ชีวิตเลือดเนื้อ
  จำนวนคนเข้าชม  3598


ชีวิตเลือดเนื้อ

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

         ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา มีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะอัตตักวาหรือความยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอลิหฺต่างๆ 

 

          ซึ่งผลของการที่เรามีอัตตักวา มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺ เราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น

 

         ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ขอให้เราได้ขอบคุณอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ได้ทรงเมตตาเราให้ได้มีชีวิตอยู่จนถึงวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนในปีนี้ และได้พบกับวันอีดิลฟิฏรฺในวันนี้ อีดิลฟิฏรฺเป็นวันแห่งความดีใจสำหรับผู้ที่ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ยอมอดหลับอดนอนเพื่อปฏิบัติอะมัลศอลิหฺ ทำอิบาดะฮฺต่างๆอย่างมากมายด้วยจิตใจที่อิคลาศต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และก็ยังเสียสละทรัพย์สินเงินทองในการทำซะกาต ทำเศาะดะเกาะฮฺ มอบฮะดียะฮฺมากน้อยตามกำลังความสามารถ 

 

           และหลังจากเดือนเราะมะฎอนแล้ว ก็ขอให้เรายังคงปฏิบัติอะมัลต่างๆอย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อยืนยันตัวเองว่า เราได้บรรลุถึงอัตตักวา ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอันเป็นเป้าหมายของการถือศีลอด ขอให้เราขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้เราได้มีโอกาสพบกับเดือนเราะมะฎอนอีกในปีหน้า อินชาอัลลอฮฺ และขอให้เราอย่าลืมการถือศีลอดสุนัต 6 วันในเดือนเชาวาลนี้ ซึ่งจะถือติดกันไปเลยก็ได้ หรือจะถือเว้นวันก็ได้ ซึ่งจะได้รับผลบุญเสมือนกับเราถือศีลอดตลอดทั้งปี นี่ก็คือข้อเสนอของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ได้มอบแก่เรา และทำให้เราได้รับความดีงามจากการปฏิบัติตามแบบซุนนะฮฺท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย วันนี้ เราจะยังอยู่ในเรื่องราวของกระบวนการที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺ ตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงบอกให้เราทราบ เพื่อให้เราได้เตรียมตัวของเราให้พร้อม สำหรับในขั้นตอนของการสอบสวน อัลหะดีษ(เศาะเหียะหฺ )ในบันทึกของอิมามอันนะซาอีย์ รายงานจากท่านอิบนุ มัสอู๊ด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

. "أَوَّلُ مَا يُحَاسَبُ بِهِ الْعَبْدُ الصَّلاَةُ وَأَوَلُ مَا يُقْضَى بَيْنَ النَّاسِ فِى الدِّمَاءِ".

 

     “สิ่งแรกที่บ่าว(ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา)จะถูกสอบสวน(ในเรื่องระหว่างอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลากับตัวเรา)ก็คือ (เรื่องของ)การละหมาด

      และสิ่งแรกที่บ่าว(ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา)จะถูกตัดสินระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็คือ (เรื่องของ)ชีวิตเลือดเนื้อ

 

          นั่นก็คือ ในวันกิยามะฮฺ เราจะถูกสอบสวนในเรื่องต่างๆที่เราประพฤติปฏิบัติไว้ในโลกดุนยา ซึ่งเรื่องที่เราจะถูกสอบสวนเป็นเรื่องแรกในส่วนที่เป็นเรื่องของฮักกุลลอฮฺ ก็คือเรื่องของการละหมาด สำหรับในส่วนของฮักกุลอาดัม เรื่องแรกที่เราจะถูกสอบสวนก่อนก็คือ เรื่องของชีวิตเลือดเนื้อ

 

     เรื่องของการละหมาดก็ได้พูดไปแล้ว สำหรับวันนี้จะพูดในส่วนของ الدِّمَاءِ ชีวิตเลือดเนื้อ

 

          เรื่องของชีวิตเลือดเนื้อหมายถึง การที่เรามีความตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นเขาบาดเจ็บจนเลือดตกยางออก หรือการมีความตั้งใจที่จะฆ่าผู้อื่น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งของบาปใหญ่

 

