สาสน์ของท่านนะบีถึงเฮอราคีอุส
  จำนวนคนเข้าชม  9983

สาสน์ของท่านนะบี  ถึงเฮอราคีอุส

 

 

จากอิบนุ อับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า

          อบู สุฟยาน เล่าจากปากของ อบู สุฟยาน เอง เรื่องมีว่าเมื่อครั้งที่ฉันทำสัญญาสงบศึกกับท่านเราะซูล  นั้นฉันได้ออกไปทำการค้าที่เมืองชาม ขณะที่ฉันอยู่ที่นั่นมีผู้นำสาสน์จากท่านเราะซูล  มามอบให้เฮอราคลีอุส จักรพรรคแห่งโรมัน ผู้ที่ถือสาสน์ฉบับนั้นคือ ดิห์ยะฮ์ อัลกัลบี ซึ่งนำไปมอบแก่ผู้นำบุศรอ และผู้นำบุศรอนำไปมอบแก่เฮอราคลีอุส  

เฮอราคลีอุสได้ถามว่า "ในที่นี้มีชายที่อ้างตัวว่าเป็นนะบีไหม" พวกเขาตอบว่า "มี"

ฉัน(อบู สุฟยาน) และชนเผ่ากุเรชจำนวนหนึ่งถูกเรียกตัวไปเข้าเฝ้าเฮอราคลีอุส พวกเราจึงเข้าไปนั่งอยู่ต่อหน้าจักรพรรค

เฮอราคลีอุส ถามว่า "ใครเป็นคนที่มีสายเลือดกับคนที่อ้างว่าเป็นนะบี คนนั้น" ฉันตอบว่า "ฉันนี่แหละ"  ฉันจึงถูกสั่งให้นั่งด้านหน้า

หลังจากนั้น ล่าม ถูกเรียกมาแล้วมีเสียงบอกว่าจงกล่าวแก่เขาว่า "ฉันถามพวกเขาเกี่ยวกับชายที่อ้างว่าเป็นนะบี หากเขาพูดเท็จก็จงบอกว่าเขาพูดเท็จ"

อบู สุฟยาน กล่าวว่า "หากฉันไม่กล่าวว่าอะไร ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนพูดเท็จ ฉันคงกล่าวเท็จเกี่ยวกับตัวเขา"    

ต่อมาเฮอราคลีอุส  กล่าวแก่ล่ามว่า

 "จงถามเขาว่า ชาติตระกูลของเขาในกลุ่มของท่านเป็นอย่างไร เขาเป็นคนเชื้อสายกษัตริย์หรือ" ฉันตอบว่า "ไม่ใช่"

มีคำถามว่า "พวกท่านเคยกล่าวหาว่า เขาเป็นคนพูดเท็จไหมก่อนที่เขาจะอ้างว่าเป็นนะบี" ฉันตอบว่า "ไม่เคย"

มีคำถามว่า "ผู้ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามเขาเพิ่มจำนวนหรือลดจำนวนลง" ฉันตอบว่า "เพิ่มจำนวนตลอดเวลา"

คำถามว่า "ผู้ที่เชื่อฟังเขาเหล่านั้นเป็นมุรตัด(เชื่อฟังแล้วต่อมาปฏิเสธ) เนื่องจากรังเกรียจศาสนาที่มีคนนับถือเพิ่มขึ้นหรือไม่" ฉันตอบว่า "ไม่มี"

มีคำถามว่า "ท่านเคยทำศึกกับเขาหรือไม่" ฉันตอบว่า "ใช่ เคยทำศึก"

มีคำถามว่า "การศึกนั้นเป็นอย่างไร" ฉันตอบว่า "การศึกนั้นผลัดกันชนะ บางครั้งเราเป็นฝ่ายชนะ เขาเป็ฝ่ายแพ้ บางครั้งเขาเป็นฝ่ายชนะเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้"

มีคำถามว่า "เขาเคยละเมิดสัญญาหรือไม่"

ฉันตอบว่า "ไม่เคย ขณะนี้เราอยู่ในระหว่างสัญญาสงบศึก โดยต่างฝ่ายจะไม่จู่โจมซึ่งกันและกัน ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสัญญาดังกล่าว"

