ทุกคนต้องการร่มเงาของอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  4717


ทุกคนต้องการร่มเงาของอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะความยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอและฮฺต่างๆ ซึ่งผลของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในวันกิยามะฮฺ เมื่อมนุษย์ทุกคนถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะถูกรวบรวมให้มาอยู่ สถานที่ที่เรียกกันว่าทุ่งมะห์ชัร เพื่อรอคอยกระบวนการสอบสวนและพิพากษาตัดสินจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ... ระยะเวลาของการรอคอยในวันนั้นคือ หนึ่งวันเท่ากับห้าหมื่นปี ..รอคอยเวลาที่จะถูกสอบสวนอย่างเดียว เป็นเวลาอันยาวนานมาก ดังนั้นสภาพของการรอคอยในวันกิยามะฮฺนั้น ก็คือความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ กระวนกระวาย ทุรนทุราย เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ...อยู่ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ความน่าสะพรึงกลัว 

 

          เท่านี้ยังไม่พอ ทุกคนยังต้องเผชิญกับความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ ...ในวันนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงให้มีดวงอาทิตย์ ซึ่งดวงอาทิตย์นี้จะมาอยู่ใกล้มนุษย์เป็นระยะทางประมาณหนึ่งไมล์ เราลองนึกภาพดูว่า ทุกคนจะได้รับความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ ทำให้มีเหงื่อไหลออกมา แต่ละคนจะมีเหงื่อไหลออกมาไม่เท่ากัน บางคนเหงื่อไหลออกมาก บางคนไหลออกมาน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การกระทำต่างๆที่แต่ละคนได้ประพฤติปฏิบัติไว้บนโลกดุนยา ..ถ้าใครปฏิบัติตัวอยู่ในบทบัญญัติศาสนาอย่างเคร่งครัด เหงื่อก็จะไหลออกมาน้อย แต่ถ้าฝ่าฝืนบทบัญญัติศาสนาอยู่ตลอดเวลา เหงื่อก็จะไหลออกมามาก

 

          อัลหะดีษในบันทึกของอิมามมุสลิมและอิมามอัตติรมีซีย์ รายงานจากท่านอัลมิกดาด บินอัลอัสวัด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«تُدْنَى الشَّمْسُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنَ الْخَلْقِ، حَتَّى تَكُونَ مِنْهُمْ كَمِقْدَارِ مِيلٍ فَيَكُونُ النَّاسُ عَلَى قَدْرِ أَعْمَالِهِمْ فِي الْعَرَقِ ، فَمِنْهُمْ مَنْ يَكُونُ إِلَى كَعْبَيْهِ ، وَمِنْهُمْ مَنْ يَكُونُ إِلَى رُكْبَتَيْهِ ، وَمِنْهُمْ مَنْ يَكُونُ إِلَى حَقْوَيْهِ ، وَمِنْهُمْ مَنْ يُلْجِمُهُ الْعَرَقُ إِلْجَامًا، قَالَ : وَأَشَارَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِيَدِهِ إِلَى فِيهِ»

 

          “ในวันกิยามะฮฺ ดวงอาทิตย์จะถูกนำมาใกล้สรรพสิ่งต่างๆ จนกระทั่งมันอยู่ห่างจากตัวของพวกเขาเท่ากับระยะทางเพียงหนึ่งไมล์ (ด้วยเหตุนี้)เหงื่อของมนุษย์จึงไหลออกมา (ปริมาณของเหงื่อที่ไหลออกมา จะไหล)ตามการงานที่เขาได้ปฏิบัติ(ไว้ในโลกดุนยา) ..