          บาปใหญ่ หมายถึง บาปที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกำหนดบทลงโทษเอาไว้แล้ว ซึ่งบทลงโทษในอาคิเราะฮฺจะเป็นบทลงโทษที่รุนแรงสาหัสสากรรจ์ บทลงโทษอาจจะได้รับตั้งแต่ในโลกดุนยานี้ เช่น บาปที่เป็นการเนรคุณต่อพ่อแม่ ทำไม่ดีต่อพ่อแม่ ก็จะโดนลงโทษตั้งแต่ในดุนยานี้ 

     หรือ บทลงโทษของบาปใหญ่อาจจะเป็นบทลงโทษที่ถูกสัญญาว่าจะได้รับในโลกอาคิเราะฮฺ

     หรือ บทลงโทษ การที่ทำให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงโกรธกริ้ว หรือเป็นการละอ์นะฮฺ คือถูกขับไล่ให้ออกจากความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่รุนแรง หนักหนาสาหัสสากรรจ์เช่นกัน ไม่มีสิ่งใดที่จะมาลบล้างบาปใหญ่ได้นอกจากการเตาบะฮฺตัวเท่านั้น

 

          ส่วน บาปเล็ก หมายถึงบาปที่นอกเหนือจากบาปใหญ่ เป็นบาปที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาไม่ได้ทรงกำหนดบทลงโทษไว้ แต่เป็นเรื่องที่ไปฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนา ทำแล้วถือว่ามีความผิด แต่สามารถลบล้างได้ด้วยการทำความดีทดแทน หรือทำอิบาดะฮฺติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำบาปใหญ่ด้วย

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในส่วนของชีวิตเลือดเนื้อนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงสั่งไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอันอาม ส่วนท้ายของอายะฮฺที่ 151 ว่า

 

وَلَا تَقْتُلُوا النَّفْسَ الَّتِي حَرَّمَ اللَّهُ إِلَّا بِالْحَقِّ ۚ

 

“...และอย่าฆ่าชีวิตที่อัลลอฮ์ทรงห้ามไว้ นอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรมเท่านั้น...”

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งเราว่า ห้ามฆ่าทุกๆคน  นอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรม หมายถึงด้วยเหตุอันสมควรตามบทบัญญัติศาสนา

 

อะไรบ้างที่เป็นเหตุอันสมควรตามบทบัญญัติศาสนา

      1. หญิงที่แต่งงานแล้วแต่ไปทำซินา บทลงโทษคือถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย

     2. การฆ่าชีวิตให้ตายตามกัน หรือที่เรียกว่า การกิศอศ แต่คนที่จะมีสิทธิทำการกิศอศในกรณีอย่างนี้ได้ ต้องเป็นผู้นำ เป็นผู้ปกครองและปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของบทบัญญัติศาสนาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นใครๆก็ทำได้

     3. คนที่ตกเป็นมุรตัดออกนอกศาสนา

 

          อัลหะดีษในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอิบนิ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่าท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็ฮลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

عَنِ ابْنِ مَسْعُودٍ - رضي الله عنه - قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ : لَا يَحِلُّ دَمُ امْرِئٍ مُسْلِمٍ; يَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، وَأَنِّي رَسُولُ اللَّهِ، إِلَّا بِإِحْدَى ثَلَاثٍ: الثَّيِّبُ الزَّانِي، وَالنَّفْسُ بِالنَّفْسِ، وَالتَّارِكُ لِدِينِهِ; الْمُفَارِقُ لِلْجَمَاعَةِ. مُتَّفَقٌ عَلَيْهِ

 

     “ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับเลือดของมุสลิม ที่กล่าวปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั้งสิ้นที่ถูกเคารพอิบาดะฮฺ นอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น และฉันเป็นเราะซูลของอัลลอฮฺ นอกจากหนึ่งในสามประการคือ 

(1) หญิงที่แต่งงานแล้วทำซินา 

(2) ชีวิตด้วยชีวิต 

(3) ผู้ที่ละทิ้งศาสนา(อิสลาม)ของเขาโดยแยกตัวออกไปจากญุมอะฮฺ

 

     นอกจาก 3 กรณีนี้แล้ว เป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้ามทั้งสิ้น ถ้าใครไปทำเข้า จะได้รับการลงโทษที่รุนแรง

 

     ♣ ในกรณีของคนที่ตั้งใจฆ่ามุสลิมผู้ศรัทธา บทลงโทษของเขามีอะไรบ้าง ?

