อากาศแปรปรวน...อย่าให้อีมานเปลี่ยนแปลง
  จำนวนคนเข้าชม  6826


อากาศแปรปรวน...อย่าให้อีมานเปลี่ยนแปลง

โดย ศิษย์เก่าฟุรกอน รุ่น 06 

ข้อคิดจากฝนและอากาศที่ร้อนอบอ้าว

 

          ปัจจุบันกับสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป อุณหภูมิสูงขึ้น โลกร้อนขึ้น ลมพายุ ฝนที่ตกผิดฤดูกาล สภาพอากาศเช่นนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และบางครั้งอาจมีผลต่ออีมานหรือการประกอบอิบาดะฮ์ของเราด้วย

 

ผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน

 

          อากาศที่ร้อนจัดเป็นอุปสรรคให้เราไม่สามารถออกไปทำธุระนอกบ้านได้ตามปกติ บางครั้งเราหงุดหงิดฉุนเฉียว บ่นโวยวายเพราะทนไม่ได้กับอากาศที่ร้อนจัดจนลืมไปว่าใครเป็นผู้กำหนด อากาศร้อน ทำให้การทำอิบาดะฮ์ของเราขาดความคุชัวะอ์ ละเลยการถือศีลอดที่เป็นซุนนะฮ์หรือการถือศีลอดใช้เพราะความอ่อนเพลียจากความร้อนอบอ้าว เราไม่สามารถเดินไปละหมาดมัสยิดได้ตามปกติในวันที่ฝนตกหนัก และบางครั้งเราด่าทอ ต่อว่า เพราะไม่พอใจกับผลกระทบที่ได้รับจากฝน เช่น ทำให้เสื้อผ้าเปียกชื้น ออกไปค้าขายไม่ได้ น้ำท่วมขัง หรือทำให้ป่วยไข้ทั้งๆ ที่ฝนนั้นคือความเมตตาที่มาจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

อย่าตำหนิด่าทอ หรือสาปแช่งดินฟ้าอากาศ

 

          การตำหนิ ด่าว่า หรือสาปแช่ง ลม ฝน ดินฟ้าอากาศนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะผู้ทรงกำหนดกิจการทั้งหลายในชั้นฟ้าและแผ่นดิน หรือประทานน้ำฝนให้ตกลงมานั้น คือ อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หากเราตำหนิสิ่งที่ถูกสร้างเท่ากับเราตำหนิผู้สร้างด้วย

     มีรายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

ลมนั้นคือเมตตาของอัลลอฮ์ ที่นำมาซึ่งความเมตตา และนำมาซึ่งการลงโทษ 

หากพวกท่านเห็นลมพายุ อย่าด่าว่ามัน แต่จงขอต่ออัลลอฮ์ซึ่งสิ่งดีงามของมัน 

และจงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากความเลวร้ายของมัน”  

(บันทึกโดย อบูดาวูด และอิบนิมาญะฮ์)

          สิ่งดีงามที่มากับลมคือ เมฆฝน ส่วนสิ่งเลวร้ายที่มากับลมคือ การทำให้พืชผลต้นไม้เสียหาย ทำให้ปศุสัตว์ล้มตาย และทำลายอาคารบ้านเรือน

 

รู้หรือไม่?

 

          สภาพอากาศที่เลวร้ายไม่ได้มีผลกระทบกับเราในด้านลบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือสัญญาณหนึ่งจากสัญญาณต่างๆ ของอัลลอฮ์ที่ให้มนุษย์ได้พิจารณาและใช้สติปัญญาใคร่ครวญ ซึ่งในเรื่องของฝน และอากาศที่ร้อนอบอ้าวนั้นให้แง่คิดกับเราดังนี้

 

          1. ฝน คือ หนึ่งในความเมตตาที่อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ประทานให้แก่มนุษย์ เราได้รับประโยชน์มากมายจากน้ำฝน น้ำฝนช่วยชะล้างสิ่งสกปรก จึงทำให้โลกนี้สะอาด ทำให้ผืนดินที่แห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทำให้พืชต้นไม้ดอกไม้เจริญเติบโต เราสามารถนำน้ำฝนมาดื่ม และนำมารดพืชผักเรือกสวนไร่นาของเรา

     อีกเหตุผลหนึ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ประทานฝนลงมานั้น ก็เพื่อให้เรารู้จักกตัญญูต่อ พระเจ้าเป็นบ่าวที่สำนึกตน ซุโกรขอบคุณในความเมตตาที่ประทานให้ อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮ์อัลวากิอะฮ์ อายะฮ์ที่ 68 - 70 ว่า 

          “พวกเจ้าเห็นน้ำที่พวกเจ้าดื่มแล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าเป็นผู้หลั่งมันลงมาจากก้อนเมฆ หรือว่าเราเป็น ผู้หลั่งมันลงมา หากเราประสงค์ เราจะทำให้มันเค็มจัด แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่กตัญญู

