นิกาฮ์..ประตูสู่สวรรค์
  จำนวนคนเข้าชม  9277

 

นิกาฮ์..ประตูสู่สวรรค์

 

ยูซุฟ อบูบักรฺ

 

 

          “นิกาฮฺ” คือประตูบานแรกที่คู่บ่าว-สาวต้องก้าวผ่าน เพื่อการดำรงตนบนโลกของคำว่า “คู่ครอง” พวกท่านกำลังร่วมกันรังสรรค์สังคมโดยผ่าน “สถาบันครอบครัว” เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเพียบพร้อมสมบูรณ์ให้ปรากฏขึ้นในชีวิต เพราะหลังจากนี้ยังมีภารกิจอีกมากมายที่ต้องร่วมกันทำ


          แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืม.. “โลกในอุดมคติ – กับโลกแห่งความเป็นจริง” จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชีวิตหลังจากนี้ไม่มี “การเสแสร้ง-แกล้งทำ” ไม่มี “ทดลองดูใจกันไปก่อน-ไม่พอใจแล้วค่อยเปลี่ยน” ไม่มีอีกแล้ว ต่อจากนี้มีแต่เรื่องจริง


          ถึง..เจ้าสาว  ผู้กำลังเปลี่ยนตัวเองไปสู่การเป็น “ภรรยา” และ “แม่” หลังจากนั้น คงไม่มีคำบอกกล่าวอันใดที่จะเหมาะสมไปกว่าคำแนะนำของกัลยาณชนผู้ได้รับความสำเร็จผู้มีนามว่า “อุมามะฮฺ บินติ อัล- ฮาริษ ได้กล่าวแก่ อุมมุอียาส บินติ เอาฟฺ ลูกสาวของนางในค่ำคืนที่เข้าสู่ประตูวิวาห์ ว่า


         “โอ้ลูกรัก.. หากแม่จะละทิ้งคำสั่งเสียต่อผู้ที่มีความเพียบพร้อม แม่ก็จะละทิ้งคำสั่งเสียต่อลูก แต่ทว่ามันคือการเตือนสติแก่ผู้หลงลืม เป็นสิ่งมากระตุ้นสำหรับผู้มีสติปัญญาใคร่ครวญ หากผู้หญิงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสามี เพราะความร่ำรวยของบุพการีแล้วไซร้ ลูกย่อมเป็นผู้หญิงที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสามีมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ทว่า..อิสตรีได้ถูกสร้างมาเพื่อบุรุษเพศ และบุรุษเพศก็ได้ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่ออิสตรีเช่นเดียวกัน


          โอ้ลูกรัก.. ลูกจำต้องพรากจากบรรยากาศที่คุ้นชิน ต้องแยกจากชายคาที่ลูกเคยเติบโตมา ออกไปสู่สถานที่ใหม่ที่ลูกไม่เคยรู้จักมักคุ้น ไปสู่คู่ชีวิตที่ไม่เคยสนิทสนม ดังนั้นลูกจงวางตัวให้เป็นสมบัติอันเลอค่าของเขา และเขาก็จะเป็นสมบัติอันล้ำค่าของลูก และจงทำตัวเป็นดั่งทาสผู้คอยปรนนิบัติรับใช้เขา แล้วเขาก็จะเป็นดั่งทาสให้กับลูก


ลูกรัก..จงรักษาคำแนะนำ 10 ประการต่อไปนี้  ขอให้เป็นข้อเตือนอนุสติ เป็นดั่งเสบียง และเป็นข้อคิดอันทรงคุณค่า


♥ หนึ่ง..จงดำรงตนอยู่บนความพอเพียงและพึงพอใจในสิ่งที่มี แท้จริงความพอเพียงและการสำรวมตนจะทำให้จิตใจมีความสงบนิ่ง


♥ สอง..เชื่อฟังและปฏิบัติตามในสิ่งดีงาม เพราะการเชื่อฟังและปฏิบัติตามเขา จะทำให้อัลลอฮฺทรงพอพระทัย


♥ สาม..จงทำตัวให้มีกลิ่นหอมอยู่เสมอ ใส่ใจในบริเวณที่เขาได้สัมผัสกลิ่นไอ อย่าให้เขาได้รับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อันใดจากลูก จงให้เขาได้สัมผัสเฉพาะกลิ่นหอมหวนเท่านั้น


♥ สี่..จงดูแลร่างกายให้สวยงาม ใส่ใจในบริเวณที่เขามอง อย่าให้เขาได้เห็นสิ่งที่น่ารังเกียจจากตัวลูก จงให้เขาเห็นในสภาพที่สวยงาม รื่นรมย์ตาอยู่เสมอ


♥ ห้า..จงดูแลเรื่องอาหารการกินของเขาให้ตรงเวลา แท้จริงความหิวโหยเป็นต้นเหตุของความโมโหกริ้วโกรธ


