ไม่อยากเหนื่อยฟรี !
  จำนวนคนเข้าชม  2999


ไม่อยากเหนื่อยฟรี !

โดย อาจารย์อีซา ภู่เอี่ยม

 

          การใช้ชีวิตของเราในโลกใบนี้ มักจะได้ยินพูดกันเสมอว่าเต็มไปด้วยความยากลำบาก จากการต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว ต้องเรียนรู้ ต้องทำงาน เพื่อหาปัจจัยในการดำรงชีพ บางคนอยากมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ ให้เหมือนๆ กับคนอื่นหรือมากกว่าคนอื่น เขามีอะไร เราต้องมีสิ่งนั้นให้เหมือนเขาก็เลยต้องหาหนทางเพื่อให้ได้เงินมา เพื่อสนองความต้องการ ความอยากได้อยากมี จนเกือบไม่มีเวลาพักผ่อน กินอยู่หลับนอนไม่เป็นเวลา เหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก ร่างกายยังสู้ไหวก็ดีไป แต่ถ้าสู้ไม่ไหวล้มป่วย ก็ต้องรักษา หมดมากหมดน้อยก็ว่ากันไป

 

ถาม : ว่าผิดไหมที่ทำแบบนี้

 

           ตอบ ; ว่าไม่ผิด หรือผิด ก็ขึ้นอยู่กับว่า สิ่งที่ทำนั้น อยู่ในขอบเขตที่อิสลามกำหนดไว้หรือไม่ ถ้าอาชีพหรือการแสวงหาปัจจัย หรือความเป็นอยู่ออกนอกแบบ หรืออกนอกขอบเขตที่อิสลามกำหนด อันนี้มีปัญหา เป็นอันตราย และเหนื่อยฟรี แน่นอน 

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาว ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลกะฮ์ฟฺ อายะฮฺที่ 103 – 104 ว่า

 

     “จงกล่าวเถิดว่า (มุฮัมมัด) จะเอาไหม? เราจะแจ้งแก่พวกเจ้าถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่งในการงาน คือ บรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญเปล่า ในการมีชีวิตในโลกนี้ และพวกเขาคิดว่า แท้จริง พวกเขาได้ปฏิบัติดี (ถูกต้อง) แล้ว

(อัลกะฮ์ฟฺ 18 : 103 – 104)

 

          คำสอนที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงใช้ให้มนุษย์กระทำนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีมีคุณค่า มีประโยชน์ต่อตัวมนุษย์เองทั้งสิ้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า หากว่าเขาได้ยึดมั่น และหมั่นฝึกฝน คิด พูดทำให้เป็นประจำ และตระหนักเสมอว่า ทุกคำสอนนั้น นำไปสู่ผลที่ดีงาม คือ การมีชีวิตที่มีความสุขในโลกนี้ ไม่หนักอกหนักใจ ไม่ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องตามล้างตามแก้ และไม่ตกอยู่ในข่ายของความขาดทุนอย่างแน่นอน และสิ่งที่จะได้รับเป็นรางวัล อันเป็นยอดปรารถนาของมุสลิม มุอฺมินทุกคนที่ปฏิบัติได้เช่นนี้คือการได้รับความพอพระทัยจากพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

     “ขอสาบานด้วยเวลาอัศริ (เวลาเย็น) ว่ามนุษย์ทั้งผอง อยู่ในข่ายของความขาดทุน เพราะลุ่มหลงในโลกีย์

     ยกเว้นคนที่มีศรัทธาตามหลักอิสลามและประกอบคุณงามความดีตามที่อัลลอฮฺทรงกำหนด

     และได้สั่งเสียกันและกัน ให้ยึดมั่นต่อหลักสัจธรรม และสั่งเสียกันและกัน ให้ยึดมั่นต่อหลักขันติธรรมเท่านั้น

(อัลอัศริ 103 : 1-3)

 

          จะเห็นได้ว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงสาบานต่อเวลาอัศริ (เวลาเย็น) เพื่อยืนยันว่า มนุษย์นั่น เหนื่อยแน่ ขาดทุนแน่ หากเขาลุ่มหลงหรือปล่อยตัวปล่อยใจตามอารมณ์ เพื่อหาความสุขสมหวังในโลกใบนี้ โดยไม่คำนึงถึงคำสอนตามหลักอิสลาม เว้นเสียแต่ว่า

1. มีศรัทธาตามหลักอิสลาม

2. ประกอบความดีตามที่อัลลอฮฺทรงกำหนด

3. สั่งเสียกันและกัน ให้ยึดมั่นต่อหลักสัจธรรม

4. สั่งเสียกันและกัน ให้ยึดมั่นต่อหลักขันติธรรม

 

อีกอายะฮฺหนึ่ง พระองค์ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลกะฮ์ฟฺ อายะฮฺที่ 110 ว่า

 

     “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริง ฉันนั้นเป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่งเยี่ยงพวกท่าน มีวะฮีแก่ฉันว่า แท้จริง พระเจ้าของพวกท่านนั้น คือ พระเจ้าองค์เดียว

     ดังนั้น ผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี และอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย

(อัลกะฮ์ฟฺ 18 : 110)

 

     เพราะฉะนั้น ผู้ใดหวังที่จะได้รับผลบุญการตอบแทน และกลัวการลงโทษของพระองค์ ต้องปฏิบัติ ดังนี้ 