          แต่ในบางครั้งฝนที่ตกลงมาก็เป็นความโกรธกริ้วจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อัลลอฮ์ตรัสไว้ในซูเราะฮ์อันนูร อายะที่ 43 ว่า

          “เจ้ามิได้เห็นดอกหรือว่า แท้จริง อัลลอฮ์นั้นทรงให้เมฆลอย แล้วทรงทำให้ประสานตัวกันแล้วทรงทำให้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วเจ้าก็จะเห็นฝนโปรยลงมาจากกลุ่มเมฆนั้น และพระองค์ทรงให้มันตกลงมาจากฟากฟ้ามีขนาดเท่าภูเขาในนั้นมีลูกเห็บ

          แล้วพระองค์จะทรงให้มันหล่นลงมาโดนผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์จะทรงให้มันผ่านพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แสงประกายของสายฟ้าแลบเกือบจะเฉี่ยวสายตาผู้มอง

 

          2. ฝน ชี้ให้เห็นถึงเดชานุภาพของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในการฟื้นคืนชีพคนตายให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่อีกครั้งในวันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮ์ฟุตศิลัต อายะฮ์ที่ 39 ว่า

          และส่วนหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือ เจ้าจะเห็นแผ่นดินแห้งกรัง ต่อเมื่อพระองค์ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาบนมัน มันก็จะมีชีวิตชีวาและให้พืชผล แท้จริง ผู้ซึ่งให้มันมีชีวิตขึ้นมานั้น ก็จะทรงให้ชีวิตแก่คนตายได้อย่างแน่นอน แท้จริง พระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

          หากเรามองดูสิ่งที่อยู่รอบตัวและใช้สติปัญญาไตร่ตรองดู จะเห็นว่าไม่ใช่แผ่นดินที่แห้งกรังเท่านั้น ที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่เมล็ดพืชที่แห้งแข็งก็ยังสามารถมีต้นอ่อนงอกเงยออกมาได้ เมื่อโดนน้ำฝน เช่นเดียวกันพระองค์ก็จะทรงให้คนตายฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

 

          3. ขณะฝนตก คือ ช่วงเวลาหนึ่งที่ดุอาอฺจะถูกตอบรับ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

สองขณะที่ดุอาอฺจะไม่ถูกตีกลับ คือ การขอดุอาอฺขณะอาซาน (และอิกอมะฮ์) และขณะฝนตก” 

(บันทึกโดย อิมามอบูดาวูด)

          หากเรามัวแต่คิดถึงผลเสียหรือผลกระทบที่ได้รับจากฝน มัวแต่บ่นโวยวาย ด่าทอ เราก็จะพลาดช่วงเวลาสำคัญ เพราะหากเราขอดุอาอฺในขณะนั้นดุอาอฺก็จะถูกตอบรับ

 

          4. ความร้อนจากแสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลกของเราสะอาด ช่วยฆ่าเชื้อโรค ทำให้ผลไม้มีกลิ่นหอมและสุกงอม

 

           5. อากาศร้อนชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของมนุษย์ เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถยืนกลางแดดต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้ นอกจากจะต้องรีบหาร่มเงาเพื่อหลบแดด

 

           6. อากาศร้อนในดุนยาเป็นข้อเตือนใจแก่ผู้ศรัทธาเพื่อจะได้ระวังตนเองและครอบครัวของเขาให้ห่างไกลจากความร้อนของไฟนรก

มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ รอ่ฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า 

ไฟที่มนุษย์ใช้จุดอยู่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจาก 70 ส่วน ความร้อนของไฟนรกญะฮันนัม 

พวกเขา (ซอฮาบะฮ์) กล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ เท่าที่เป็นอยู่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว 

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ท่านกล่าวว่า แท้จริง ความร้อนของมันจะถูกเพิ่มทวีขึ้น 69 เท่า ทุกเท่าของมันจะร้อนเหมือนกันหมด

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

     จากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ รอ่ฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

ไฟ (นรก) ได้ร้องทุกข์กับพระเจ้าของมันว่า โอ้พระเจ้าของฉันส่วนหนึ่งของฉันต่างกินอีกส่วนหนึ่ง

ดังนั้น พระองค์ได้อนุมัติให้เขาได้ผ่อนหายใจได้สองครั้ง ครั้งหนึ่งในฤดูหนาวและอีกครั้งในฤดูร้อน

และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดความร้อนระอุและความหนาวเหน็บอย่างหนักที่พวกท่านได้ประสบ (ตามสภาพดินฟ้าอากาศ)”

