องค์ประกอบของความสุข 4. กฏหมายของอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  4142

 

องค์ประกอบของความสุข 4. กฏหมายของอัลลอฮ์

 

อ.อับดุลบารีย์  นาปาเลน

        องค์ประกอบข้อที่สี่ การใช้กฏหมายอิสลามในการปกครอง เพราะไม่มีกฏใดๆที่จะยุติธรรม สวยงาม และสมบูรณ์ไปกว่ากฏหมายของอัลลอฮฺ

       "และเจ้า จงตัดสินระหว่างพวกเขา ด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา และจงระวังพวกเขา ในการที่พวกเขาจะจูงใจเจ้าให้เขวออกจากบางสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาแก่เจ้า  แล้วถ้าหากพวกเขาผินหลังให้(ด้วยกับการไม่ยอมรับกฏของอัลลอฮฺ) ก็พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเพียงประสงค์จะให้ประสบแก่พวกเขาซึ่งบางส่วนแห่งโทษของพวกเขา เท่านั้น และแท้จริง จำนวนมากมายในหมู่มนุษย์นั้นเป็นผู้ละเมิด"

“ข้อตัดสิน(หรือกฏเกณฑ์)สมัยญาฮิลีญะฮ์ กระนั้นหรือ ที่พวกเขาปรารถนา และใครเล่าที่จะมีข้อตัดสินดียิ่งกว่าอัลลอฮฺสำหรับกลุ่มชนที่เชื่อมั่น”

(อัลมาอีดะหฺ / ๔๙-๕๐)

และก่อนหน้านี้พระองค์ตรัสว่า

       “และเราได้ให้คัมภีร์นี้ลงมาแก่เจ้า(อัลกุรอาน) ด้วยความจริง ในฐานะเป็นที่ยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้ามันและเป็นที่ควบคุมคัมภีร์(เบื้องหน้า) นั้น ดังนั้นเจ้าจงตัดสินสินระหว่างพวกเขา ด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา โดยเขวออกจากความจริงที่ได้มายังเจ้า...” 

(อัลมาอิดะหฺ / ๔๘)

       ด้วยกฏหมายอิสลามเป็นบทที่มาคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิตและสังคม และเป็นกฏหมายที่ยุติธรรม และเด็ดขาด พร้อมมีโทษหนักสำหรับผู้ที่ทำผิด  ด้วยกับการประหารฆาตกรและตัดมือผู้ลักโขมย ในสังคมจึงไม่มีใครกล้าที่จะขโมยและทำร้ายผู้อื่น 

       “ และขโมยชายและขโมยหญิงนั้นจงตัดมือของเขา ทั้งสองคน ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ทั้งสองนั้นได้แสวงหาไว้ (และ) เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างการลงโทษจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพ ทรงปรีชาญาณ “ 

(อัลมาอีดะหฺ / ๓๘)

          “และเราได้บัญญัติแก่พวกเขาไว้ในคัมภีร์นั้นว่า (หากใครทำร้ายผู้อื่น)ชีวิตด้วยชีวิต และตาด้วยตา และจมูกด้วยจมูก และหูด้วยหู และฟันด้วยฟัน และบรรดาบาดแผลก็ให้มีการชดเชยเยี่ยงเดียวกัน และผู้ใดให้การชดเชยนั้นเป็นทาน(เรียกเป็นค่าปรับแทน) มันก็เป็นสิ่งลบล้างบาปของเขา และผู้ใดมิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาแล้ว ชนเหล่านี้แหละคือผู้อธรรม” 

(อัลมาอิดะหฺ / ๔๕)

และพระองค์ตรัสว่า

“ และในการประหารฆาตกรให้ตายตามนั้น คือการธำรงไว้ซึ่งชีวิตสำหรับพวกเจ้า โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย! เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง”

 (อัลบากอเราะหฺ /๑๗๙)

        หมายถึง การใช้กฏหมายของอัลลอฮฺ คือการรักษาชีวิตทั้งหลายให้มีการดำรงอยู่ต่อไป  และการเข่นฆ่าได้ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาบาปใหญ่ทั้งหลาย

       “ และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือ นรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงละนัตเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง “

 (อันนิซาอฺ / ๘๓)

        ตรงข้ามกับในบ้านเมืองที่ไม่ได้ใช้กฏหมายอิสลาม จะเต็มไปด้วยอาชญากรรม ลักขโมย และการเข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผู้คนในเมืองต่างอยู่อาศัยด้วยความหวาดระแวง

ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

        “ และหากผู้นำของพวกเขาไม่ได้ปกครองตามกีตาบุลลอฮฺ(อัลกุรอาน) และยังเลือกใช้บางกฏหมายที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมา  นอกจากอัลลอฮฺจะให้พวกเขามีความขัดแย้งกันเองระหว่างพวกเขา “

