การนินทาว่าร้าย
  จำนวนคนเข้าชม  19562

 

การนินทาว่าร้าย

 

แปลและเรียบเรียง อับดุลวาเอด สุคนธา 

คำถาม 

อะไรคือฮุกุ่มของคนที่ทำการนินทาว่าร้ายคนอื่น ที่เรียกกันว่าการใส่ร้าย ? ขอทราบเรื่องดังกล่าวด้วยครับ


คำตอบ 
 

        ความหมายของการนินทา การนินทา คือ การที่คนๆหนึ่งได้กล่าวถึงพี่น้องของเขา ในสิ่งที่เขาไม่ชอบ หากว่าเขากล่าวหาในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ถือว่าเป็นการใส่ร้าย ทั้งสองอย่างนี้คือ หะอ์รอม  

อัลลอฮ์  ตรัสว่า

( ولا يغتب بعضكم بعضا ،)     “และจงอย่าสอดแนม อย่านินทาให้ร้ายคนใดในหมู่พวกเจ้า”  

(อัลหุจญฺรอต 49:12)
 

          นี่คือโองการ ที่บ่งชี้ถึงการห้ามการนินทาว่าร้ายผู้อื่น ท่านนบี  อธิบายพร้อมทั้งบอกการใส่ร้ายพี่น้องมุสลิม มีรายงานจากท่าน อบูดาวูดมีการยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเศาะเหียะฮฺมุสลิม โดยการรายงานของท่านอบู ฮูร็อยเราะฮฺ 
 

นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมได้กล่าวว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่า อะไรคือ การนินทา?” 

พวกเขา (เศาะฮาบะฮฺ) กล่าวว่า “อัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์รู้ดีที่สุด” 

นบีมุหัมมัด  จึงกล่าวต่อไปว่า “การนินทา นั้นหมายถึง การพูดเกี่ยวกับพี่น้องของท่านด้วยวิธีการที่พี่น้องของท่านไม่ชอบมัน” 

จากนั้นนบีมุหัมมัด  ถูกถามต่อไปว่า “แล้วท่านมีความคิดเห็นอย่างไร หากความผิดที่เราได้กล่าวถึงพี่น้องของเราเป็นเรื่องจริง?” 

       นบีมุหัมมัด  จึงกล่าวว่า “หากแม้สิ่งที่ท่านได้กล่าวเกี่ยวกับพี่น้องของท่านเป็นเรื่องจริง แท้จริงแล้ว ท่านได้กระทำการนินทาเขา และหากว่าความผิดที่กล่าวนั้นมิได้เป็นเรื่องจริง แท้จริงแล้วมันคือ การใส่ร้าย”

 

 

คำถาม

          มีกลุ่มคนบางส่วน ขออัลลอฮฺทรงประทานทางนำแก่พวกเขาด้วยเทิด มองว่า การนินทาว่าร้ายผู้อื่น ไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกลียด หรือ ต้องห้าม แต่ประการใด ครั้งเมื่อมนุษย์นินทาถึงพี่น้องของเขา ไม่ถือว่า หะอ์รอม  ขอความกรุณาอธิบายเรื่องนี้ ด้วยครับ

คำตอบ

         การนินทาว่าร้าย นั้น ถือ ว่าหะอ์รอม ต้องห้าม ตามมติเอกฉันท์ของ มุสลิมทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของบาปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งที่น่าตำหนิของพี่น้องมุสลิมอยู่จริง หรือไม่มีอยู่จริง

 

       รายงานของท่านอบู ฮูร็อยเราะฮฺ ศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมได้กล่าวว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่า อะไรคือ การนินทา?” 

พวกเขา (เศาะฮาบะฮฺ) กล่าวว่า “อัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์รู้ดีที่สุด” 

ศาสนทูตมุหัมมัด  จึงกล่าวต่อไปว่า “การนินทา นั้นหมายถึง การพูดเกี่ยวกับพี่น้องของท่านด้วยวิธีการที่พี่น้องของท่านไม่ชอบมัน” 

จากนั้นศาสนทูตมุหัมมัด  ถูกถามต่อไปว่า “แล้วท่านมีความคิดเห็นอย่างไร หากความผิดที่เราได้กล่าวถึงพี่น้องของเราเป็นเรื่องจริง?” 

       ศาสนทูตมุหัมมัด  จึงกล่าวว่า “หาก แม้สิ่งที่ท่านได้กล่าวเกี่ยวกับพี่น้องของท่านเป็นเรื่องจริง แท้จริงแล้ว ท่านได้กระทำการนินทา เขา และหากว่าความผิดที่กล่าวนั้นมิได้เป็นเรื่องจริง แท้จริงแล้วมันคือ การใส่ร้าย”

 

จากการบอกเล่าของท่านอนัส อิบนุ มาลิก ศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า 

“ขณะที่ฉันได้ถูกนำขึ้นไปยังสวนสวรรค์ ฉันได้ผ่านผู้คนที่มีเล็บเป็นเหล็กทองแดง กำลังขีดข่วนใบหน้าและหน้าอกของตัวเอง"

ฉันจึงถามขึ้นมาว่า “ผู้คนเหล่านั้นคือใครหรือ ญิบรีล ?" 

