ความเหลื่อมล้ำของบรรดาศอฮาบะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  3958

 

ความเหลื่อมล้ำของบรรดาศอฮาบะฮ์

 

เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

 

         เป็นที่ทราบดีว่า รอซูลทุกท่านที่อัลลอฮฺได้ส่งมานั้น มาทำหน้าที่เดียวกัน คือ เรียกร้องมวลมนุษยชาติมาสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว แน่นอนรอซูลแต่ละยุคได้รับสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีความสามารถที่จะกระทำได้ สิ่งนั้นเรียกว่า มัวะยิซาต(ปาฏิหาริย์) ซึ่งปฏิหาริย์ คือสิ่งที่มาสนับสนุนการเป็นรอซูล 
 

     ♦ ปฏิหาริย์ของนบีมูซา คือ สามารถทำไม้เท้าให้กลายเป็น งูตัวใหญ่ และมากินงูที่บรรดานักมายากลที่ฟิรฮูนได้มีคำสั่งนำมาแสดงต่อหน้าผู้คน 
 

     ♦ ปฏิหาริย์ของนบีอีซา อะลัยอิสสลาม คือ สามารถรักษาคนที่เป็นง่อยเป็นโรคเรื้อน และสามารถทำคนที่ตายไปให้ฟื้นขึ้นมาได้ 
 

     ♦ ส่วนปฏิหาริย์ของท่านนบี มูฮัมหมัด คือ อัลกุรอานที่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ทั้งที่ท่านนบีมูฮัมหมัด  เป็นผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่เป็น แต่ท่านได้นำอัลกุรอานที่มีความลึกซึ้งมีความหมายที่กินใจที่ชาวอาหรับไม่เคยได้ยินมาก่อน 

 

         อัลกุรอาน คือ คำพูดของอัลลอฮฺที่ได้ถูกประทานมาให้กับท่านนบีมูฮัมหมัด  และการอ่านเป็นอิบาดะห์ และอัลกุรอานยังเป็นสิ่งที่ท้าทายชาวอาหรับที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอาหรับ ก็ต้องยอมรับก็ความลึกซึ้งสวยงามของอัลกุรอาน และอัลกุรอานที่ท่านนบีมูฮัมหมัด  โดยอัลลอฮฺได้ประทานให้ญิบรีลนำมาให้ท่าน และยังท้าทายชาวอาหรับให้นำมาสักอายะห์หนึ่งให้ได้เยี่ยงเดียวกับอัลกุรอาน แต่อาหรับก็ไร้ความสามารถที่จะกระทำได้

 

         การเผยแผ่ศาสนาของท่านนบี  ส่วนหนึ่งที่ทำให้การเผยแผ่อิสลามได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วก็เนื่องจากมีคนกลุ่มหนึ่งที่มาสนับสนุนท่าน เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านในการเผยแผ่ การออกสงคราม เสียสละทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อพยพ ละทิ้งบ้านเรือนเพื่อรักษาอิสลามไว้ จนกระทั่งอิสลามได้กระจัดกระจายออกไปอย่างกว้างขวาง และร่วมทำสงครามจากศรัตรูผู้รุกรานต่อประชาชาติอิสลาม ดังนั้นความดีของบรรดาศอหาบะห์ของท่านนบี ได้ถูกกล่าวไว้อย่างมากมายไม่ว่าในคัมภีร์อัลกุรอาน หรือ อัซซุนนะห์
 

จากอัลกุรอาน

 
ضُوا رَّضِيَ اللَّهُ عَنْهُمْ وَرَعُوهُم بِإِحْسَانٍ وَالسَّابِقُونَ الْأَوَّلُونَ مِنَ الْمُهَاجِرِينَ وَالْأَنصَارِ وَالَّذِينَ اتَّبَقال الله تعالى : الْعَظِيمُ عَنْهُ وَأَعَدَّ لَهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي تَحْتَهَا الْأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا ذَٰلِكَ الْفَوْزُ   ( 100 )
 