 (รายงานโดย อิบนูมาญะหฺ / ๔๐๑๙)

ในอิสลามได้มาห้ามในทุกๆอย่างที่เป็นสิ่งสกปรก สิ่งที่อันตราย และรวมไปถึงสิ่งสกปรกในความเชื่อ

        “ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! แท้จริง สุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ และการเสี่ยงติ้ว นั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของชัยฏอน ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสียเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ (๙๐) ที่จริงชัยฏอนนั้นเพียงต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันระหว่างพวกเจ้าในสุราและการพนัน เท่านั้น และมันจะทำให้พวกเจ้าหันเหออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ และการละหมาด แล้วพวกเจ้าจะยุติใหม่  “ 

( อัลมาอีดะหฺ / ๙๐-๙๑)

กฏหมายอิสลามรักษาซึ่งเกียรติยศและวงค์ตระกูล จึงมีการวางกฏเกณฑ์ในการห้ามที่จะทำสิ่งที่ลามกหรือการผิดประเวณี

“ และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า “

 (อัลอิสรออฺ / ๓๒)

       "หญิงมีชู้และชายมีชู้ พวกเจ้าจงโบยแต่ละคนในสองคนนั้นคนละหนึ่งร้อยที และอย่าให้ความสงสารยับยั้งการกระทำของพวกเจ้า(การลงโทษ)ต่อคนทั้งสองนั้น ในบัญญัติของอัลลอฮฺเป็นอันขาด หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และจงให้กลุ่มหนึ่งของบรรดาผู้ศรัทธาเป็นพยานในการลงโทษเขาทั้งสอง”

 ( อันนูร / ๒)

และได้วางบทลงโทษในเรื่องของการใส่ร้ายป้ายสีแก่บรรดาหญิงที่บริสุทธิ์

       “และบรรดาผู้กล่าวโทษ(ใส่ร้าย)แก่บรรดาหญิงที่บริสุทธิ์ แล้วพวกเขามิได้นำพยานสี่คนมา พวกเจ้าจงโบยพวกเขาแปดสิบที และพวกเจ้าอย่ารับการเป็นพยานของพวกเขาอีกเป็นอันขาด ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน”

 (อันนูร / ๔)

        บรรดาผู้ที่อธรรม หากพวกเขาสามารถหนีพ้นจากการลงโทษในโลกนี้ไปได้ พวกเขาไม่สามารถหนีได้จากการลงโทษอย่างหลายเท่าในโลกหน้า

        “แท้จริงการตอบแทนแก่บรรดาผู้ที่ทำสงครามต่ออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ และพยายามบ่อนทำลายในแผ่นดิน นั้นก็คือ การที่พวกเขาจะถูกฆ่า หรือถูกตรึงบนไม้กางเขน หรือมือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะถูกตัดสลับข้าง หรือถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน นั้นก็คือพวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวงในปรโลก”

(อัลมาอิดะหฺ / ๓๓)

และหน้าที่สำคัญของผู้นำต้องให้ความยุติธรรมต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง

        “และเมื่อพวกเจ้าตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮฺทรงแนะนำพวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและมองเห็น”

 (อันนิซาอฺ/ ๕๘)

        “และหากมีสองฝ่ายจากบรรดาผู้ศรัทธาทะเลาะวิวาทกัน พวกเจ้าก็จงไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งในสองฝ่ายนั้นละเมิดอีกฝ่ายหนึ่ง พวกเจ้าก็ต่อสู้กับฝ่ายที่ละเมิดจนกว่าฝ่ายนั้นจะกลับสู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ(จนกระทั้งฝ่ายนั้นจะยอมรับกฏของอัลลอฮ) ฉะนั้นหากฝ่ายนั้นกลับ (สู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ) แล้ว พวกเจ้าก็จงประนีประนอมระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วยความยุติธรรม และพวกเจ้าจงให้ความเที่ยงธรรม(แก่ทั้งสองฝ่าย) เถิด แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักใคร่บรรดาผู้ให้ความเที่ยงธรรม” 

(อัลมูญาดะละหฺ / ๙)

สำหรับผู้นำต้องรำลึกอยู่เสมอ ในคำพูดของอัลลอฮฺที่ว่า 

       “โอ้ดาวู๊ดเอ๋ย ! เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นตัวแทนในแผ่นดินนี้ ดังนั้น เจ้าจงตัดสิน(คดีต่าง ๆ)ระหว่างมนุษย์ด้วยความยุติธรรม และอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ มันจะทำให้เจ้าหลงไปจากทางของอัลลอฮฺ แท้จริงบรรดาผู้ที่หลงไปจากทางของอัลลอฮฺนั้น สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส เนื่องด้วยพวกเขาลืมวันแห่งการชำระบัญชี” 