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 93 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

وَمَن يَقْتُلْ مُؤْمِنًا مُّتَعَمِّدًا فَجَزَاؤُهُ جَهَنَّمُ خَالِدًا فِيهَا وَغَضِبَ اللَّهُ عَلَيْهِ وَلَعَنَهُ وَأَعَدَّ لَهُ عَذَابًا عَظِيمًا

 

และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยตั้งใจ ผลตอบแทนที่เขาจะได้รับก็คือ 

(1)เข้าไปอยู่ในนรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล 

(2)และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา 

(3)และทรงละอ์นะฮฺเขา (คือขับไล่เขาให้ออกจากความเมตตาของพระองค์

(4)และได้ทรงเตรียมการลงโทษอันใหญ่หลวงแก่พวกเขา

 

     ♣ ส่วนในกรณีของคนที่ตั้งใจฆ่าผู้ปฏิเสธศรัทธาที่อยู่ในการคุ้มครองของมุสลิม หรืออยู่ในบ้านเมืองของมุสลิมก็มีบทลงโทษเช่นกัน

     อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์ รายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัมร์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า

 

«مَـنْ قَتَلَ مُعَاهَداً لَـــمْ يَرَحْ رَائِحَةَ الجَنَّةِ وَإنَّ رِيحَهَا يُوجَدُ مِنْ مَسِيرَةِ أَرْبَـعينَ عَاماً».

 

     “ผู้ใดที่ได้ฆ่าผู้ปฏิเสธศรัทธาที่เป็นคู่สัญญากับมุสลิม เขาจะไม่ได้รับกลิ่นหอมของสวนสวรรค์ แท้จริงกลิ่นหอมของสวนสวรรค์จะแผ่กระจายถึงระยะทาง 40 ปีของการเดินทาง"

(แสดงว่า เขาจะอยู่ห่างไกลจากสวรรค์ โอกาสที่จะได้เข้าสวรรค์มีน้อยมากหรือไม่มีเลย)

 

          ซึ่งในกรณีของคนที่ทำระเบิดพลีชีพ ที่เราได้ยินข่าวในประเทศตะวันออกกลาง อย่างนี้ก็นับว่าอันตราย เพราะคนที่ทำระเบิดพลีชีพจะเข้าข่ายถึง 3 กรณี คือ ถ้าคนที่เสียชีวิตมีทั้งมุสลิมและผู้ปฏิเสธศรัทธาที่อาศัยอยู่ในประเทศมุสลิม คนที่ทำระเบิดพลีชีพจะได้รับโทษใน 2 กรณีนี้แล้ว เขายังได้รับโทษจากการฆ่าตัวตายอีกด้วย เพราะการฆ่าตัวตายก็เป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตาอาลาทรงห้ามเช่นกัน

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 29 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

وَلَا تَقْتُلُوا أَنْفُسَكُمْ إِنَّ اللَّهَ كَانَ بِكُمْ رَحِيمًا

 

และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้า แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ

 

      อัลหะดีษในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านซาบิต อิบนุ อัฎเฎาะหาก عَنْ ثَابِتِ بْنِ الضَّحَّاكِ الْأَنْصَارِيِّ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

وَمَنْ قَتَلَ نَفْسَهُ بِشَيْءٍ عَذَّبَهُ اللهُ بِهِ فِي نَارِ جَهَنَّمَ

 

"และผู้ใดฆ่าตัวตายด้วยวิธีหนึ่งวิธีใด อัลลอฮฺจะทรงลงโทษเขาด้วยวิธีดังกล่าวในนรกญะฮันนัม"

 

     อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอบูหุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

" مَنْ قَتَلَ نَفْسَهُ بِحَدِيدَةٍ فَحَدِيدَتُهُ فِي يَدِهِ يَتَوَجَّأُ بِهَا فِي بَطْنِهِ فِي نَارِ جَهَنَّمَ خَالِدًا فِيهَا أَبَدًا، وَمَنْ شَرِبَ سَمًّا فَقَتَلَ نَفْسَهُ فَهُوَ يَتَحَسَّاهُ فِي نَارِ جَهَنَّمَ خَالِدًا مُخَلَّدًا فِيهَا أَبَدًا، وَمَنْ تَرَدَّى مِنْ جَبَلٍ فَقَتَلَ نَفْسَهُ فَهُوَ يَتَرَدَّى فِي نَارِ جَهَنَّمَ خَالِدًا مُخَلَّدًا فِيهَا أَبَدًا ".