อัลลอฮฺตรัสไว้ว่า

        "บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ(ชาวมุฮาญิรีนจากมักกะฮ์) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ(ชาวอันศัอรจากมะดีนะฮ์) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่างพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลนั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง"
 

สูเราะห์ อัตเตาบะห์ อายะห์ 100

       ซึ่งอายะห์ข้างต้นเป็นสิ่งที่มายืนยันถึงความพอพระทัยของอัลลอฮฺที่มีต่อเหล่าศอหาบะห์ และบรรดาผู้ที่ได้เจริญตามแนวทางของพวกเขาไปจนถึงวันกิยามะห์ เพราะหลังจากการจากไปของท่านนบี  บรรดาศอหาบะห์ของท่านคือผู้รับหน้าที่สานต่อ ซึงการเผยแผ่อิสลาม และการกระจัดกระจายของเหล่าศอหาบะห์ที่ออกไปเผยแผ่ศาสนา และออกไปสู้รบร่วมกับกองทัพอิสลามพวกเขาได้นำคำว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ และต้องเสียชีวิตไปในการประกาศทั่วทุกมุมโลก และพวกเขาบางท่านต้องจากลูกเมียไปทำสงครามและเสียชีวิตในหนทางของอัลลฮฺ พวกเขาเสียสละได้ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ขอเพียงรักษาอิสลามให้คงเหลือไว้แก่ชนรุ่นหลัง  และความดีของเหล่าศอหาบะห์ที่มีอยู่ในอัซซุนนะห์



جاء في الصحيحين عن أبي سعيد الخدري رضي الله عنه قال: كان بين خالد بن الوليد، وبين عبد الرحمن بن عوف شيء، فسبه خالدٌ، فقال رسول الله صَلَّى الله عليه وسلم" :لا تسبوا أحدًا من أصحابي، فإن أحدَكم لو أنفق مثَل أحدٍ ذهبًا ما أدرك مُدَّ أحدِهم ولا نَصِيفَهُ

       ได้มีรายงานในหนังสือซอเอียะบุคอรีย์และมุสลิม มีรายงานจากอาบะสะอีด อัลคุดรีย์ รอฎิยัลลอฮูอันฮูได้กล่าวว่า เคยมีเรื่องขัดแย้งกันระหว่างท่านอับดุรเราะห์หมาน บิน เฮาฟฺ รอฎิยัลลอฮูอันฮูและท่านคอลิด อิบนุลวาลีด รอฎิยัลลอฮูอันฮู แล้วท่านคอลิดได้ว่าท่านอับดุรเราะหมาน เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺ  ทราบจึงได้กล่าวว่า 

        "พวกท่านอย่าได้ด่าคนหนึ่งคนใดจากบรรดาศอหาบะห์ของฉัน เพราะว่าหากคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าหากเขาได้บริจาคทองทำภูเขาหูฮุด ก็ไม่สามารถเทียบเท่าหนึ่งกำมือของคนหนึ่งจากพวกเขา และไม่เท่าครึ่งหนึ่งของกำมือ"


       สาเหตุที่ท่านนบี  ได้กล่าวหะดีษนี้ เนื่องคอลิด อิบนุลวาลีด ได้มีความขัดแย้งกับท่านอับดุรเราะหมาน ในชนเผ่าตระกูล ยุวัยมฺ โดยที่คอลิดได้ถูกส่งให้ไปเผยแพร่อิสลามหลังจากพิชิตมักกะห์ ท่านคอลิดได้เรียกร้องให้เข้ารับอิสลาม แต่พวกเขากล่าวคำว่า 

" ซอบะฮฺนา(ความว่า เราได้เปลี่ยนศาสนาแล้ว) เขาไม่ยอมกล่าวคำว่า อัสลัมนา(เราได้รับอิสลามแล้ว) "

