ความผาสุกที่แท้จริง(อยู่ไม่ไกล)
  จำนวนคนเข้าชม  2139


ความผาสุกที่แท้จริง(อยู่ไม่ไกล)

 

โดย... อบู อับดุลอาซีซ

 

          โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ และข้อห้ามต่างๆ ของพระองค์ เราขอซุกุรต่ออัลลอฮฺ ที่ทำให้เราเป็นมุสลิม มุอฺมินผู้ศรัทธา และขอต่อพระองค์ให้เราตาย ในสภาพเช่นนี้ เราขอปฏิญาณว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า มุฮัมมัดเป็นบ่าว และร่อซูลของพระองค์ที่ถูกส่งมายังประชาชาตินี้ เพื่อนำมนุษย์ออกจากแนวทางที่หลงผิดสู่แนวทางแห่งแสงสว่าง และฮิดายะฮฺของพระองค์

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในคุตบะฮฺวันนี้จะขอนำเสนอในเรื่องของความผาสุกที่แท้จริง ซึ่งเราและท่านทั้งหลายมีความเข้าใจกันอย่างไร?

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวเรื่องนี้ไว้ในซูเราะฮฺ อัลอัมฟาล อายะฮฺที่ 24 ว่า

 

     “บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงตอบรับอัลลอฮฺ และร่อซูลเถิด

     เมื่อเขาได้เชิญชวนพวกท่านไปสู่สิ่งที่ทำให้พวกท่านนั้นมีชีวิตชีวาขึ้น

(อัลอัมฟาล 8 : 24)

 

ในซูเราะฮฺตอฮา อายะฮฺที่ 123 – 124 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

     “และผู้ใดปฏิบัติตามคำแนะนำของข้า เขาก็จะไม่หลงผิดและไม่ได้รับความยากลำบาก

     และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงข้า สำหรับเขาคือการมีชีวิตอยู่ที่คับแคบ

(ฏอฮา 20 : 123 – 124)

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จากอายะฮฺที่ได้กล่าวมาข้างต้น ผู้ใดปฏิบัติตามทางนำที่ถูกต้อง เขาก็จะไม่หลงทางในโลกดุนยานี้ และได้รับความผาสุกในโลกหน้า (อาคิเราะฮฺ) ส่วนที่ผินหลังให้จากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ เขาก็จะได้รับการมีชีวิตอยู่ที่คับแคบ ถึงแม้ภายนอกของเขาจะมีความสุขสบายก็ตาม

          จากรายงานของอบูฮุรอยเราะฮฺ ได้กล่าวว่า ความเป็นอยู่ที่คับแคบในดุนยา ไม่มีความอบอุ่นใจ มีแต่ความกระวนกระวายในจิตใจเพราะเขาหลงทาง ถึงแม้ว่าเขาอาจได้รับความเมตตาที่ชัดเจนบ้าง จะแต่งกาย จะกินจะดื่ม ตามอำเภอใจก็ตาม แต่ทว่า ภายในจิตใจของเขาไม่มีความเชื่อมั่น และได้รับทางนำที่แท้จริง กล่าวคือ จิตใจของเขามีแต่ความเคลือบแคลงสงสัย ด้วยเหตุนี้แหละ เขาจึงมีความเป็นอยู่ที่คับแคบในโลกดุนยานี้

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างมนุษย์มา มีทั้งจิตใจและร่างกาย และทำให้มนุษย์ได้พักผ่อน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีจิตใจที่นอบน้อม เมื่อเขาทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ และนำเอาบทบัญญัติของอัลลอฮฺมาใช้ จิตใจของมนุษย์ก็จะสงบ มีความอบอุ่น และได้รับความผาสุก

 

          ความสุขสำราญนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เรียกร้อง และมีความปรารถนา แต่ทว่า เขาแสวงหามันไม่ถูกทาง สาเหตุดังกล่าวก็คือ เมื่อเขาผินหลังให้จากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และบทบัญญัติของพระองค์ ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาจะคับแคบในทุกๆ ทาง ภายในจิตใจของเขานั้นมีแต่ความชั่วร้าย โศกเศร้า จึงทำให้หัวใจของเขานั้นหยุดเต้น เพราะอัลลอฮฺทรงปิดบังหัวใจของเขา หากเขาไม่ได้กระทำในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้

ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

และผู้ใดที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของข้า เขาก็จะไม่ได้รับความยากลำบาก

(ตอฮา 20 : 123)

 

          หมายถึง ชีวิตความเป็นอยู่ในดุนยา จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับความผาสุกทั้งกายและใจ ซึ่งไม่มีสิ่งใดจะมาเทียบเท่า เพราะว่าจิตใจของเรารู้ว่าใครคือพระเจ้าของเขา มีความเสียสละ และดำรงไว้ซึ่งการเคารพภักดีต่อพระองค์ เขาจึงมีความอบอุ่นใจ และมีความผาสุกจนกระทั่งกลายเป็นชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