อบู สุฟยานเล่าต่อไปว่า "ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ไม่มีคำพูดใดที่ฉันจะบอกกล่าวได้มากกว่านี้"

มีคำถามว่า "เคยมีใครอ้างตัวเป็นนะบีเช่นเดียวกับเขาก่อนหน้านี้ไหม" ฉันตอบว่า "ไม่มี"

 

ต่อมาจักรพรรคเฮอราคลีอุส  ได้กล่าวแก่ล่ามว่า

 "จงบอกแก่เขาไปว่า

♦ ที่ฉันถามเกี่ยวกับชาติตระกูลของเขา ท่านตอบว่า เขาเป็นคนมีชาติตระกูลสูง ด้วยเหตุดังนี้ บรรดาเราะซูลทั้งหมดจะถูกกำหนดจากคนที่มีชาติตระกูลในกลุ่มของเขา

 ♦ ที่ฉันถามท่านว่า เขามีเชื้อสายกษัตริย์หรือไม่ ท่านตอบว่าไม่ใช่ กรณีนี้หากเขามีเชื้อสายหรือบรรพบุรุษเป็นกษัตริย์ แน่นอนเขาก็ประสงค์ที่จะได้อำนาจ ซึ่งบรรพบุรุษเคยมี

♦ ฉันได้ถามถึงผู้ที่เชื่อตามเขาว่าเป็นประชาชนทั่วไปหรือผู้นำ ท่านตอบว่า เป็นประชาชนทั่วไป และโดยปกติคนพวกนี้แหละ จะปฏิบัติตามเราะซูล

♦ ฉันถามท่านว่าท่านเคยกล่าวหาว่า เขาเคยโป้ปดมดเท็จไหม ก่อนที่เขาจะเป็นเราะซูล ท่านตอบว่าไม่เคย ฉันรู้ เมื่อเขาสัมพันธ์กับมนุษย์ไม่เคยโกหกมนุษย์ เขาจะไปโกหกกับอัลลอฮ์ได้อย่างไร

♦ ฉันถามท่านถึงผู้ที่เชื่อฟังเขามีมุรตัดไหม กล่าวคือเมื่อเข้ารับนับถือศาสนาใหม่นั้นแล้ว เขารังเกรียจศาสนานั้น ท่านตอบว่าไม่มี เพราะเป็นเรื่องปกติที่เมื่อการศรัทธามั่นฝังรากลงในจิตใจมนุษย์

♦ ฉันได้ถามว่า ผู้ที่เชื่อฟังเขาลดจำนวนลงหรือไม่ ท่านตอบว่าพวกเขากลับเพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลา ถูกแล้วการศรัทธามั่นเป็นเช่นนี้จนกว่าจะสมบูรณ์

♦ ฉันถามท่านอีกว่าท่านเคยทำศึกกับเขาหรือไม่ ท่านตอบว่าท่านเคยทำศึกกับเขาและการทำศึกนั้นจะผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับบรรดาเราะซูล ซึ่งจะต้องได้รับการทดสอบและแน่นอนในครั้งสุดท้ายนั้นพวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะ

♦ ฉันถามท่านว่าเขาเคยละเมิดสัญญาหรือไม่ ท่านตอบว่าเขาไม่เคยละเมิด และบรรดาเราะซูลนั้นจะไม่ละเมิดสัญญาอย่างเด็ดขาด

♦ ฉันถามท่านอีกว่ามีใครก่อนหน้าเขาที่อ้างตัวเป็นนะบีอย่างที่เขาอ้างในครั้งนี้หรือไม่ ท่านบอกว่าไม่เคยมี ฉันกล่าวว่า หากมีคนอื่นก่อนหน้าเขาที่อ้างตัวเป็นนะบีเช่นเดียวกับเขา เป็นไปได้ว่าเขาอาจเป็นผู้ดำเนินรอยตาม(คนที่อ้างตัวก่อนหน้าเขา)เท่านั้น"

 

