หลักความเชื่ออะลุซซุนนะห์วัลญามาฮะในเรื่องคุณลักษณะและพระนามของอัลลอฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  4526

 

 


หลักความเชื่ออะลุซซุนนะห์วัลญามาฮะในเรื่องคุณลักษณะและพระนามของอัลลอฮฺ


 

เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม

 

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิเอกอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 
 


          การให้ความสำคัญในเรื่องหลักความเชื่อที่มีต่ออัลลอฮฺนั้น คือสิ่งสำคัญที่สุดในอิสลาม เพราะการที่เรามีหลักความเชื่อที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้าของเรา คืออัลลอฮฺมหาบริสุทธิ์ยิ่ง นั้นเป็นสิ่งแรกที่อัลลอฮฺต้องการจากเรา 




          หลักความเชื่อนั้นเป็นหลักความเชื่ออันเดียวกันที่อัลลอฮฺได้ส่งรอซูลทุกท่านมาทำหน้าที่เรียกร้องผู้คน คือการให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺในด้านการเป็นพระเจ้าองค์เดียว โดยไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์ และการให้เอกภาพในด้านการเคารพภักดีต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว และการให้เอกภาพในด้านพระนามที่สวยงามและคุณลักษณะของพระองค์ ตามที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ได้บอกไว้ 

 

         หลักความเชื่อของผู้คนที่เกี่ยวกับพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮฺนั้นแตกต่างกันออกไป สำหรับหลักความเชื่อของชาวอะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะนั้น มีความเชื่อในเรื่องคุณลักษณะของอัลลอฮฺ 

          แนวทางของอะลุซซุนนะห์วัลญามาฮะ เกี่ยวกับพระนามและคุณลักษณะต่างๆของอัลลอฮฺ ก็คือ การยืนยัน ตามที่มีหลักฐานมีมา ตามความเหมาะสมต่ออัลลอฮฺตาอาลา โดยไม่มีการบิดเบือน และปฏิเสธ หรือมีการพรรนณา หรือมีการนำมาเปรียบเทียบ โดยความเชื่อนี้ปฏิบัติตามคำดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลา 


بقوله -سبحانه-: لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ[الشورى: 11].

"ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น"

        หลักยึดมั่นในเรื่องพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮฺ จะต้องเชื่อตามที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ได้บอกไว้ และเชื่อตามนั้นโดยไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการปฏิเสธ ไม่มีการตีความเปรียบเทียบคุณลักษณะของพระองค์ให้เหมือนสิ่งที่ถูกสร้าง ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอภัยโทษ และอีกมากมายจากคุณลักษณะและพระนามที่สวยงามของพระองค์ 

       ดังนั้นตามหลักความเชื่อของชาวอะลุซซุนนะห์ วัลญามาอะฮ์ จะต้องยืนยันคุณลักษณะและพระนามต่างๆของอัลลอฮฺ เช่น การอยู่เหนือบัลลังก์ของอัลลอฮฺ ดั่งคำตอบของอิหม่ามมาลิก รอฮิมาอุลลอฮฺ 

เมื่อมีชายคนหนึ่งมาถามท่านว่า การอิสติวา(การอยู่เบื้องบน) 

       ท่านอิหม่ามมาลิกตอบว่า การอิสติวา (การอยู่เหนือบัลลังก์) เป็นที่รู้กัน ส่วนรูปแบบวิธีการอยู่นั้นไม่สามารถรู้ได้ การศรัทธาในเรื่องนี้เป็นความจำเป็น และการถามถึง(รูปแบบการอยู่นั้น) เป็นบิดฮะ(การอุตริ) 


        ดังนั้นการพยายามที่จะตีความการอยู่เบื้องบนของอัลลอฮฺเป็นอื่นนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ค้านต่อหลักความเชื่อของชาวอะลุซซุนนะห์วัลญามาอะฮ์ เพราะผู้ที่ตีความหรือบิดเบือนความหมายจะอ้างว่า หากยืนยันการอยู่เหนือบัลลังก์ของอัลลอฮฺนั้น กลัวว่าจะนำอัลลอฮฺไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ถูกสร้าง ดังนั้นการตีความการอยู่บนบัลลังก์ของอัลลอฮฺนั้น คือการมีอำนาจไม่ใช่การอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮฺ ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดคลื่นจากความเข้าใจของชาวอะลุซซุนนะห์ พระองค์อัลลอฮ์ มีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว


       ท่านอิหม่าม มูฮัมหมัด บิน อิสหาก อิบนู คูซัยมะฮฺ รอฮิมาอุลลอฮฺ กล่าวว่า เราศรัทธาด้วยกับการบอกของอัลลอฮฺผู้ทรงเกียรติอันสูงส่ง แท้จริงพระเจ้าของเราอยู่เบื้องบนเหนือบัลลังก์ เราจะไม่เปลี่ยนแปลงคำพูดของพระองค์ และเราจะไม่พูดนอกเหนือจากที่ได้ถูกกล่าวแก่เรา เหมือนที่พวกอัลญะมียะห์ได้ปฏิเสธ(ปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮ) 

        โดยพวกเขาได้กล่าวว่า แท้จริง(ความหมาย อัลอิสติวา) คืออัลลอฮฺมีอำนาจเหนือบัลลังก์พระองค์ ไม่ได้หมายถึงการอยู่เหนือบัลลังก์ โดยที่พวกเขาได้เปลี่ยนคำพูดของอัลลอฮฺเป็นอื่น ที่ไม่เหมือนกับที่ถูกบอกไว้ให้พวกเขารับรู้ เหมือนสภาพของชาวยิว เมื่อพวกเขาได้ถูกใช้ให้กล่าวคำว่า อิตเตาะ แต่พวกเขากลับกล่าวคำว่า อินเตาะฮฺ โ ดยที่พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของ อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง เหมือนที่พวกอัลญะมียะห์ได้กระทำ จบคำพูดของ อิบนูคูซัยมะห์ จากหนังสือ อัตเตาฮีด 1/233 