(ศอด / ๒๖)

และคำพูดของท่านนบี  ที่ว่า 

        “ ไม่มีบ่าวคนใด ที่พระองค์อัลลอฮฺได้ให้เขาเป็นผู้นำดูแลผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา(ราษฎรของเขา) แล้วเขาเสียชีวิตไป ในวันที่เสียชีวิตนั้นเขายังอยู่ในสภาพที่หลอกลวง(คดโกง)ราษฎรของเขา นอกจากอัลลอฮฺจะทรงห้ามเขาเข้าสวรรค์"

(รายงานโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)

       และต้องตรวจสอบดูแล การเป็นอยู่ของผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองให้ดี และช่วยเหลือผู้ที่ลำบากจากพวกเขา รับฟังคำร้องทุกข์จากพวกเขา

       จากอาบีมัรยัม อัลอุซดี้(รอดียัลลอฮูอันฮู) กล่าวว่า เขาได้กล่าวต่อมูอาวียะหฺ(รอดียัลลอฮูอันฮู)ว่า ฉันได้ยินท่านนบี  กล่าวว่า

       “ ผู้ใด ที่อัลลอฮฺได้ให้เขาเป็นผู้นำ ดูแลการงานของบรรดามุสลิม และเขาก็ได้ปิดกั้น(ไม่ช่วยเหลือ)จากความยากลำบาก และจากการร้องทุกข์ และความขัดสนของพวกเขา พระองค์ก็จะปิดกั้นระหว่างความยากลำบาก จากการร้องทุกข์ และความขัดสนของเขาในวันกียามะหฺ” 

แล้วมูอาวียะหฺจึงได้มอบหมายให้คนหนึ่งคอยช่วยเหลือผู้ร้องทุกข์” 

(รายงานโดยอาบูดาวูด และอัตติรมีซีย์ )

        ดังนั้น หน้าที่เเละความรับผิดชอบของผู้นำนั้นมากมาย เเละยิ่งใหญ่ เเละต้องถูกสอบสวนในสิ่งที่อยู่ภายใต้การดูเเลของเขา และผู้นำที่มีความยุติธรรม พวกเขาจะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาลในโลกหน้า ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

       "ชาวสวรรค์จะมีสามกลุ่มนี้อยู่ คือ ผู้ทีมีอำนาจ(ผู้นำ)ที่มีความยุติธรรมและเป็นผู้ที่ชอบบริจาค และผู้ชายที่ชอบเมตตา ผู้มีจิตใจอ่อนโยนแก่ทุกคนที่ใกล้ชิดเขาและกับมุสลิมทุกคน และผู้ที่ขัดสนที่ไม่ชอบขอ ทั้งที่มีคนในครอบครัวหลายคน “ 

(รายงานโดยมุสลิม / ๒๘๖๕)

และจะได้อยู่ภายใต้ร่มเงาบัลลังก์ของอัลลอฮฺ ในวันกียามะหฺ

        จากอบีฮุรอยเราะฮ์ (รอดียัลลอฮูอันฮู)  จากท่านนบี  กล่าวว่า

คนเจ็ดประเภทด้วยกันที่อัลลอฮฺให้อยู่ในร่มเงาของพระองค์ในวันที่ไม่มีร่มเงาใด ๆ นอกจากร่มเงาของพระองค์" 

(คนที่หนึ่งคือ)  ผู้นำที่มีความยุติธรรม 

(คนที่สองคือ)  คนหนุ่มที่เติบโตด้วยกับการภัคดีต่ออัลลอฮฺ 

(คนที่สามคือ)  คนที่มีหัวใจผูกพันอยู่กับมัสยิด 

(คนที่สี่คือ)  คนสองคนที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ อยู่ด้วยกันก็เพื่ออัลลอฮฺ จากกันก็เพื่ออัลลอฮฺ 

(คนที่ห้าคือ)  ผู้ชายที่มีหญิงสวยและมีเกียรติมาเรียกเขา(ให้ทำการผิดประเวณี) แล้วเขาก็กล่าวว่า “แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮฺ” 

(คนที่หกคือ)  คนที่บริจาคด้วยสิ่งหนึ่ง โดยที่ไม่เปิดเผย โดยบริจาคด้วยมือขวา แต่มือซ้ายไม่รู้ (ด้วยความบริสุทธิ์ใจ)

( คนที่เจ็ดคือ)  คนที่ระลึกถึงอัลลอฮฺอย่างโดดเดี่ยวจนน้ำตาไหล(ด้วยกับความกลัว) “
 

(รายงานโดยมุสลิม / ๑๐๓๑)