6.นักเผยแพร่จะต้องไม่สิ้นหวังในความเมตตาของอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  3706

 

ศิลปะที่สำคัญของวิธีการดะอฺวะฮฺ  30 ประการ


 

เขียนโดย : อาอิฏบินอับดิลลาฮฺอัลก็อรนีย์

แปลและเรียบเรียงโดย : อาจารย์ อับดุลฆอนี บุญมาเลิศ



ศิลปะที่สำคัญของวิธีการดะอฺวะฮฺ ประการที่ 6

 

 

6.นักเผยแพร่จะต้องไม่สิ้นหวังในความเมตตาของอัลลอฮ์ 

        จำเป็นอย่างยิ่งนักเผยแพร่(นักดะอฺวะฮฺ)จะต้องระงับสติอารมณ์อดกลั้นให้มาก ในขณะที่ต้องเผชิญกับปัญหา ตัวอย่างเช่น การก่อกวนของวัยรุ่น ต้องพิจารณาว่าเขานั้นกระทำผิดหรือฝ่าฝืนอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ เช่นในยุคของท่านรอซูล  มีคนดื่มเหล้าแล้วถูกนำตัวมายังท่าน ซึ่งเขาก็เป็นบรรดาในสาวก ซึ่งเขาถูกนำตัวมามากกว่า 50 ครั้ง มีรายงานในฮาดิษศอเฮียะหฺ เมื่อเขาถูกนำมาเพื่อจะทำการลงโทษ มีศ่อฮาบะฮฺบางท่านได้พูดว่า “อัลลอฮฺ  ทรงทำให้เขาขายหน้าแล้ว เขาถูกจับมาบ่อยครั้งเหลือเกิน” เมื่อท่านนบี  ได้ยินก็โกรธและพูดกับเขาว่า

 
         “อย่าพูดเช่นนั้นเลย อย่าสนับสนุนให้ชัยฏอนให้มาที่เขา ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ผู้ที่ทรงให้ชีวิตฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ฉันไม่รู้เรื่องอื่นใด นอกจากรู้ว่า เขารักอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์อยู่”
 

(บันทึกโดยบุคอรีย์)

         ไม่มีความสุขุมเยือกเย็นไหนจะประเสริฐกว่านี้แล้ว ไม่มีข้อแนะนำหรือคำสอนใดๆที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว!! ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องย้ำอยู่เสมอว่า จงอย่าสิ้งหวังในหมู่ชนไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในการฝ่าฝืนหรือดื้อดึง ทำความผิดต่อเนื่องกัน พึงระลึกเสมอว่าพวกเขาคือความหวังขอประชาชาตินี้ และไม่วันใดก็วันหนึ่งประตูแห่งการเตาบะฮฺ จะต้องถูกเปิดให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน แล้วจะได้พบได้เห็นว่า พวกเขามีความจริงใจ เชื่อฟัง บริสุทธิ์ใจ ทำตาม และกลับเนื้อกลับตัว

          สมควรอย่างยิ่งที่นักดะอฺวะฮฺ จะต้องไม่สิ้นหวังในการตอบรับของผู้คน เขาจะต้องอดทนหนักแน่นและขอดุอาฮฺต่ออัลลอฮฺ  เสมอ ในเวลาที่เขาสุญูด เขาจะต้องไม่เร่งด่วนให้พระองค์ทรงนำทางสว่างให้แก่เขา เพราะท่านรอซูล  ของเรานั้นได้อดทนอยู่มักกะฮฺเป็นเวลาถึง 13 ปี เพื่อทำการเชิญชวนผู้คนไปสู่ถ้อยคำที่สูงสุดของการศรัทธาที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ” ท่านมิได้ย่อท้อหรือท้อถอยและหมดหวังแต่ประการใด ทั้งๆที่มีภัยอันตรายอย่างมากมาย มีการด่าทอ มีการประณามหยามเหยียดท่านอย่างมากมาย

         พึงทราบไว้เถิดว่า ความลำบากที่เกิดขึ้นกับท่านนบี  นั้น ไม่มีความยากลำบากอันใดอีกแล้วที่มาเทียบเท่ากับความยากลำบากที่เกิดขึ้นกับท่านนบี  แม้กระนั้นก็ตามท่านก็ยังอดทนอดกลั้นทั้งหมด ไม่แสดงอารมณ์โกรธฉุนเฉียว  จนกระทั่งมลาอิกะฮฺที่ดูแลขุนเขาต่างๆได้มาหาท่าน และกล่าวว่า

 

           “โอ้มูฮัมหมัด แม้จริงอัลลอฮฺทรงได้ยินคำพูดของพวกพ้องของท่านเกี่ยวกับท่านแล้ว ข้านี้คือมลาอิกะฮฺที่ดูแลขุนเขาทั้งหลายอยู่ ซึ่งที่จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าของท่านได้ทรงส่งข้ามาหาท่าน ให้ท่านสั่งข้ามาตามที่ท่านต้องการได้เลย หากว่าท่านนั้นต้องการให้ข้านี้ เอาขุนเขาทั้งสอง (อัลอัคชะบัยนฺ) ทับลงบนพวกเขาก็ได้เลย"
 

