วิธีการนอนและตื่นนอน
  จำนวนคนเข้าชม  24564

 

วิธีการนอนและตื่นนอน
 
 

ผู้แต่ง : อิบนิกอยยิม อัลเญาซียะฮฺ
 
 

 

          จากการศึกษาวิธีการนอนและการตื่นนอนของท่านนบี  พบว่า ท่านนบี  เป็นผู้ที่นอนอย่างพอเพียงซึ่งจะมีประโยชน์ต่อร่างกายและอวัยวะต่างๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ท่านจะนอนในช่วงหัวค่ำและตื่นในช่วงดึกๆ ครึ่งที่สองของกลางคืน (คือ เลยเที่ยงคืนไปแล้ว : ผู้แปล) ท่านจะลุกขึ้นมาถูฟันและละหมาดสุนัตตอนกลางคืนเท่าที่อัลลอฮฺ กำหนดไว้ การกระทำเช่นนี้ทำให้ร่างกายและอวัยวะต่างๆ ได้พักผ่อน สะสมกำลังจนเพียงพอและแข็งแรงขึ้นจากการนอน หลังจากนั้นจึงเป็นการออกกำลังกายที่ให้ผลบุญด้วยการละหมาด เหล่านี้คือจุดมุ่งหมายที่จะให้ประโยชน์ต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

 
           ท่านนบี  จะไม่นอนนานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ และท่านจะไม่ฝืนความต้องการของร่างกายเมื่อต้องการจะนอน  ท่านจะทำตามที่ร่างกายต้องการอย่างเต็มที่ โดยนอนเมื่อร่างกายต้องการ กล่าวระลึกถึงอัลลอฮฺจนกว่านัยน์ตาสองข้างจะหลับลง ไม่ทำให้กระเพาะมีอาหารหรือเครื่องดื่มแน่นเกินไปเวลานอน ไม่นอนลงไปบนพื้นดินโดยไม่มีอะไรรองรับ และไม่นอนบนที่นอนที่สูงเกินไป แต่จะนอนบนที่นอนที่ยัดไส้ด้วยใบไม้ ท่านจะนอนหนุนหมอนและเอามือเข้าไปซุกในหมอนเป็นบางครั้ง

 
 
ความประเสริฐของการนอน ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการนอน และโทษของมัน

 
           การนอนเป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา เกิดจากการหยุดทำงานของพลังงานความร้อนภายในร่างกายเรา เพื่อพักผ่อน มีอยู่ 2 ชนิด คือ ตามปกติธรรมชาติและไม่เป็นไปตามธรรมชาติ 

 
          การนอนตามปกติธรรมชาติ คือ การหยุดทำงานของพลังจิตในตัวเราอันได้แก่ พลังความรู้สึกสัมผัส พลังการเคลื่อนไหวตามที่ร่างกายสั่ง เมื่อพลังเหล่านี้หยุดลงร่างกายก็จะหยุดทำงานลงไปทันที ความชื้นกับไอน้ำก็จะรวมตัวกันขึ้นหลังจากที่ต้องแยกจากกันเพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายและความตื่น แล้วไปรวมกันอยู่ในสมองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของพลังงานเหล่านี้ สมองจึงมึนชาลง อ่อนแอลง ซึมลงและไม่รับรู้หรือหลับไปในที่สุด นี่คือการนอนที่เกิดขึ้นตามปกติธรรมชาติทั่วไป


           ส่วนการนอนที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ คือ การนอนเนื่องจากป่วยไข้ หรือ เกิดจากอุบัติเหตุ การนอนแบบนี้พลังความชื้นจะเข้าไปควบคุมสมองจนทำให้ไม่สามารถตื่นขึ้นมารับรู้หรือแยกแยะอะไรได้อีกเหมือนเดิม หรือไอน้ำและความชื้นเกิดขึ้นอย่างมากมาย เช่นที่เกิดขึ้นหลังจากการดื่มกินอาหารจนแน่นท้องใหม่ๆ สมองจะหนักและอ่อนแอลง พลังจิตก็จะถูกจำกัดไม่ให้ทำงานได้ตามปกติ คนๆ นั้นจึงหลับไป