 

ใครฆ่าตัวตายด้วยเหล็ก (ในวันกิยามะฮฺ)เหล็กนั้นก็จะมาทิ่มแทงท้องของเขาด้วยมือของเขาเองในนรกอย่างตลอดกาล ...

ใครฆ่าตัวตายด้วยยาพิษ (ในวันกิยามะฮฺ)เขาก็จะดื่มมันในนรกอย่างตลอดกาล ...

ใครฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดจากภูเขา (ในวันกิยามะฮฺ)เขาก็จะกระโดดอยู่อย่างนั้นในนรกอย่างตลอดกาล

 

     ดังนั้น ใครฆ่าตัวตายวิธีใด เขาก็จะได้รับอย่างนั้นในวันกิยามะฮฺอย่างตลอดกาล

 

     ♣ ในส่วนของผู้ศรัทธาที่ได้ฆ่าผู้ศรัทธาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเป็นการป้องกันตัว หรือปกป้องครอบครัวของเขา หรืออื่นๆ บทลงโทษของเขาเป็นอย่างไร ?

     ในซูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 92 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

وَمَا كَانَ لِمُؤْمِنٍ أَن يَقْتُلَ مُؤْمِنًا إِلَّا خَطَأً ۚ وَمَن قَتَلَ مُؤْمِنًا خَطَأً فَتَحْرِيرُ رَقَبَةٍ مُّؤْمِنَةٍ وَدِيَةٌ مُّسَلَّمَةٌ إِلَىٰ أَهْلِهِ إِلَّا أَن يَصَّدَّقُوا ۚ فَإِن كَانَ مِن قَوْمٍ عَدُوٍّ لَّكُمْ وَهُوَ مُؤْمِنٌ فَتَحْرِيرُ رَقَبَةٍ مُّؤْمِنَةٍ ۖ وَإِن كَانَ مِن قَوْمٍ بَيْنَكُمْ وَبَيْنَهُم مِّيثَاقٌ فَدِيَةٌ مُّسَلَّمَةٌ إِلَىٰ أَهْلِهِ وَتَحْرِيرُ رَقَبَةٍ مُّؤْمِنَةٍ ۖ فَمَن لَّمْ يَجِدْ فَصِيَامُ شَهْرَيْنِ مُتَتَابِعَيْنِ تَوْبَةً مِّنَ اللَّهِ ۗ وَكَانَ اللَّهُ عَلِيمًا حَكِيمًا

 

     “และไม่ใช่วิสัยของผู้ศรัทธาที่จะฆ่าผู้ศรัทธาคนหนึ่งคนใด (มุสลิมจะไม่ฆ่ามุสลิม)นอกจากด้วยความผิดพลาดเท่านั้น (ก็คือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนา)

     และผู้ใดที่ฆ่าผู้ศรัทธาด้วยความผิดพลาดแล้ว ก็ให้เขา(ผู้ฆ่า)ปล่อยทาสหญิงผู้ศรัทธาคนหนึ่งให้เป็นไท และให้มอบค่าทำขวัญแก่ครอบครัวของผู้ที่ถูกฆ่า นอกจากว่าครอบครัวของพวกเขา(ผู้ที่ถูกฆ่า)จะทำทานให้เท่านั้น (ก็คือ ไม่รับ)

 

          แต่ถ้าหากเขาอยู่ในหมู่ชนที่เป็นศัตรูของพวกเจ้า โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา(ผู้ที่ถูกฆ่าเป็นผู้ศรัทธาอยู่ภายใต้การปกครองของผู้ปฏิเสธศรัทธา)ก็ให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่งให้เป็นไท (โดยไม่ต้องเสียค่าทำขวัญ)

 

     "และถ้าเขา(ผู้ที่ถูกฆ่า)อยู่ในหมู่ชนที่มีพันธสัญญา ระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขาแล้ว (ผู้ปกครองของผู้ที่ถูกฆ่าเป็นผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมหรือมีพันธสัญญากับมุสลิม) ก็ให้มอบค่าทำขวัญแก่ครอบครัวของเขา และให้มีการปล่อยทาสหญิงผู้ศรัทธาคนหนึ่ง 