     “ผู้ใดปฏิบัติความดี ไม่ว่าจะเป็นเพศชาย หรือเพศหญิงก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา

     ดังนั้น เราจะให้เขาดำเนินชีวิตที่ดี และแน่นอน เราจะตอบแทนพวกเขา ซึ่งรางวัลของพวกเขาที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้

(อันนะฮฺลฺ 16 : 97)

 

          ในอายะฮฺดังกล่าว ชี้ให้เราเห็นว่า ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺจะให้เขาได้รับความพอใจในการดำรงชีวิต และได้รับริสกีที่ฮะลาล และความสำเร็จแห่งการงานที่ดียิ่งกว่าในโลกนี้ให้แก่พวกเขา ที่พวกเขาได้กระทำไว้ในโลกดุนยานี้

          พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย มุอฺมินที่เชื่อฟัง และทำอิบาดะฮฺเพื่ออัลลอฮฺ เขาจะมีความรู้สึกได้รับเมตตา ในการเชื่อฟัง และปฏิบัติตามต่ออัลลอฮฺอย่างต่อเนื่อง ไฉนเล่าเขาจะไม่ได้รับความผาสุก เพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในบรรดาบ้านของอัลลอฮฺ อ่านอัลกุรอาน รำลึกถึงอัลลอฮฺ บรรดามลาอิกะฮฺก็มานั่งร่วมวงกับเขา 

          ดังนั้น ผู้ที่เป็นมุอฺมิน ความผาสุกทางด้านจิตใจจึงไม่มีสิ่งใดจะมาเทียบเท่า ถึงแม้ว่าเขาจะมีทรัพย์สินเงินทองที่น้อยนิด หรือการดำรงชีวิตที่ยากเข็ญก็ตาม นี่แหละเสียงเพลง เสียงดนตรี บั้นปลายของพวกเขา คือ การขาดทุน และผู้ที่ฝ่าฝืน โดยที่พวกเขาตอบสนองอารมณ์ความใคร่ของเขา 

ในซอเฮี๊ยะฮฺอิมามบุคอรีย์ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

     “ทาสเหรียญทอง เหรียญเงิน และทาสของเสื้อไหม (เครื่องแต่งกายประจำตำแหน่ง) ได้พินาศแล้ว

     หากพวกเขาพอใจ ก็ปิติยินดี และหากพวกเขาไม่พอใจ ก็จะโกรธกริ้ว

 

          จากฮะดิษดังกล่าว เป็นการสาปแช่งคนเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย และเลวร้าย เพราะพวกเขาไม่ได้เคารพอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจัง แต่พวกเขาบูชาเงินและทอง โดยที่ฮะดิษได้กล่าวว่า

          เจ้าของผู้ครอบครองเงินทองเท่ากับว่า คนที่เป็นทาส (อับดุน) เพื่อเป็นการแจ้งให้รู้ว่า เขาจมปลักอยู่กับเงินและทอง และทรัพย์สมบัติที่ตนใฝ่ฝันอยู่ ซึ่งนำมาสู่ความกระวนกระวายใจ ไม่มีที่สิ้นสุด มีความทุกข์ยากแสนเข็ญ ก็เพราะว่าหัวใจของมนุษย์ ได้ว่างเปล่าจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺก็จะหันไปสู่ความลุ่มหลง และความยากในเรื่องของดุนยา ไม่รู้จักจบจักสิ้น เขาจึงไม่พบกับการได้รับรสชาติความหอมหวาน ของความผาสุกที่แท้จริง มีความกลัดกลุ้ม ทุรนทุราย เศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา 

      ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงข้า แท้จริง สำหรับเขาคือ การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่คับแค้น

(ฏอฮา 20 : 124)

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ใครก็ตามที่ห่างไกลจากการละหมาด จากแนวทางของอัลกุรอาน และซุนนะฮฺแล้ว เขาก็จะไม่พบกับรสชาติของความหวานหอมในการดำรงชีวิตของเขา ทั้งๆ ที่เขามีสิ่งอำนวยประโยชน์อย่างครบถ้วนก็ตาม

ท่านฮาซัน อัลบะศอรีย์ ได้กล่าวว่า 

     “ท่านทั้งหลาย จงแสวงหาความหวานหอมในสามประการ คือ

      1. การกระทำละหมาด 2. การรำลึกถึงอัลลอฮฺ 3. การอ่านอัลกุรอาน

     หากท่านได้กระทำมัน ก็เป็นสิ่งที่ดีเลิศ หากท่านละเลย ก็พึงรู้เถิดว่าประตูแห่งความผาสุกนั้นถูกปิดกั้นแก่ท่าน