ท่านรอซูล  ได้กล่าวว่า 
 

         “มิใช่เช่นนั้น หากแต่ฉันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อัลลอฮ์ จะทรงได้ให้มีออกมาจากเชื้อสายของพวกเขา เป็นผู้ที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงผู้เดียว โดยไม่ตั้งภาคีใดๆต่อพระองค์”
 

 (บันทึกโดยบุคอรีย์)

          หลังจากนั้นอัลลลอฮฺ  ทรงทำให้เชื้อสายของคนที่เคยปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นเป็นผู้เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ  ได้รับตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพ เช่น ท่านที่สืบเชื้อสายมาจากอัลวะลีด บิน อัลมุฆีเราะฮฺ ได้แก่ ขุนพลคอลีด บิน อัลวาลีด และจากเชื้อสายของอบีญะฮ์ลฺ ได้แก่ อิคริมะฮ์บินญะฮ์ล

          ไม่มีสิ่งใดที่จะงดงามเท่านี้อีกแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ยิ่งไปกว่าการไม่สิ้นหวังของนักดะอฺวะฮฺ  พึงรับทราบเถิดว่า คนที่เคยเป็นผู้ฝ่าฝืนตัวฉกาจ หรือผู้ที่เคยเกเรมาในอดีต ต่อมาบางคนกลับกลายมาเป็นอิมามของมัสยิด เป็นคอฏีบ หรือเป็นครู เป็นต้น

 

มีใครไหม ?  ที่ไม่เคยประพฤติชั่วมาก่อน ! 
 

มีใครไหม ? ที่ดีบริสุทธิ์มาก่อน !  

        นักดะอฺวะฮฺจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮฺ และซุนนะฮ์ จะต้องไม่สิ้นหวังจากการเมตตาของอัลลอฮฺ  เพราะความเมตตาของอัลลอฮ์  พอเพียงและกว้างขวางแก่ทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ พระองค์คือผู้ทรงเมตตากรุณายิ่ง ดังที่ได้ตรัสไว้ในฮาดิษอัลกุดซีย์  ซึ่งอิมมาอะฮฺหมัดและติรมีซีย์ได้รายงานไว้ด้วยกับสายรายงานที่ถูกต้องว่า
 

     “ โอ้ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย แท้จริงเมื่อพวกเจ้าได้วิงวอนขอและมุ่งหวังต่อข้า ข้าก็ได้ให้อภัยแก่เจ้าแล้ว และข้าก็ไม่หวั่นเกรงใดๆ 
 

โอ้ลูกหลานของอาดัม หากบาปของพวกเจ้าเต็มฟากฟ้าแล้ว  เจ้าก็ขออภัยโทษต่อข้า  ข้าอภัยให้เจ้าแล้ว ข้าไม่หวั่นเกรงใดๆ 
 

       โอ้ลูกหลานของอาดัม หากเจ้ามาหาข้าพร้อมกับมีบาปมาเต็มแผ่นดิน และเจ้ามาหาข้าโดยไม่มีบาปของการตั้งภาคีแม้แต่สิ่งเดียว ข้าก็จะให้อภัยโทษแก่เจ้าทั้งหมด”

          นักดะอฺวะฮฺนั้น จะต้องไม่ท้อแท้สิ้นหวังในผู้ที่เขาต้องเชิญชวน อันเนื่องจาก การฝ่าฝืนบางอย่าง แต่จะต้องอยู่ร่วมกับพวกเขา ทั้งผู้สูงอายุหรือวัยรุ่น ทั้งที่ดีหรือไม่ดี ทั้งที่เชื่อฟังหรือดื้อรั้น ฉะนั้นจงนึกถึงให้มากว่า สักวันหนึ่งคนที่จอมดื้อรั้นนั้น อาจจะกลับกลายมาเป็นนักดะอฺวะฮฺก็ได้ หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่อัลลอฮฺ  รัก ดังนั้นจงอย่าท้อแท้เป็นอันขาด พยายามผ่อนปรนทีละเล็กละน้อย ไม่รีบร้อนรุนแรงหรือหลีกตัวออกหากเป็นอันขาด 

        ได้มีคณะของชาวซะกิฟมาหาท่านรอซูล  ท่านได้เชิญชวนให้พวกเขาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม พวกเขากล่าวว่า “พวกเราจะปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และท่านเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ  แต่เรื่องของการทำละหมาดนั้นเราไม่ทำ การจ่ายซะกาตก็จะไม่ขอจ่าย และเราก็จะไม่ขอไปสู้รบในหนทางอัลลอฮฺ  ด้วย”

ท่านนบี  จึงกล่าวว่า

“ สำหรับเรื่องการทำละหมาดนั้นคงไม่มีคุณความดีใดๆ ในการนับถือศาสนาที่ไม่มีการทำละหมาดอยู่”

ส่วนการจ่ายซะกาตและการญิฮาดนั้นนบี  ได้กล่าวว่า

“พวกเขาจะจ่ายซะกาต และออกต่อสู้ เมื่อพวกเขาเข้ารับอิสลามเรียบร้อยแล้ว”