     ผู้ใดที่ไม่พบทาสหญิงผู้ศรัทธา หรือไม่มีทาส ก็ให้เขาถือศีลอดสองเดือนติดต่อกัน (ถ้าหากขาดช่วงก็ต้องเริ่มใหม่) เป็นการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ และแท้จริง อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ

 

     นี่ก็คือบทบัญญัติที่มาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่เราต้องให้ความสำคัญ อย่าไปมองว่าล้าหลัง ไม่ทันสมัยอย่างเด็ดขาด

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เรื่องของชีวิตเลือดเนื้อรวมถึงเด็กที่ถูกฆ่าตายทั้งเป็น ไม่ว่าจะเนื่องจากสาเหตุอะไรก็ตาม ทั้งหมดต้องถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺเช่นกัน

 

     อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์ อิมามมุสลิม รายงานจากท่านอับดิลลาฮฺ อิบนิ มัสอู๊ด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ถูกถามว่า บาปอย่างไหนรุนแรงที่สุด หนึ่งในคำตอบของท่านเราะซูลุลลอฮฺก็คือ

 

«ثُمَّ أَنْ تَقْتُلَ وَلَدَكَ خَشْيَةَ أَنْ يَأْكُلَ مَعَكَ».

 

การที่ท่านฆ่าลูกของท่าน อันเนื่องมาจากกลัวว่าจะมากินอาหารกับท่าน (จะมาแย่งอาหารกิน ก็คือกลัวความยากจน)

 

หรือแม้แต่เรื่องของการทำแท้งก็อยู่ในกรณีนี้เช่นเดียวกัน

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ทั้งหมดที่พูดมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งในเรื่องของ  الدِّمَاءِ  ชีวิตเลือดเนื้อ ที่เราไปกระทำต่อคนอื่น พอไปถึงในวันกิยามะฮฺ เรื่องของฮักกุลอาดัม เราต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเตือนถึงการลงโทษที่จะได้รับ เตือนเพื่อที่เราจะได้ระมัดระวังตัวเรา ไม่ไปทำในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้าม 

 

         เมื่อเราไม่ทำ ในวันกิยามะฮฺ เราจะผ่านการสอบสวนในเรื่องนี้ไปอย่างสบาย ...แต่ถ้าใครทำเรื่องนี้แล้ว เขาจะได้รับโทษตามแต่กรณี ซึ่งในวันกิยามะฮฺ เขาจะถูกเพิ่มโทษเป็นสองเท่า และอยู่ในนรกอย่างอัปยศอดสู เว้นแต่ว่า เขาต้องรีบเตาบะฮฺตัวต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเสียตั้งแต่ในดุนยานี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปถูกลงโทษในวันกิยามะฮฺ

 

     ในซูเราะฮฺอัลฟุรกอนอายะฮฺที่ 69 - 70 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

يُضَاعَفْ لَهُ الْعَذَابُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَيَخْلُدْ فِيهِ مُهَانًا ( 69 )

 

     “การลงโทษในวันกิยามะฮฺจะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนรกนั้นอย่างอัปยศอดสู"

 

إِلَّا مَن تَابَ وَآمَنَ وَعَمِلَ عَمَلًا صَالِحًا فَأُولَٰئِكَ يُبَدِّلُ اللَّهُ سَيِّئَاتِهِمْ حَسَنَاتٍ ۗ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا ( 70 )

 

     “เว้นแต่ผู้ที่เตาบะฮฺ กลับเนื้อกลับตัว และมีศรัทธา(ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา) พร้อมทั้งประกอบอะมัลศอลิหฺการงานที่ดี 

     เขาเหล่านี้แหละ อัลลอฮฺจะทรงเปลี่ยนบาปของพวกเขาให้เป็นความดี และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

 

         สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงคุ้มครองเราให้เป็นผู้ที่ดำรงรักษาคำสั่งของพระองค์อย่างเคร่งครัด เพื่อที่ในวันกิยามะฮฺ เราจะได้รับการสอบสวนอย่างง่ายดาย รวดเร็ว และได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

 

จากมัสยิด ดารุ้ลอิห์ซาน