 
การนอนมีประโยชน์อยู่ 2 อย่างที่ดีมากคือ

     1) ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้หยุดพักการทำงานลงไป ทำให้เกิดการพักผ่อนจากการตรากตรำงานจนเหนื่อยล้า ประสาทความรู้สึกก็ได้พักผ่อนจากการตรากตรำงานเวลาที่ตื่นอยู่ ทำให้ความเหนื่อยล้า และความอ่อนเพลียต่างๆ หายไป

     2) การช่อยย่อยอาหาร (การเผาผลาญพลังงาน – ผู้เรียบเรียง) ทำให้ส่วนผสมที่อยู่ข้างในนั้นสุกสมบูรณ์ เนื่องจากธาตุความร้อนของร่างกายในขณะนอนหลับ จะหลบเข้าไปอยู่ในช่องท้อง ทำให้ลักษณะภายนอกดูเย็นลง ด้วยเหตุนี้คนนอนหลับจึงควรที่จะห่มผ้าไว้ด้วย เพื่อป้องกันความเย็นเกินไปจากภายนอกนั่นเอง


         ♣ การนอนมีประโยชน์มากมาย แต่การนอนที่ถูกต้องจะให้ประโยชน์มากกว่า คือ การนอนตะแคงขวาทำให้อาหารเคลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมขึ้นในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารนั้นจะเอียงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย ดังนั้นการตะแคงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อยจะช่วยให้การย่อยอาหารทำงานได้เร็วขึ้น เนื่องจากกระเพาะอาหารจะพิงอยู่กับตับนั่นเอง หลังจากนั้นจึงเอนไปทางด้านขวาเพื่อให้อาหารที่ย่อยแล้วถูกดันออกจากกระเพาะได้สะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นการนอนตะแคงด้านขวาจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการนอน การนอนตะแคงด้านซ้ายบ่อยเกินไปจะเป็นอันตรายต่อหัวใจ เพราะจะทำให้อวัยวะอื่นไปกดที่หัวใจมากขึ้น


          ♣ การนอนที่แย่ที่สุด คือการนอนหงาย แต่การนอนหงายเพื่อพักผ่อนโดยไม่ได้หลับก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด 

         ♣ การนอนที่แย่ไปกว่านั้นคือ การนอนคว่ำหน้า ดังที่มีรายงานในหนังสือ “มุสนัด” และ “สุนันอิบนิมาญะฮฺ” จากท่านอบีอุมามะฮฺ กล่าวว่า ท่านนบี  ได้เดินผ่านชายคนหนึ่งซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ในมัสยิด ท่านได้กล่าวว่า

“จงลุกขึ้นยืนหรือนั่งเถิด เพราะการนอนท่านี้(นอนคว่ำหน้า) เป็นการนอนของพวกที่อยู่ในนรก”

(ระดับดี อิบนิมาญะฮฺ, 3725)

ฮิโปเครติส กล่าวไว้ในหนังสือ “อัตตะก๊อตดุมะฮฺ” ว่า

          “การนอนคว่ำของผู้ป่วยโดยที่ไม่ใช่ลักษณะปกติของเขาเวลาที่เขามีสุขภาพดี แสดงว่า เขากำลังมีปัญหาสับสนทางด้านจิตใจอยู่ หรือความเจ็บปวดที่ด้านท้องอยู่”

        มีผู้อธิบายหนังสือดังกล่าวนี้ว่า เนื่องจากวิธีการนอนแบบนี้เป็นการนอนที่ขัดกับหลักการนอนที่ดี ถ้าไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนก็ไม่ควรจะนอนท่านี้

          การนอนที่พอดี จะทำให้ร่างกายฟื้นคืนพลังจากการทำงานกลับมาดังเดิม ให้พลังจิตได้พักผ่อนจากภาระที่ต้องแบกไว้ ผ่อนคลายจากความเหนื่อยยากต่างๆ การนอนในตอนกลางวันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทำให้เกิดโรคต่างๆ จากความชื้นและความเย็นที่ศีรษะ ทำให้ผิวพรรณเสียไป ทำให้ม้ามเป็นโรค เกิดเส้นประสาทอ่อนแอ ทำให้ขี้เกียจ นอกจากในฤดูร้อนเวลาเที่ยงเท่านั้น การนอนที่เลวร้ายมากคือ การนอนในตอนเช้าตรู่ การนอนที่เลวร้ายกว่านั้นคือ การนอนในเวลาใกล้ค่ำ 