 

          นักวิชาการบางท่าน ได้กล่าวว่า ไม่มีความผาสุกอันใดในดุนยาที่หลงเหลืออยู่ นอกจาก สามประการ คือ การละหมาดกิยามุลลัยลฺ (การละหมาดในเวลากลางดึก) การพบปะพี่น้องของเขา การร่วมละหมาดญะมาอะฮฺ

 

          อิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้กล่าวว่า แท้จริง โลกดุนยานั้น คือ สวนสวรรค์อย่างหนึ่ง ใครไม่ได้เข้ามัน เขาก็ไม่ได้สวนสวรรค์ของโลกหน้า และในขณะที่ท่านถูกลงโทษจำคุก ท่านได้กล่าวว่า คนที่ถูกคุมขังนั้น คือ คนที่หัวใจของเขา ถูกหวงห้ามจากพระเจ้าของเขา 

          และท่านก็ได้กล่าวว่า ข้าพเจ้ามีสวนสวรรค์อยู่ในใจของข้าพเจ้า การคุมขังข้าพเจ้า คือ ความว่างเปล่า การสังหารข้าพเจ้าเป็นเรื่องชะฮีด และการเนรเทศข้าพเจ้า เป็นการทัศนาจร ศัตรูของฉัน จะทำอะไรกับฉันก็ได้

 

          ท่านพี่น้องศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มิได้ให้ความผาสุก ที่การมีทรัพย์สมบัติเงินทอง การมีชื่อเสียงเกียรติยศ ใบปริญญา การเรียนสูงๆ การได้รับใบประกาศเกียรติคุณ หรือการเป็นดอกเตอร์ ตลอดจนการมีคนห้อมล้อม เช่นเดียวกัน อัลลอฮฺก็มิได้ทรงทำให้ความสุขอยู่ที่การร้องเพลง หรือการเป็นนักแสดง หรือการมีสิ่งอำนวยประโยชน์ ในการดำรงชีวิต แต่ความผาสุกนั้น คือ การเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ ซึ่งเป็นความผาสุกทั้งกายและใจ ที่ไม่สามารถจะบรรยายได้เลย

 

          ณ ที่นี้ จะขอนำตัวอย่างของนักแสดงชาวตะวันตก ชื่อของเขาก็คือ สะอี๊ด อัซซัยยานีย์ ซึ่งเขาค้นหาความโด่งดัง การมีชื่อเสียงและทรัพย์สินเงินทอง เพื่อความสุขสมหวัง เขาเริ่มต้นด้วยการออกอากาศกับสถานีวิทยุ และก้าวเข้าสู่วงการทีวีจนมีชื่อเสียงในการจัดรายการต่างๆ อย่างมากมาย จนชื่อของเขาเป็นที่รู้จักและโด่งดัง พร้อมกันนั้น เขาก็ยังกล่าวว่า ฉันไม่รู้สึกว่าได้รับความสุขสบายเลย บางทีก็มีความรู้สึกว่าคับแคบอยู่ในจิตใจ และมีความกระวนกระวายใจ 

     แล้วเขาก็กล่าวแก่ตัวเองว่า เขาอยากที่จะเป็นนักร้อง และเขาก็ก้าวเข้าสู่การเป็นนักร้องและมีชื่อเสียงโด่งดัง จนกระทั่งเทปของเขาเมื่อออกวางสู่ตลาด ถึงอย่างนั้นก็ตาม เขาก็บอกว่า เขาไม่มีความสุข 

     เขาจึงปรารภกับตัวเองอีกว่า เขาคงจะมีความสุขมาก หากเขาเป็นนักแสดง หลังจากนั้นเขาก็เข้าสู่วงการแสดง จนกระทั่งมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลก มีรถราคาแพงๆ มีเสื้อผ้าราคาแพงๆ มีเกียรติในสังคม มีเพื่อนฝูงคนใหญ่คนโตในสังคมมากมาย ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ได้ลิ้มรสกับรสชาติแห่งความสุขเลย

     วันหนึ่ง ได้มีหนังสือพิมพ์ได้เข้าพบ และขอสัมภาษณ์เขาและกล่าวว่า ท่านเป็นดารามีนามว่า สะอี๊ด อัซซัยยานีย์ เป็นชื่อหนึ่งที่มีความหมายที่ดีกับชีวิตคุณ เพราะคำว่า สะอี๊ด แปลว่า สุขสันต์ 

     เขากล่าวว่า ความจริงแล้วผมชื่อ สะอี๊ด ซึ่งแปลว่า สุขสันต์ แต่ผมไม่ได้รับความสุขสันต์เท่าไหร่ในชีวิตของผม เพราะชื่อของผมมีสามอักษร คือ ซีน อีน ยา ซึ่งถ้าหากรวมแล้วอ่านว่า ซะอฺยุน แปลว่า อุตสาหะ แล้วผมก็กำลังหาอักษรสุดท้ายของผมอยู่คือ ดาน ผมจะได้พบกับความสมบูรณ์ และจะได้มีความสุขเหมือนกับชื่อของผม