♥ หก..จงดูแลเอาใจใส่เวลานอนพักผ่อนของเขาให้เงียบสงบ แท้จริงการนอนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุของความโกรธเคืองและหงุดหงิด


♥ เจ็ด..จงเอาใจใส่ต่อบรรดาเครือญาติและลูกๆ ของเขา ดูแลจัดการเรื่องราวของลูกๆ และพยายามติดต่อปฏิสัมพันธ์กับเครือญาติของเขา แท้จริงการดูแลเอาใจใส่ลูกๆ และสนใจต่อเครือญาติ นับว่าเป็นการบริหารจัดการที่ดีเลิศ


♥ แปด..จงดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของเขา ใช้จ่ายไปในหนทางที่เหมาะสม ไม่สุรุ่ยสุร่าย เพราะการดูแลทรัพย์สมบัติของเขา เป็นการให้เกียรติต่อเขา


♥ เก้า..จงอย่าเปิดเผยความลับของเขา ถ้าหากว่าลูกเปิดเผยความลับของเขาเป็นการไม่ซื่อสัตย์ และเขาก้ออาจจะละเมิดและหักหลังต่อลูกบ้าง


♥ สิบ..จงอย่าขัดขืนต่อคำสั่งของเขา เพราะเมื่อใดที่ลูกขัดขืนเขาจะทำให้หัวใจของเขาร้อนรุ่มเป็นฟืนไฟได้


          โอ้ลูกรัก..พึงระวัง อย่าแสดงความรู้สึกมีความสุข เปรมปรีด์ ในขณะที่เขามีความทุกข์ระทม เพราะถือว่าเป็นความบกพร่อง และพึงระวัง อย่าแสดงความรู้สึกมึนตึง หม่นหมอง ในขณะที่เขามีความสนุกสนาน ร่าเริง เพราะจะเป็นสาเหตุทำให้เขาขุ่นเคืองรำคาญใจได้



 

         ถึง..เจ้าบ่าว  ผู้ที่ต้องมีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นในนามของ “สามี” และ “คุณพ่อ” หลังจากนั้น  ผู้กำลังจะจูงมือ “เจ้าสาว” ผู้หญิงแปลกหน้า ก้าวเดินไปบนเส้นทางอันโหดร้าย เพื่อก้าวไปสู่..สวนสวรรค์ชั้นบรมสุขของอัลลอฮฺในโลกอันจีรังและไม่มีวันบุบสลายอีกแล้ว


          หากจะถามถึงศาสตร์เกี่ยวกับ “บทบาทของผู้นำครอบครัว” ขอบอกเลยว่าไม่มีสูตรตายตัว แต่..พอจะบอกตรงนี้ได้บ้างว่า  คุณอาจจะเป็นวีรบุรุษ เป็นผู้นำของนักรบทั้งกองทัพ แต่..เมื่อคุณกลับคืนสู่บ้านเรือนคุณจะต้องสำนึกว่า คุณคือพ่อของบรรดาลูกๆ มีภรรยาอยู่ภายใต้การดูแลคุ้มครอง ต้องหยั่งรู้ให้ได้ว่าพวกเขาปรารถนาต่อสิ่งใด คุณจะต้องให้ความอบอุ่นกับพวกเขาประดุจแสงตะวันในยามเช้า เป็นร่มเงาในยามบ่าย โอนอ่อนผ่อนปรนดุจดั่งต้นอ้อที่น้อมตามสายลม แน่นหนักปักตรึงดุจดั่งภูผาที่ไม่หวั่นไหวสั่นคลอน


         มีเรื่องเล่าฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ ชายคนหนึ่งพูดกับท่านชัยค์ว่า.. “ผู้หญิงเปรียบเสมือนรองเท้า ลองใส่ไปเรื่อยๆ ไม่ถูกใจก็เปลี่ยน”

 

          ท่านชัยค์ตอบว่า..หากท่านเปรียบตัวเองเป็น “เท้า” ผู้หญิงก้อถือว่าเป็น “รองเท้า” ได้ แต่หากท่านเปรียบตัวเองเป็น “ศรีษะ” ผู้หญิงก้อจะเป็นดั่ง “มงกุฎ” ดังนั้นจะเป็น “รองเท้า” หรือ “มงกุฎ” ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะนิยามอย่างไร??

 


          และสุดท้าย..ขอให้คู่บ่าว-สาวทั้งสองก้าวไปข้างหน้าอย่างท้าทาย มุ่งมั่น อาจจะพบความขรุขระของพื้นผิวถนนอยู่บ้าง หรือรายละเอียดที่อยู่รายทางอาจเปลี่ยนไป แต่..ขอให้ “เป้าหมาย” ชัดเจน.. มั่นคง..ตลอดเส้นทาง