1. ต้องเชื่อมั่นว่า พระเจ้ามีองค์เดียว คือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

2. ต้องอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระองค์

3. ต้องประกอบการงานที่ดีตามที่อัลลอฮฺกำหนด

 

ต่อมา พระองค์ก็มีคำสอนไว้ในซูเราะฮฺเดียวกันนี้ อายะฮฺที่ 107 ว่า

 

     “แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบคุณงามความดี สำหรับพวกเขานั้น คือ สวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาว์สฺ (สวรรค์ชั้นสูงสุด และยอดเยี่ยมที่สุด) เป็นที่พำนัก

(อัลกะฮ์ฟฺ 18 : 107)

 

          ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะปฏิบัติตามคำสอนของอิสลามได้หรือไม่ อยู่ที่ตัวคุณเองว่า มีศรัทธาอย่างแท้จริง และมีความจริงใจต่ออัลลอฮฺหรือเปล่า ได้มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ยอมรับคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามที่อิสลามกำหนด และประพฤติปฏิบัติตามด้วยความยินดีหรือเปล่า มีความสม่ำเสมอหรือไม่

 

          อิสลามได้ให้ความสำคัญต่อหัวใจ หรือจิตใจ หากจิตใจดี ก็จะทำให้อย่างอื่นดีตาม อย่างอื่นที่ว่าก็คือ สมองก็คิดดี ร่างกายก็ปฏิบัติดี นิสัยก็ดี มีจรรยามารยาท ท้ายที่สุด ตัวตนของคุณก็จะเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม และเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไปว่าเป็นคนดี เป็นที่เคารพนับถือ แต่ถ้าหัวใจ หรือจิตใจมีแต่ความไม่ดี ก็ส่งผลให้อย่างอื่นไม่ดีไปด้วย สมองก็คิดและมีแต่สิ่งไม่ดี คำพูดก็พูดไปตามความคิดที่ไม่ดีนั้น แล้วที่สุดก็ทำสิ่งไม่ดีนั้น จะเป็นภัยต่อตัวเอง ต่อสังคม พากันเดือดร้อนไม่รู้จักหยุด เพราะหัวใจและจิตใจคิด หรือมีแค่สิ่งไม่ดี

 

ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีคำสอนในเรื่องหัวใจ หรือจิตใจไว้ว่า

     “พึงทราบเถิดว่า แท้จริง ในร่างกายนั้น มีเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง เมื่อเนื้อก้อนนี้ดี ร่างกายก็ดีตาม แต่ถ้าเนื้อก้อนนี้เสีย ร่างกายก็เสียตาม เนื้อก้อนนั้นก็คือ หัวใจ

(บันทึกโดย อิมาม มุสลิม)

 

          หัวใจในที่นี้ ข้าพเจ้าหมายถึง คือจิตใจถ้าจิตใจดี คิดดี ทำดี ตัวตนของคุณก็จะเป็นที่ยอมรับของสังคมว่า คุณ คือ คนดีแต่ถ้าจิตใจไม่ดี คิดไม่ดี ทำสิ่งไม่ดี นิสัยไม่ดี สิ่งที่เป็นตัวตนของคุณในสภาพอย่างนี้ สังคมจะไม่ยอมรับแน่นอน แล้วเมื่อนั้น ความวุ่นวายก็จะเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน 

 

          ถ้าสิ่งไม่ดีที่คุณพูดไป ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่สบายใจ หรือได้รับความเสียหาย อาจถูกฟ้องร้องต้องโดนกฎหมายบ้านเมืองเอาผิด ถ้าสิ่งไม่ดีที่คุณทำ ลักเล็กขโมยน้อย ทำร้ายตบตี ข้าฟันผู้อื่น ก็ต้องถูกฟ้องรองเอาผิด หนีไม่พ้นกฎหมายแน่นอน

 

          เพราะฉะนั้น จิตใจจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดตามคำสอนของอิสลาม ห้ามยึดติด หรือให้ความสำคัญกับอย่างอื่นจนเกินขอบเขตที่อิสลามกำหนด ทุกเรื่องที่จะคิด จะทำ หรือแม้แต่นิสัยใจคอ ก็ต้องให้อยู่ในขอบเขตที่อิสลามกำหนด แล้วคุณจะไม่ขาดทุน ไม่เหนื่อยฟรี

 

1. เชื่อมั่นต่ออัลลอฮฺ ไม่เหนื่อย } เชื่อคนอื่น เหนื่อย

2. ตามหน้าที่ ไม่เหนื่อย } เอาหน้า เหนื่อย

3. จริงใจ ไม่เหนื่อย } เสแสร้ง เหนื่อย

4. สร้างมิตร ไม่เหนื่อย } สร้างศัตรู เหนื่อย

5. เอื้ออาทร ไม่เหนื่อย } เห็นแก่ตัว เหนื่อย

6. มิตรภาพ ไม่เหนื่อย } ผิดใจกัน เหนื่อย

7. ตรงไปตรงมา ไม่เหนื่อย } ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เหนื่อย

8. ยิ้มง่าย ไม่เหนื่อย } โกรธง่าย เหนื่อย

9. เจ็บกาย ไม่เหนื่อย } เจ็บใจ เหนื่อย

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 16 มกราคม 2559