(บันทึกโดย อบูดาวูด)

        พวกเขาก็รับนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาอัลลอฮฺ  ทรงได้ให้การอีหม่านเข้าสู่หัวใจของพวกเขา พวกเขาได้ทำการละหมาด จ่ายซะกาต และออกทำการญิฮาด บางคนจากพวกเขาถูกสังหารที่แถบด้านหลังของแม่น้ำซีฮูน (ซิรดารียา) และแม่น้ำ ญีฮูน (อามูดารียา)ตายในหนทางของอัลลอฮฺ และบางคนในหมู่พวกเขาก็ถูกสังหารในเมืองกันดาฮาร์

        ดังนั้นเราอย่าได้สิ้นหวังในการเรียกร้องสู่แนวทางของอัลลอฮฺ  และจงทราบเถิดว่า พวกเรากำลังอยู่ในขั้นตอนหนึ่งที่จะเข้าสู่แสงสว่างแล้ว สุดท้ายที่จะกลับเข้าสู่อัลลอฮฺ 

 อย่าได้สิ้นหวังกับคนที่ติดเหล้าในการที่เขาจะเลิก และกลับเข้าสู่อัลลอฮฺ 

        ♦ อย่าท้อแท้สิ้นหวังกับคนหัวขโมย คนทำซินา ฆาตรกร จงพยายามมีใจรักที่จะให้แก่พวกเขา เพื่อนำเขาสู่แนวทางที่ถูกต้อง และบอกพวกเขาอยู่เสมอว่า ยังมีพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเมตตากรุณา 

ดังคำตรัสที่ว่า

          “และบรรดาพวกที่ เมื่อพวกเขา กระทำสิ่งชั่วใดๆหรือ อยุติธรรมต่อตัวเอง พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮฺ และขออภัยโทษในบรรดาความผิดของพวกเขา และใครเล่าจะอภัยโทษต่อบรรดาความผิดทั้งหลายให้ได้ นอกจากอัลลอฮฺแล้ว และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติในสิ่งที่เขาปฏิบัติมาโดยที่พวกเขารู้กันอยู่”  

(อาลาอิมรอน/135)

ท่านอาลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า

“คนฉลาดนั้นคือ คนที่ไม่ทำให้ผู้คนอื่นสิ้นหวังจากพระเมตตาของอัลลอฮ์ และไม่ทำให้พวกเขากลัดกลุ้มในเรื่องที่ได้ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ”

        จรรยาบรรณของนักดะอฺวะฮฺนั้นต้องไม่เพิกเฉยเมื่อพบการกระทำฝ่าฝืนเกิดขึ้น โดยจะต้องเริ่มตักเตือนผู้ฝ่าฝืนให้ยำเกรงอัลลอฮฺ  โดยที่การเรียกร้องของเขานั้น ระหว่างการเกรงกลัวและมีความหวังในความสำเร็จจากอัลลอฮ์  ในพระเมตตาของพระองค์ เพราะว่ามีนักเผยแพร่บางส่วนที่เพิกเฉยกับคนบางพวกที่ทำการฝ่าฝืน แต่ละครั้งที่มีผู้ทำบาปใหญ่เขาจะบอกว่า “ไม่เป็นไร” ทุกครั้งที่มีผู้กระทำผิดเขาจะบอกว่า “เรื่องเล็กน้อย”

       เขาไม่รู้ดอกหรือว่ายังมีพระเจ้าอยู่เบื้องหลังที่ทรงกริ้ว เมื่อขอบเขตของพระองค์ได้ถูกละเมิดรุกล้ำ ยังมีผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่เหนือบัลลังก์ ที่ไม่พึงพอพระทัยในการล่วงละเมิดข้อห้ามของพระองค์

 

มีฮาดิษศ่อเฮียะหฺ จากอัลมุฆีเราะฮฺ บินอัซซัวะบะห์ ผู้รายงาน ระบุว่าท่านรอซูล  กล่าวว่า

 “พวกท่านคงแปลกใจกับซะอั๊ดที่เขามีจิตใตที่หวงแหนใช่ไหม ? ฉันขอสาบานผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์

แท้จริงฉันนี้มีจิตใจที่หวงแหนกว่าสะอั๊ด และแท้จริงอัลลอฮฺนั้น ยังมีความหวงแหนยิ่งไปกว่าฉันเสียอีก”

(บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องของคุณลักษณะต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ  ดังมีรายงานที่ถูกต้องจากฮะดีษ ของอิบนิ มัสอู๊ด ว่า

“แท้จริง อัลลอฮฺนั้น ทรงเป็นผู้ที่หึงหวงมาก และส่วนหนึ่งที่เป็นความหึงหวงของพระองค์ ซุบฮานะฮูว่ะตะอาลา นั้นก็คือ

พระองค์หึงหวงบ่าวชายผู้ศรัทธาของพระองค์ที่จะได้ไปทำซินา และทรงหึงหวงบ่าวหญิงของพระองค์ผู้ศรัทธาจะไปทำซินา”



 

ที่มา อัลอิศลาห์สมาคม