♦ บางคนจะมีเหงื่อไหลท่วมตาตุ่ม 

♦ บางคนมีเหงื่อไหลท่วมถึงหัวเข่า 

♦ บางคนก็มีเหงื่อไหลท่วมถึงบั้นเอว 

♦ บางคนก็มีเหงื่อออกท่วมเขาจนมิด 

ซึ่งท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัมได้ชี้นิ้วไปที่ปากของท่าน (ก็คือท่วมมิดปากของเขา)”

 

          ดังนั้น เมื่อเป็นอย่างนี้ ทุกคนต่างก็ต้องการไขว่คว้าหาร่มเงาเพื่อคลายความร้อนให้กับตัวเอง แต่ครั้นจะไปหาร่มมากาง ก็ไม่มี ... จะไปอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ก็ไม่มีต้นไม้สักต้น อย่าว่าแต่ต้นไม้ใหญ่เลย ต้นเล็กๆสักต้นก็ไม่มี... จะไปนั่งพักในห้องแอร์ ก็ไม่มีห้องแอร์ให้นั่งพัก ...จะไม่มีร่มเงาใดๆทั้งสิ้น ...จะมีก็แต่ร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น ซึ่งร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานี้ พระองค์จะประทานให้กับกลุ่มคน 7 กลุ่มเท่านั้น ...มาดูกันว่า เราจะอยู่ในกลุ่มคน 7 กลุ่มที่จะได้รับร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาไหม

 

           ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลหะดีษมุตตะฟะกุนอะลัยฮ ( ก็คืออัลหะดีษเศาะเฮียะหฺในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม ) รายงานจากท่านอะบูหุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า

 

«سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمُ اللهُ فِيْ ظِلِّه يَوْمَ لَا ظِلَّ إِلّا ظِلّه: إِمَامٌ عَادِلٌ، وَشَابٌ نَشَأَ فِي عِبَادَةِ اللهِ، وَرَجُلٌ قَلْبُهُ مُعَلَّقٌ بِالمَسَاجِد، وَرَجُلَانِ تَحَابَّا فِي اللهِ اِجْتَمَعَا عَلَيْهِ وَتَفَرَّقَا عَلَيْهِ، وَرَجُلٌ دَعَتْهُ امرَأَةٌ

ذَاتَ حَسَن وَجَمَال فَقَال: إِنِّي أَخَافُ اللهَ، وَرَجُلٌ تَصَدَّقَ بِصَدَقَةٍ فَأَخْفَاهَا حَتَّى لَا تَعْلَمَ شِمَالُهُ مَا تُنْفِقَ يَمِيْنُه، وَرَجُلٌ ذَكَرَ اللهَ خَالِياً فَفَاضَتْ عَيْنَاه» [متفق عليه]

 

จากอัลหะดีษนี้ ท่านนบีได้กล่าวว่า 

«سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمُ اللهُ فِيْ ظِلِّه يَوْمَ لَا ظِلَّ إِلّا ظِلّه:

 

กลุ่มคน 7 กลุ่มที่อัลลอฮฺจะทรงให้สิทธิแก่เขาได้อยู่ในร่มเงาของพระองค์

ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆทั้งสิ้น นอกจากร่มเงาของพระองค์เท่านั้น...”

 

 คนกลุ่มแรกที่ได้รับสิทธิให้ได้รับร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือ  إِمَامٌ عَادِلٌ  กลุ่มอิมามผู้มีความยุติธรรม 

 

           กลุ่มนี้ไม่ได้หมายถึงผู้ที่มีตำแหน่งเป็นอิมามแต่เพียงอย่างเดียว แต่กลุ่มนี้รวมถึง ผู้นำในทุกๆระดับ ไม่ว่าจะเป็น.. ผู้นำการปกครอง ผู้นำประเทศ ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำบริษัท ผู้นำในโรงเรียน หรือแม้แต่ผู้นำครอบครัว ..คือผู้นำที่มีผู้อยู่ใต้การปกครองของเขา อยู่ภายใต้การดูแลของเขา แล้วเขาได้ให้ความยุติธรรม มีความเที่ยงธรรมต่อผู้อยู่ใต้การดูแลของเขา ปฎิบัติตัวอยู่บนพื้นฐานของกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺท่านนบี ไม่ปฏิบัติต่อผู้อยู่ใต้การปกครองเขาตามอำเภอใจ เมื่อมีกรณีข้อพิพาทต่างๆ ก็ตัดสินด้วยความยุติธรรมตามบทบัญญัติศาสนา กลุ่มนี้รวมถึงผู้ที่อยู่ในระบบยุติธรรมคือศาลต่างๆ ..บุคคลดังกล่าวนี้แหละที่เขาจะได้รับสิทธิให้ได้รับร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในฐานะที่เป็นإِمَامٌ عَادِلٌ ผู้นำที่มีความยุติธรรม