ต่อมาจักรพรรคเฮอราคลีอุส ได้ตรัสถามว่า "เขาได้สั่งให้พวกท่านทำอะไรบ้าง"

ฉันตอบว่า "เขาสั่งให้พวกเราละหมาด จ่ายซากาต มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และใช้ชีวิตด้วยความสะอาด"

เฮอราคลีอุสกล่าวว่า "หากคำที่ท่านกล่าวมานี้เป็นความจริงทั้งหมด แน่นอนคนคนนี้เป็นนะบีที่แท้จริง ซึ่งฉันรู้แล้วว่าสิ่งนี้ต้องอุบัติขึ้น แต่ฉันคาดไม่ถึงว่าจะอุบัติในกลุ่มของท่าน หากฉันสามารถพบเขา ฉันอยากจะพบเขาเหลือเกิน และหากฉันอยู่ใกล้เขา ฉันจะล้างสองเท้าให้กับเขา(ให้เกรียติ) และเขตปกครองเขา ฉันจะนำมา(คือขยาย)ให้ถึงเขตการปกครองแห่งนี้"

 

ต่อมามีผู้นำสาสน์ของท่านเราะซูล  มาแล้วมีผู้อื่นนำมามอบให้  ข้อความในนั้นเป็นดังนี้

         "ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงยิ่งในความเมตตากรุณา ปรานีเสมอ จากมุฮัมมัดผู้เป็นเราะซูลของอัลลอฮ์ ถึงเฮอราคลีอุสจักรพรรคแห่งโรมัน ความสุขจงมีแด่ผู้ที่ได้รับการชี้นำ ดังนั้น ข้าขอเชิญชวนท่านเข้ารับอิสลาม ขอท่านจงเข้ารับอิสลามเถิด ท่านจะได้รับความคุ้มครอง ท่านจะได้รับผลบุญอย่างทวีคูณ หากท่านปฏิเสธ ท่านจะต้องแบกรับบาปของประชาชนทั้งประเทศ ชาวคัมภีร์เอ๋ย เราจงมาเป็นหนึ่งภายใต้คำปฏิญาณเดียวกันเถิด กล่าวคือเราจะไม่ให้พวกเราบางคนเป็นพระเจ้าของอีกบางคน เว้นแต่อัลลอฮ์พระองค์เดียวเท่านั้น หากพวกเขาปฏิเสธจงบอกพวกเขาเถิดว่า พวกเราขอยืนยันว่าพวกเราเป็นมุสลิม"

          เมื่อเฮอราคลีอุสได้ฟังการอ่านสาสน์ดังกล่าวจบ มีเสียงอึกทึกรอบๆเขา พวกเราได้รับคำสั่งให้ออกไปข้างนอก เมื่อออกไปข้างนอกฉันได้กล่าวแก่เพื่อนๆของฉันว่า

"สาสน์ของ อิบนุ อบูกับชะฮ์ (¹) เป็นสิ่งผิดปกติเหลือเกิน กระทั่งจักรพรรคของชนชาติผิวเหลืองรู้สึกเกรงกลัว"

          ดังนั้นฉันจึงเชื่อมั่นเสมอว่าศาสนาของท่านเราะซูล นี้จะต้องเป็นฝ่ายชนะ กระทั่งในที่สุด อัลลอฮ์ทรงฝังอิสลามในก้นบึงแห่งหัวใจฉัน

 

 


 

(¹) อบู กับชะฮ์ คือสามีของหะลีมะตุสสะอ์ดียะฮ์ ผู้เป็นแม่นมของท่านนะบีมุฮัมมัด ดังนั้อบูกับ ชะฮ์ จึงเป็นบิดาทางสายน้ำนมของท่านนะบี  ท่านนะบี  ได้รับการเรียกขานว่า อิบนุ อบู กับชะฮ์ (บุตรของอบู กับชะฮ์) โดยชาวกุเรชซึ่งถือเป็นการดูถูกท่านนะบี  ที่เรียกชื่อทางสายน้ำนม 

 

ฮะดิษ เศาะเฮี๊ยะ บันทึกรายงานโดย อิหม่าม มุสลิม เลขที่ ( 1745 )