ญิบรีล ตอบว่า “พวกเขาคือผู้ที่เคยนินทา และละเมิดเกียรติของผู้อื่น” 

(สุนัน อบูดาวุด หะดีษเลขที่ 4860 และ “เศาะเหียะฮฺ อัลญามียฺ 2/926”)

อัลลอฮ์  ตรัสความว่า

“โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย! พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป

และ จงอย่าสอดแนม อย่านินทา ให้ร้ายคนใดในหมู่พวกเจ้า และพวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเจ้าที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ

(แน่นอนว่า) พวกเจ้าย่อมเกลียดมัน และจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 
 

(อัลหุจญฺรอต 49:12)

          จำเป็นแก่มุสลิม ทั้งชายและหญิง ระมัดระวังจากการนินทาว่าร้าย จะต้องช่วยส่งเสริมและตักเตือน ให้เชื่อฟังต่ออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ ส่งเสริมสำหรับมุสลิมทุกคน ปกปิดความลับของพี่น้องด้วยกัน ห้ามเปิดเผยสิ่งที่ไม่ดีของพี่น้องมุสลิม เพราะว่า การนินทาว่าร้าย เป็นสาเหตุนำไปสู่การเกลียดชัง สร้างการเป็นศัตรูระหว่างพี่น้องด้วยกันเอง สร้างความแตกแยกในสังคมมุสลิม 

(จากหนังสือมัจมั่วะฟัตวาเชคอับอาซีนบิน บาซ)

         เชคอุษัยมีน กล่าวว่า "ส่วนหนึ่งของบาปใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นกับคนเราทุกๆวันส่วนมากแล้วคนเรานั้นตกอยู่ในห้วงล้อมของการนินทาว่าร้ายคือการกล่าวถึงพี่น้องของเขาในสิ่งที่ไม่ชอบและน่ารังเกลียด แท้จริงการนินทาว่าร้ายผู้อื่นนั้น ถือเป็นบาปใหญ่"

ตามที่อัลลอฮ์  ตรัส ว่า

“อย่านินทา ให้ร้ายคนใดในหมู่พวกเจ้า พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเจ้าที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ (แน่นอนว่า) พวกเจ้าย่อมเกลียดมัน” 

(อัลหุจญฺรอต 49:12)

        จากความรู้ข้างต้นแท้จริง มนุษย์นั้นไม่ชอบที่จะกินเลือดเนื้อพี่น้องของเขา ทั้งที่มีชีวิตและตายไปแล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ารังเกลียดยิ่ง พวกท่านนั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเจ้าที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ มันจะเป็นที่น่าภูมิใจได้อย่างไรในขณะที่เขานั้นชอบที่จะนินทาว่าร้ายคนอื่น

        การนินทาต่อเพื่อนบ้านนั้นนำสู่ความหายนะอย่างชัดเจน  การนินทาว่าร้ายเป็นส่วนหนึ่งจากบาปใหญ่โดยชัดเจนและถ้ายิ่งกระทำก็ยิ่งเพิ่มบาปให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นการนินทาคนที่อยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม เช่นการนินทาเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องท่านนบี  กล่าวว่า

“ใครที่ศรัทธา ต่ออัลลอฮฺและ วันอาคีเราะฮฺ จงให้เกียรติพี่น้องเพื่อนของเขา”

ท่านนบี  กล่าว อีกสำนวนหนึ่งว่า

"ไม่ถือว่าเป็นการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ หากว่าเขานั้นมิได้ปกป้องพี่น้องของเขาให้รอดพ้นจากความชั่วร้าย"


         แท้จริงการนินทาว่าร้ายกับบรรดาผู้รู้และการใส่ร้ายต่ออุลามานั้นแตกต่างกับการนินทาเพื่อนมนุษย์ทั่วไป เพราะว่าบรรดาผู้รู้นั้นมีเกียรติ มีความดีมากมาย เรานั้นจะต้องให้เกียรติให้เหมาะสมกับตำแหน่งของเขาเหล่านั้น เพราะว่าการตำหนิหรือใส่ร้ายบรรดาอุลามานำไปสู่ความเสียมเสีย ตกต่ำและการเหยีดยาม ณ ที่มนุษย์ เท่ากับว่าเขานั้น ได้ดูถูกและเหยีดยามหลักการของอิสลามที่ออกมาจากความรู้ของอุลามา โดยที่พวกเขาเหล่านั้นมิได้พิจารณา สาเหตุการตำหนิบรรดาอุลามานำไปสู่การยึดติดของคน พวกเขาจะกล่าวอ้างว่า บุคคลนี้ไม่มีความรู้ด้วยกับความโง่เขลาเบาปัญญาของมนุษย์เอง

        เช่นเดียวกัน การนินทา ตำหนิ ผู้นำ ผู้ปกครอง บรรดาผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำ การตำหนิ ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังในสายตาของมนุษย์อย่างแน่นอน ลดเกียรติของการเป็นผู้นำ เมื่อใดก็ตามที่ผู้นำไร้เกียรติ ณ ที่ มนุษย์แล้ว มันจะนำมาซึ่ง ความเสื่อมเสีย ในประเทศ นั้นๆ ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ฟิตนะ ความชั่วร้ายต่างๆมากมาย 

(จากหนัง สือ มัจมัวะฟัตวา เชค อุษัยมีน)