       ดังนั้นหลักความเชื่อของอะลุซซุนนะห์ วัลญามาอะฮ์มีความเชื่ออัลลอฮฺอยู่เบื้องบนเหนือบัลลังก์ อัลลอฮฺอยู่ได้ด้วยพระองค์เองโดยที่ไม่ต้องพึงพาบัลลังก์ แต่บัลลังก์นั้นต้องพึ่งพาพระองค์ ส่วนรูปแบบการอยู่ พระองค์มิได้บอกให้เราทราบว่าอยู่อย่างไร แต่การอยู่เบื้องบนมีความเหมาะสมกับพระองค์ ดังนั้นหลายคนพยายามที่จะปฏิเสธหรือไม่ยอมรับการอยู่ของอัลลอฮฺเหนือบัลลังก์  โดยอ้างเหตุผลหากใครมีความเชื่อเช่นนั้น เสมือนนำอัลลอฮ์มาเปรียบเทียบกับมนุษย์ เพราะแท้จริงพระองค์ไม่เหมือนกับสิ่งใด 


        ความจริงมีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกใบนี้ ที่ชื่อถูกเรียกเหมือนกัน กับสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ซึงแต่ละคนต่างยอมรับสิ่งที่ถูกเรียกในสวรรค์นั้นจะไม่เหมือนกับสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ ถึงแม้ชื่อจะเหมือนกัน เช่น น้ำผึ้ง น้ำนม สุรา องุ่น และอื่นๆ ในเมื่อสิ่งของที่ถูกเรียกชื่อเหมือนกันกับของที่อยู่ในสวรรค์เรายังยอมรับความแตกต่างกันในลักษณะ ถึงแม้จะชื่อเหมือนกัน แล้วทำไมจึงไม่ยอมรับความไม่เหมือนของคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ถึงแม้จะเรียกเหมือนกัน เช่น การมีมือของอัลลอฮฺ การอยู่บนบัลลังก์ของอัลลอฮฺ 


        ถึงแม้จะมีการเรียกชื่อที่เหมือนกัน แต่หลักความเชื่อของชาวอะลุซซุนนะห์ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่เรียกเหมือนกันที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของอัลลอฮฺจะเหมือนกับมนุษย์ เช่น อัลลอฮฺอยู่บนบัลลังก์ หมายถึง บัลลังก์ของอัลลอฮฺอยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ด และอัลลอฮฺอยู่เหนือบัลลังก์ ไม่ได้หมายถึงว่าอัลลอฮฺ ถูกห้อมล้อมด้วยชั้นฟ้าต่างๆ หรือไม่ได้หมายความว่า อัลลอฮฺทรงประทับบนบัลลังก์เหมือนกับมนุษย์นั่งบนเก้าอี้ แต่พระองค์อยู่เหนือบัลลังก์ที่การอยู่นั้นเหมาะสมกับพระองค์ โดยที่ไม่มีการสาธยายการอยู่ของพระองค์ เพราะพระองค์ไม่ได้บอกรายละเอียดการอยู่ แต่ให้เราเชื่อว่าการอยู่เหนือบัลลังก์ของพระองค์ไม่เหมือนกับการอยู่ของมนุษย์ เราต้องไม่ปฏิเสธการอยู่ของพระองค์ หรือบิดเบือนตีความการอยู่ของพระองค์ โดยตีความไปว่าอัลลอฮฺไม่ได้อยู่บนบัลลังก์ แต่พระองค์มีอำนาจเหนือบัลลังก์ หรือตีความไปว่าอัลลอฮฺอยู่ทุกที่ 


ท่านมาลิก บิน อนัสกล่าวว่า "แท้จริงอัลลอฮฺอยู่บนชั้นฟ้า และความรู้ของพระองค์นั้นอยู่ทุกสถานที่"

และมีหลักฐานมากมายที่มาระบุชี้ถึงการอยู่เบื้องบนของพระองค์ เช่นคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า 

( سبح اسم ربك الأعلى)     "จงแซ่ซ้องสดุดี พระนามแห่งพระเจ้าของเจ้า ผู้ทรงสูงสุดยิ่ง"


تَعْرُجُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ خَمْسِينَ أَلْفَ سَنَةٍ (4)

"มะลาอิกะฮฺและอัรรูหฺ(ญิบริล) จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่ง ซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี(ของโลกดุนยา)"

(ซูเราะฮฺ อัลมาอาริจญ์ 4 )


       และอีกมากมายที่เป็นหลักฐานว่าอัลลอฮ์อยู่เบื้องบน นี่คือหลักความเชื่อของชาวอะลุซซุนนะห์ วัลญามาอะฮ์ ที่เกี่ยวข้องกับพระนามและคุณลักษณะต่างๆของอัลลอฮฺ ดังนั้นการกลับไปหาตัวบทและความเข้าใจของบรรพชนสลัฟในเรื่องคุณลักษณะจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อย่าใช้สติปัญญาที่บกพร่องของเรานำหน้าตัวบทที่ถูกต้อง


ขออัลลอฮฺได้ชี้นำทางที่ถูกต้องแก่พวกเราให้ได้ยืนหยัดบนหลักความเชื่อที่ถูกต้อง