        ครั้งหนึ่งท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิอับบาส ได้เห็นบุตรชายนอนในตอนเช้าตรู่ ท่านจึงบอกกับเขาว่า "จงลุกขึ้นเถิด เจ้าจะนอนในเวลาที่ความมั่งคั่งกำลังถูกแจกจ่ายอยู่หรือ ! " 


การนอนในกลางวันนั้นมี 3 แบบ คือ การนอนเพื่อการสร้าง การนอนเพื่อทำลาย และการนอนที่โง่เขลา 

♦ - การนอนเพื่อการสร้างคือการนอนในช่วงเที่ยงวัน 

♦ - การนอนเพื่อทำลายคือการนอนในช่วงสายๆ ซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนมากยุ่งอยู่กับการทำงานของโลกนี้และโลกหน้า 

♦ - การนอนที่โง่เขลาคือการนอนในเวลาเย็นใกล้ค่ำ พวกชาวสลัฟบางคนกล่าวว่า ผู้ใดนอนในเวลาใกล้ค่ำจะทำให้สติปัญญาของเขาด้อยลง ดังนั้นไม่ต้องโทษใครนอกจากตัวของเขาเอง



          การนอนในตอนเช้าตรู่เป็นการห้ามความมั่งคั่งของตัวเองในปัจจัยยังชีพต่างๆ ที่อัลลอฮฺ  จะประทานให้ เนื่องจากช่วงเช้าเป็นช่วงที่อัลลอฮฺ  กำลังแจกจ่ายริสกีหรือปัจจัยยังชีพของพระองค์แก่สิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย ดังนั้น การไปนอนในช่วงนั้น จึงเป็นการปิดกั้นริสกีของตนเอง นอกจากด้วยเหตุจำเป็นหรือเจ็บป่วย การนอนในตอนนี้ยังเป็นอันตรายมากต่อร่างกายทำให้ร่างกายอ่อนแอ ทำให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะต้องเน่าเสียไปทั้งๆ ที่ควรจะถูกย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ด้วยการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวต่างๆ และเกิดอันตรายต่อร่างกายเกิดเป็นโรคและความอ่อนแอ และจะนำไปสู่โรคต่างๆ อื่นๆ เพิ่มขึ้น


         การนอนภายใต้แสงอาทิตย์สามารถทำให้เกิดโรคได้ การนอนที่ให้ร่างกายส่วนหนึ่งโดนแดดและร่างกายส่วนหนึ่งอยู่ในร่มเป็นการนอนที่ไม่ดี มีรายงานจากท่านอบูดาวูดในหนังสือ “สุนัน” จากฮะดิษของท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ กล่าวว่า ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

“ถ้าหากคนหนึ่งคนใดจากพวกท่านนอนกลางแดดและเกิดมีร่มเงาขึ้น

ทำให้ตัวของเขาส่วนหนึ่งถูกแดดเผา และส่วนหนึ่งอยู่ในร่ม ก็จงตื่นขึ้นจากที่นั้นเถิด”

(ระดับดี อบูดาวุด, 4821)

          ในหนังสือ “สุนันอิบนิมาญะฮฺ” และคนอื่นๆ ได้รายงานฮะดิษจากท่านบะรีดะฮฺ บินฮะซีบ ว่า ท่านนบี  ได้ห้ามไม่ให้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในระหว่างกลางของร่มเงาและแดดเผา และนี่คือการเตือนไม่ให้นอนในระหว่างมันเช่นกัน

         ใน “ซอฮีเฮน” จากท่านบะรอฮฺ บินอาซิบ รายงานว่า ท่านนบี  เมื่อท่านจะไปนอนก็ให้อาบน้ำละหมาดก่อน เหมือนกับที่ท่านอาบน้ำละหมาดก่อนละหมาด หลังจากนั้นก็ให้นอนตะแคงขวา และกล่าวว่า

          “โอ้ อัลลอฮฺ แท้จริงฉันขอมอบร่างกายของฉันให้กับพระองค์ ขอผินหน้าไปหาพระองค์ ขอมอบหมายการงานของฉันไว้ที่พระองค์ ขอหลบภัยทั้งปวงไปหาพระองค์ ด้วยความหวังและความกลัวในพระองค์ ไม่มีที่หลบภัยใดๆ ที่จะพ้นไปจากท่าน นอกจากท่านจะเป็นผู้ให้ที่หลบภัยนั้น ฉันขอศรัทธาต่อคัมภีร์ของพระองค์ ที่ได้ประทานลงมา ขอศรัทธาต่อนบีของพระองค์ที่ได้ส่งลงมา” 