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

          จากฮะดีษข้างต้นจะเห็นว่าความร้อนที่สุด คือ ความร้อนของไฟนรก การที่เรามุ่งหาวิธีป้องกันแสงแดดหรืออากาศที่ร้อนอบอ้าวในดุนยาก็เป็นสิ่งที่ดีแก่ตัวเรา แต่คิดหรือยังว่าเราจะหาวิธีใดป้องกัน ความร้อนที่รุนแรงกว่าไฟนรก

 

          7. อากาศร้อนทำให้เรานึกถึงวันที่มนุษย์จะถูกต้อนไปรวมกันที่ทุ่งมะซัร เพื่อรอคอยการชำระคดี วันที่ดวงอาทิตย์เข้ามาใกล้ศีรษะ และแสงแดดที่แผดเผาจนร้อนระอุ จะไม่มีใครช่วยเหลือกันเลย ทั้งคนดีและคนชั่วจะได้รับความทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งนั้น เราก็จะระมัดระวังตัวที่จะไม่ทำความผิดบาป และคอยเตาบะฮ์ตัวเสมอ 

     จากอัลมิกด๊าด อิบนิล อัสวัด เล่าว่า ฉันเคยฟังท่านร่อซูล ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

ในวันกิยามะฮ์นั้นดวงอาทิตย์จะถูกนำมาใกล้กับสรรพสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งใกล้กับตัวพวกเขาแค่หนึ่งช่วงระยะทาง

ในวันนั้นเหงื่อของมนุษย์จะไหลออกมาตามการงานที่เขาได้ปฏิบัติ

♦ จนกระทั่งบางคนจะมีเหงื่อไหลถึงตาตุ่ม

♦ บางคนก็มีเหงื่อไหลท่วมถึงหัวเข่า

♦ บางคนก็มีเหงื่อไหลท่วมถึงบั้นเอวทั้งสอง

♦ บางคนก็มีเหงื่อท่วมมิดปากของเขา ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ชี้นิ้วที่ปากของท่าน

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

          หากเราย้อนกลับไปในอดีต บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยคลายร้อน ไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์ และไม่ว่าอากาศจะร้อนเพียงใดก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้พวกท่านเกียจคร้านในการทำอิบาดะฮ์ หรือละเลยสิ่งที่เป็นซุนนะฮ์ ทั้งๆ ที่ในสมัยนั้นพื้นมัสยิดโรยด้วยกรวดหิน และหลังคามุงด้วยก้านและใบอินทผลัม แต่มัสยิดก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาละหมาดทั้งเด็กและผู้ใหญ่

     มีรายงานจากท่านค็อบบ๊าบ ว่า 

          “พวกเราได้มาหาท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และได้โอดครวญต่อท่านถึงความร้นระอุที่ประสบกับหน้าผากและฝ่ามือของพวกเรา (ขณะสุญูด) ท่านร่อซูลก็ยังคงไม่ว่ากระไร” 

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

ท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า

          เราได้ละหมาดพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในวันที่อากาศร้อนจัด เมื่อคนหนึ่งในพวกเราไม่สามารถที่จะวางใบหน้าลงพื้นได้ เขาจะใช้ผ้าของเขาปูและสุญูดบนนั้น” 

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

จากอบิดัรด๊าอ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า

          เราได้ออกเดินทางมากับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในวันที่อากาศอบอ้าว จนถึงขั้นต้องใช้มือบังศีรษะเนื่องจากความร้อนจัด และพวกเราไม่มีใครถือศีลอดนอกจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และอิบนุรอวาฮะฮ์” 

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

จากท่านอัมร์ อิบนิ เอาว์ซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า

          มีชายคนหนึ่งจากเผ่าซะกีฟบอกเราว่าเขาได้ยิน คนอะซานของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรียกร้องเชิญชวนสู่การละหมาด (หมายถึงในคืนที่มีฝนตกหนักในขณะเดินทาง) ว่าจงรีบเร่งไปสู่การละหมาดเถิด จงรีบเร่งไปสู่ชัยชนะเถิด จงละหมาดในที่พักของพวกท่าน 

(บันทึกโดย อิมามอะหมัด และอันนะซาอีย์)

          นี่คือตัวอย่างของผู้ที่มีความกระหายในการทำอิบาดะฮ์ จะเห็นได้ว่าความร้อนหรือฝนที่ตกหนักนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำอิบาดะฮ์ของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาซอฮาบะฮ์ ในทางกลับกันพวกเขาใช้ความรักที่มีต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มาเป็นเหตุที่ทำให้ความร้อนนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย และเพื่อให้มีความซอบัรอดทนเพิ่มมากขึ้น เพราะการอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า

 

          ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ขอให้เราทุกคนรักษาสุขภาพอีมานให้เข้มแข็ง อย่าให้ความแปรปรวนของสภาพอากาศมาเป็นอุปสรรคในการประกอบการงานที่ดีของเรา อินชาอัลลอฮ์

 

 

 ♥...วารสาร สายสัมพันธ์...♥