        คอลิดจึงได้มีคำสั่งให้ฆ่าพวกเขาและมีผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย ท่านอับดุรเราะหมานไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคอลิด จนกระทั่งคอลิดได้ตำหนิอับดุรเราะหมานให้ออกไป เมื่อท่านนบี  ได้ยินท่านจึงตักเตือน คอลิด อิบนุลวาลีดว่า "อย่าได้ด่าศอหาบะห์ของฉัน" แต่จากหะดีษนี้ไม่หมายความว่า คอลิด อิบนุลวาลีด รอฎิยัลลอฮูอันฮู ไม่ใช่ศอหาบะห์เหมือนที่พวกอัรรอฟิเฎาะห์ได้อธิบายหะดีษนี้ อัรรอฟิเฎาะได้ยึดหะดีษนี้มาเป็นหลักฐานว่า ท่านคอลิด อิบนุลวาลีดไม่ใช่ ศอหาบะห์ของท่านนบี

        จุดประสงค์ของหะดีษนี้ ท่านนบี  ต้องการปรามท่านคอลิด อิบนุลวาลีด ไม่ให้ว่ากล่าวท่านอับดุรเราะห์หมาน บิน เอาฟ์ เพราะท่านอับดุรเราะหมานเป็นบุคคลที่รับอิสลามในยุคแรกๆ และท่านนบี  ยังได้บอกให้ท่านคอลิดทราบว่า หากจะเทียบความดีของท่านคอลิด รอฎิยัลลอฮูอันฮู กับความดีของท่านอับดุรเราะหมาน บิน เอาฟฺรอฎิยัลลอฮูอันฮู หากท่านคอลิดบริจาคทองเท่าภูเขาหูฮุด ก็ไม่สามารถจะเทียบความดีที่ท่านอับดุรเราะมาน บริจาคแค่หนึ่งกำมือ หรือ ครึ่งกำมือ เพราะความดีของบุคคลที่รับอิสลามช่วงแรกๆ กับบุคคลที่รับอิสลามในยุคหลังๆนั้นมีความดีที่แตกต่างกันออกไป ส่วนท่านคอลิดท่านรับอิสลามในปีที่แปดของการอพยพ ก่อนการพิชิตมักกะห์แค่หกเดือน 

        ถึงแม้ว่าความประเสริฐที่เหลื่อมล้ำในบรรดาศอหาบะห์ ก็ไม่ได้หมายความว่า ความประเสริฐของศอหาบะห์แต่ละท่านจะบกพร่องไป แต่ละคนมีความประเสริฐที่แตกต่างออกไป และศอหาบะห์แต่ละคนเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ สายรายงานของศอหาบะห์ทุกคนเป็นสายรายงานที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นการรู้ถึงสิทธิที่เราพึงมีต่อศอหาบะห์ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ และการรักต่อบรรดาศอหาบะห์นั้นถือว่าเป็นเรื่องศาสนา เป็นหนึ่งในหลักความเชื่อของอะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะห์ 

        ปัจจุบันมีกลุ่มคนที่พาดพิงมาหาอิสลาม และพวกเขาก็อ้างว่าเขาก็อยู่ในแนวทางของอิสลาม แต่ในความเป็นจริงคนเหล่านี้คือ พวกที่บิดเบือนทำลายอิสลาม หนึ่งในวิธีการทำลายอิสลามของพวกเขาคือ การสร้างภาพที่ไม่ดีให้แก่ศอหาบะห์ และพยายามลดความน่าเชื่อถือของศอหาบะห์ และพยายามทำให้การรายงานหะดีษของเหล่าศอหาบะห์เป็นโมฆะ สร้างความคลุมเครือให้กับชีวประวัติของศอหาบะห์ จนกระทั่งทำให้ผู้คนสงสัยคลางแคลงในความน่าเชื่อถือของเหล่าศอหาบะห์ การปกป้องเกียรติอันบริสุทธ์ของเหล่าศอหาบะห์คือการปกป้องอิสลาม การรักเหล่าศอหาบะห์เป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา และเป็นศาสนา

       ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของบรรดาผู้รู้นักเผยแผ่จะต้องนำเสนอชีวประวัติของเหล่าศอหาบะห์ และชี้แจงข้อคลุมเครือที่พวกเขาใส่ร้ายและด่าทอ

ขออัลลอฮได้ทรงโปรดพอพระทัยต่อเหล่าศอหาบะห์ทั้งหมดด้วยเถิด...อามีน