม เล่มที่ 4 หน้าที่ 2279 หมายเลขหะดีษ 2968)

 

รายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ จากท่านนบี กล่าวว่า 

“และสิ่งแรกที่บ่าวจะถูกชำระบัญชีในวันกิยามะฮฺ คือ

เขาจะถูกถามว่า ฉันมิได้ให้เจ้ามีร่างกายแข็งแรงสุขภาพดีและให้เจ้าได้ดื่มน้ำเย็น ดอกหรือ?”

(บันทึกโดยอัล-หากิม ในตำราอัล-มุสตัดร็อก 4/154 หมายเลขหะดีษ 7203 อัล-อัลบานีย์ได้ระบุว่าเป็นหะดีษ เศาะหี้หฺ ในหนังสือสิลสิละฮฺ อัศ-เศาะหี้หะฮฺ 2/76 หมายเลขหะดีษ 539)

อิบนุ อัล-ก็อยยิม กล่าวว่า

          “ช่างเป็นสูเราะฮฺของอัลลอฮฺที่ยิ่งใหญ่นัก ซึ่งบรรจุด้วยบทเรียน ข้อคิด ข้อตักเตือน เป็นสิ่งเตือนใจให้เรานึกถึงวันอาคิเราะฮฺ และมีความสมถะในการใช้ชีวิตบนโลกนี้  สูเราะฮฺนี้มีประโยคที่รวบรัดแต่ถ้อยคำถูกเรียบเรียงอย่างวิจิตรงดงาม ดังนั้นความประเสริฐจะประสบแก่ผู้กล่าวสูเราะฮฺนี้ด้วยสัจจริง และศาสนทูตของพระองค์ได้เผยแพร่สูเราะฮฺนี้แล้ว”

 (ตัฟสีรฺ อัล-ก็อยยิม หน้าที่ 523)

 


แปลโดย : อันวา สะอุ / Islamhouse