 

คนกลุ่มที่สองที่จะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺ คือ  َشَابٌ نَشَأَ فِي عِبَادَةِ اللهِ  กลุ่มเยาวชนทั้งชายและหญิงที่ศึกษาหาความรู้ในบทบัญญัติศาสนา

 

          กลุ่มเยาวชนทั้งชายและหญิงที่ตลอดชีวิตวัยหนุ่มวัยสาวของเขานั้นเติบโตมากับการศึกษาหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา แล้วเขาก็นำความรู้มาปฏิบัติ ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอะมัลศอลิหฺ ปฏิบัติอิบาดะฮฺอยู่อย่างสม่ำเสมอ มีความเข้มแข็งที่จะยืนหยัดอยู่บนหลักการศาสนา แล้วก็ช่วยเหลืองานศาสนา ช่วยเหลืองานของส่วนรวม 

          หากใครที่กำลังอยู่ในช่วงของเยาวชนทั้งชายและหญิงอยู่ในขณะนี้ ขอให้ท่านได้ใช้ชีวิตในวัยนี้ของท่านตามบทบัญญัติศาสนา เพื่อจะได้มีโอกาสได้เก็บสะสมร่มเงาในส่วนนี้ไว้เป็นของตัวเองก่อน ..ก่อนที่จะไม่มีโอกาส เพราะหลุดพ้นจากวัยของเยาวชนแล้ว

          ในส่วนของคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เลยช่วงเยาวชนมาแล้ว และชีวิตในวัยเยาวชนของท่านได้ดำรงตนอยู่ในเงื่อนไขนี้ ก็เท่ากับท่านได้สะสมร่มเงาในส่วนนี้ไว้แล้วเช่นกัน อินชาอัลลอฮฺ ก็นับเป็นกำไรของท่าน

          ส่วนผู้ใหญ่ที่พลาดจากกลุ่มนี้ไปแล้ว โดยที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในช่วงเยาวชนตามบทบัญญัติศาสนา ก็ขอให้ท่านได้ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และพยายามไขว่คว้าหาหนทางให้ตัวเองได้เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มอื่นๆที่เหลือ

 

คนกลุ่มที่สามที่จะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺคือ  َرَجُلٌ قَلْبُهُ مُعَلَّقٌ بِالمَسَاجِد  บุคคลที่จิตใจของเขาผูกพันกับมัสยิด

 

          คือกลุ่มของบุคคลที่จิตใจของเขานั้นผูกพันอยู่กับมัสยิด มาละหมาดที่มัสยิดเป็นประจำ มารอละหมาด ไม่มามัสบู๊ก ..มาละหมาดเวลานี้ แล้วก็เฝ้ารอที่จะมาละหมาดเวลาถัดไป ...

          คนกลุ่มนี้รวมถึงผู้ที่มาบูรณะซ่อมแซมมัสยิด บริจาคช่วยเหลือกิจการของมัสยิด หรือมาดูแล มาทำความสะอาด มาทำให้บ้านของอัลลอฮฺนั้นสะอาด อย่างโต๊ะเซี๊ยะที่เขาจะมาคอยดูแล มาเช็ดมาถู มาทำความสะอาดมัสยิด มาเตรียมความพร้อม มาคอยอำนวยความสะดวกให้คนมาละหมาด ละหมาดฟัรฎู ละหมาดวันศุกร์ อย่างนี้ เขาก็มีโอกาสได้รับร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในวันกิยามะฮฺเช่นกัน อินชาอัลลอฮฺ

 

คนกลุ่มที่สี่ที่จะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺคือ َرَجُلَانِ تَحَابَّا فِي اللهِ اِجْتَمَعَا عَلَيْهِ وَتَفَرَّقَا عَلَيْهِ،  บุคคลที่มีหลักของอัลวะลาอ์ วัลบะรออ์

 

           คือกลุ่มของบุคคลที่มีหลักของอัลวะลาอ์ วัลบะรออ์ ก็คือ กลุ่มคนที่เมื่อจะคบกับใคร จะสนิทสนมกับใคร ก็จะตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า เป็นมิตรกัน มีความรักต่อกันในหนทางของอัลลอฮฺ เพื่ออัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ชอบนิสัยบางอย่างของเขา แต่เราก็รักเขา ยุติธรรมกับเขา เพราะเขามีความรักต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ 

           ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นศัตรูกันในหนทางของอัลลอฮฺ เกลียดกัน ไม่ชอบกันเพื่ออัลลอฮฺ ถึงแม้ว่า เราจะชอบเขาอย่างเหลือเกินก็ตาม แต่หากเขาปฏิเสธอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เราก็ยอมถอยห่างออกจากเขา ไม่ไปสนิทสนม ไม่ไปใกล้ชิดด้วย

     นี่คือบุคคลที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่าเป็นบุคคลที่จะได้รับร่มเงาในวันกิยามะฮฺ

 

คนกลุ่มที่ห้าที่จะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺคือ  رَجُلٌ دَعَتْهُ امرَأَةٌ ذَاتَ حَسَن وَجَمَال فَقَال: إِنِّي أَخَافُ اللهَ، ชายที่มีหญิงมาชักชวนให้ทำซินา

 

          ชายที่มีหญิงสูงศักดิ์ ร่ำรวย พร้อมทั้งมีความสวยความงามมาชักชวนเขาให้ทำซินา มาชวนให้ทำสิ่งที่ผิดบทบัญญัติศาสนา แต่ชายคนนั้นไม่ทำ เพราะยำเกรงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา กลัวความผิด กลัวความบาป จึงสามารถหักห้ามใจของตัวเองได้ อย่างนี้แหละที่เขาจะมีสิทธิได้รับร่มเงาของอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ

 

คนกลุ่มที่หกที่จะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺคือ  َرَجُلٌ تَصَدَّقَ بِصَدَقَةٍ فَأَخْفَاهَا حَتَّى لَا تَعْلَمَ شِمَالُهُ مَا تُنْفِقَ يَمِيْنُه  ผู้ที่ทำเศาะดะเกาะฮฺ โดยปกปิดไว้

 

           กลุ่มคนที่ทำทาน หรือทำเศาะดะเกาะฮฺ โดยเขาปกปิดมันไว้จนกระทั่งมือซ้ายไม่รู้ว่ามือขวาได้บริจาค ได้ทำบุญอะไรไปบ้าง ทำด้วยความสมัครใจ ทำอย่างลับๆ ทำด้วยความอิคลาศ ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่ปรารถนาให้ใครมารับรู้ว่าเขาเป็นผู้บริจาค ....

           อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่าคนที่บริจาคอย่างลับๆนี้ นอกจากจะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺแล้ว พระองค์ยังทรงลบล้างความผิด ลบล้างบาปให้กับเขา และท่านนบีก็ยังได้บอกว่าการบริจาคอย่างลับๆนั้นสามารถดับความกริ้วโกรธของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ด้วย

 

คนกลุ่มที่เจ็ดที่จะได้รับสิทธิให้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺคือ  َرَجُلٌ ذَكَرَ اللهَ خَالِياً فَفَاضَتْ عَيْنَاه  คนที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ

 

           คือกลุ่มคนที่เมื่อเขารำลึกถึงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่เพียงลำพังด้วยความรัก ความเกรงกลัว ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว น้ำตาของเขาก็ไหลรินออกมา

     อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัตติรมิซีย์ รายงานจากท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมาเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

عَيْنَانِ لَا تَمَسُّهُمَا النَّارُ: عَيْنٌ بَكَتْ مِنْ خَشْيَةِ اللَّهِ، وَعَيْنٌ بَاتَتْ تَحْرُسُ فِي سَبِيلِ اللَّهِ

 

       “ดวงตาสองดวง (หมายถึงบุคคลสองประเภท)ที่ไฟนรกไม่สามารถจะมาแผ้วพานได้ ไม่สามารถที่จะมาย่างกรายเข้าใกล้ได้ คือ

ดวงตาที่ร้องไห้ออกมาอันเนื่องมาจากความเกรงกลัวอัลลอฮฺ

กับอีกดวงตาหนึ่งที่อดหลับอดนอคอยเฝ้าไม่ให้ศัตรูของอิสลามมาย้ำกรายขอบเขตของมุสลิม

คือบรรดาทหาร บรรดาผู้ที่เฝ้ายามในหนทางของอัลลอฮฺ ไม่ให้ศัตรูนั้นเข้ามาทำลายล้างอิสลาม