     ให้คำกล่าวเหล่านี้เป็นคำกล่าวสุดท้ายของท่าน เพราะถ้าหากท่านได้เสียชีวิตไปในคืนนั้นก็เท่ากับท่านได้เสียชีวิตในสภาพของมุสลิม

(ซอเฮียะฮฺบุคอรี, 6311)

ในหนังสือ “ซอเฮียะฮฺบุคอรี” จากท่านหญิงอาอิชะฮฺได้กล่าวว่า 

"ท่านนบีมุฮัมมัด  นั้น เมื่อท่านได้ละหมาด 2 รอกะอัตตอนรุ่งอรุณแล้ว (หมายถึงละหมาดสุนัต) ท่านก็จะนอนตะแคงขวา" 
 

(ซอเฮียะฮฺบุคอรี, 626)
 

         มีคำกล่าวว่า วิทยปัญญาในการนอนตะแคงขวานั้น เพื่อผู้นอนจะได้ไม่นอนมากเกินไป เนื่องจากหัวใจไม่อยู่ในสภาพธรรมชาติของมัน ทำให้ผู้นอนไม่สามารถนอนได้นาน ไม่เหมือนกับการนอนตะแคงซ้ายที่หัวใจจะอยู่ในที่ของมัน ทำให้ผู้นอนจะนอนเพลินไปและมากเกินไป สิ่งดีๆ ที่จะได้รับจากการตื่นมาทำงานทั้งในทางศาสนาและทางโลกก็จะผ่านเลยไปด้วย



         การนอนนั้นคือ การตายอย่างหนึ่ง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ที่มีชีวิตสถาพร ผู้ไม่ตายและชาวสวรรค์นั้นจะไม่นอน ผู้นอนหลับนั้นต้องการผู้ปกป้องคุ้มครองเขาจากสิ่งที่จะทำให้เกิดอันตรายหรือเสียชีวิต รักษาร่างกายจากหนทางที่จะทำให้เสียหาย และพระผู้เป็นพระเจ้า ผู้สร้างฟ้าและแผ่นดินคือผู้ปกครองและอยู่เหนือสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งมวล 



         ท่านนบี  จึงได้สอนผู้นอนให้กล่าวคำขอมอบหมายและขอลี้ภัยต่างๆ ต่อพระองค์อัลลอฮฺ  ด้วยความหวังและความหวาดกลัว เพื่อจะได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์จากอัลลอฮฺ  เพื่อช่วยคุ้มครองร่างกายและจิตใจของเขา และเขาอาจจะเสียชีวิตในขณะที่นอนก็ได้ ดังนั้นถ้าหากคำสุดท้ายที่เขากล่าวเป็นการแสดงความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ  แล้ว เขาก็จะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน และแนวทางในการนอนนี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อหัวใจและร่างกาย รวมทั้งวิญญาณ ทั้งในการนอนและการตื่นจากนอนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ขอคำสรรเสริญของอัลลอฮฺ และความสันติจงมีแด่ท่านผู้มอบสิ่งดีๆ ให้แก่ประชาชาติของท่านด้วยเถิด


 
 
แนวทางการตื่นนอน



         แนวทางการตื่นนอนของท่านนบี  ท่านจะตื่นเมื่อได้ยินเสียงไก่ขัน จะกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ  และกล่าวตักบีร กล่าว “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” และขอดุอาร์ ถูฟันด้วยไม้ถูฟัน แล้วจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำละหมาด หลังจากนั้นก็ไปละหมาด กล่าวสรรเสริญพระองค์อัลลอฮฺ ตั้งความหวังไว้กับพระองค์ ขอต่อพระองค์ด้วยความหวังและความกลัว วิธีนี้เป็นการรักษาสุขภาพของจิตใจและร่างกายไปพร้อมๆ กัน ฟื้นฟูวิญญาณและพละกำลัง เพื่อให้ได้รับความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

 
 


ที่มา : การแพทย์ตามแนวทางท่าน นบีมุฮัมหมัด  

 

ผู้แปล : นายแพทย์ กษิดิษ ศรีสง่า