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย นั่นก็คือกลุ่มคน 7 กลุ่มที่มีสิทธิจะได้รับร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในวันกิยามะฮฺ ...วันที่มีความร้อนแรงของดวงอาทิตย์แผดเผา แล้วเราไม่สามารถที่จะหาร่มเงาใดๆมาผ่อนคลายความร้อนให้กับเราได้เลย ..ระยะเวลารอคอยอันยาวนานถึงห้าหมื่นปีกับความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ที่อยู่ใกล้ๆ อยู่กับน้ำเหงื่อที่ไหลออกมาท่วมตัวเรา จึงเป็นอะไรที่สาหัสสากรรจ์มากๆ

 

           ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาก็คือ บางส่วนของหลักศรัทธาในเรื่องของอิ้ลมุลเฆ็บ ความเร้นลับในวันกิยามะฮฺที่มนุษย์ทุกๆคนต้องประสบอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนเชื้อชาติใด นับถือศาสนาอะไรก็ตาม ทุกคนต้องประสบกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกให้เราทราบ แล้วท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้นำมาตักเตือนเรา เพื่อให้เราได้เตรียมตัวเสียตั้งในโลกดุนยา เพื่อให้เราดำเนินชีวิตไปตามบทบัญญัติศาสนา ทำอะมัลศอลิหฺ ทำอิบาดะฮฺให้มากๆ พยายามทำความชั่ว ฝ่าฝืนบทบัญญัติศาสนาให้น้อยๆ หรือไม่ทำเลย เพื่อที่ในวันกิยามะฮฺ เราจะได้ไม่ต้องยืนมิดอยู่ในน้ำเหงื่อของตัวเอง

 

          ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเร่งขวนขวาย ..หาร่มเงาของอัลลอฮฺมาสะสมไว้ อย่างน้อยๆก็ต้องให้ได้สักร่มเงาหนึ่ง โดยการประพฤติปฏิบัติตนให้มีลักษณะอยู่ในบุคคล 7 กลุ่มนี้ ...เราลองมาพิจารณาตัวเราว่า อยู่ในข่ายของกลุ่มคนเหล่านี้สักกลุ่มหนึ่งไหม ถ้ายังไม่เข้าข่ายอยู่ในกลุ่มไหนเลย ก็ต้องเร่งขวนขวายกันหน่อย ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย สุดท้ายนี้ ขอให้เราได้ตระหนักถึงสิ่งที่เราจะต้องประสบในวันกิยามะฮฺ ...บรรดาอุละมาอ์บอกว่า แท้จริง โลกดุนยาเป็นโลกแห่งการกระทำ เป็นโลกแห่งการลงทุนลงแรง ส่วนโลกอาคิเราะฮฺเป็นโลกแห่งการตอบแทน จะไม่มีการกระทำอีกแล้ว ดังนั้น ในโลกดุนยานี้ ในขณะนี้ เราจงทำอะมัลศอลิหฺ ทำอิบาดะฮฺให้เต็มที่ ทำให้เต็มกำลังความสามารถของเรา พยายามออกห่างจากการฝ่าฝืนบทบัญญัติศาสนา เพื่อที่เราจะได้ประสบความสำเร็จ ได้รับชัยชนะในวันกิยามะฮฺ วันแห่งการฟื้นคืนชีพ

 

 

           อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัตติรฺมีซีย์ รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมาเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«مَنْ سَرَّهُ أَنْ يَنْظُرَ إِلَى يَوْمِ القِيَامَةِ كَأَنَّهُ رَأْيُ عَيْنٍ فَلْيَقْرَأْ : إِذَا الشَّمْسُ كُوِّرَتْ، وَإِذَا السَّمَاءُ انْفَطَرَتْ ، وَإِذَا السَّمَاءُ انْشَقَّتْ»)

 

          “ผู้ใดที่ต้องการเห็นสภาพของวันกิยามะฮฺว่าเป็นเช่นใด ก็จงอ่าน(อัลกุรอาน)ซูเราะฮฺอัชชัมสฺ, ซูเราะฮฺอัลอินฟิฏอร และซูเราะฮฺอัลอินชิก๊อก