     และเมื่ออัลลอฮฺ ได้ทรงให้เขาพบกับความสุขอย่างแท้จริงแล้ว พระองค์ก็จะทรงจัดเตรียมให้เขาได้พบกับผู้ที่นำพาเขา เพื่อจะนำไปสู่ความสุขนั้น เช่น เมื่อเขาได้พบกับพี่ชายของเขาที่ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเขาได้นั่งร่วมวงสนทนากับผู้คนเหล่านั้น เขาก็เริ่มได้รับความรู้ เริ่มมีความสุขเข้ามาแทนที่ และความคับแคบก็จางหายไปทีละวัน ทีละวัน จนกระทั่ง พลังแห่งการศรัทธาเข้ามาแทนที่ 

     ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า ผู้ใดกระทำความดีที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา... ได้กล่าวไว้ ในตอนต้นว่า ได้หายออกไปจากเขา เขานั่งร่วมวงกับผู้คนเหล่านั้นเป็นเวลา 2 ปี  และเขาก็ส่งจดหมายกลับไปหาหนังสือพิมพ์ที่เคยสัมภาษณ์เขาว่า ขณะนี้เขาได้พบกับอักษรสุดท้ายในชื่อของเขาแล้ว คือ ศาสนาและการเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขเหลือเกินและเขาก็กลายเป็นผู้ที่เรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ และเป็นผู้เผยแพร่ทางสถานีวิทยุบางรายการ

 

          ความสุขนั้นอยู่ ที่ศาสนาของอัลลอฮฺ และการงานที่ดี เพื่อให้อิสลามเป็นศาสนาที่เที่ยงแท้ของเรา จึงต้องยืนหยัดในสิทธิและหน้าที่ตามข้อใช้ข้อห้ามอย่างเคร่งครัด แต่สังคมตะวันตกในขณะนี้ การดำเนินชีวิตของพวกเขาไม่มีจุดมุ่งหมาย และไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยที่พวกเขาใช้ชีวิตตามอารมณ์ความใคร่ไปกับสังคมมัวเมา ยาเสพติด การพนัน ดื่มเหล้า ทำซินา ความสนุกสนาน การใช้ชีวิตอย่างไร้ขอบเขตและเหตุผล พร้อมกันนั้นยังเข้าสู่วิกฤตมีการฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้นักจิตวิทยา และวิชาการทางการแพทย์ มีความประหลาดใจอย่างมากกับการเพิ่มมากขึ้นของผู้ที่ป่วยทางจิต โดยหาไม่พบสาเหตุที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย ความหดหู่ดังกล่าวจะพบได้จากการโต้เถียง การโกหกโดยไม่มีขอบเขต การแสวงหาความร่ำรวย ความสวยงามในชีวิตอย่างไม่จบสิ้น จนกระทั่งโยนตัวเองไปสู่ความหายนะในที่สุด

 

          ณ ที่นี้จะขอยกตัวอย่างบุคคลที่โด่งดังในสังคม และแวดวงดารา ซึ่งพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่มีความสุขในชีวิตเลย ถึงแม้จะมีเกียรติ มีเงินมีทอง มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครันก็ตาม บุคคลที่จะขอกล่าวในที่นี้

 

     บุคคลแรกก็คือ ชายชาวอเมริกันคนหนึ่งที่มีทรัพย์สินเงินทองอย่างมากมาย มีบริษัทที่ใหญ่โต เป็นคนกาเฟร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) มีชีวิตความเป็นอยู่ที่วกวนในความวิตกกังวล โศกเศร้า และกรวนกระวายใจอยู่ตลอดเวลา ครั้งหนึ่งเขาได้พบกับชายที่เป็นมุสลิมคนหนึ่งที่ทำงานเป็นลูกน้องอยู่ในบริษัทของเขาเดินผ่านมา เจ้าของบริษัทเห็นเขามีความร่าเริง ยิ้มแย้ม และมีความสุขอยู่ตลอดเวลา 

     เจ้าของบริษัทจึงถามเขาว่าเหตุใดท่านจึงมีความสุข และยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา 

     เด็กหนุ่มมุสลิมจึงตอบแก่เจ้าของบริษัทเพียงคำว่า ฉันเป็นมุสลิมที่มั่นคง 

     เจ้าของบริษัทจึงถามเขาต่อไปว่า ถ้าสมมติว่าฉันเข้ารับอิสลาม แล้วฉันจะมีความสุขเหมือนท่านไหม

     ชายหนุ่มจึงตอบว่า ใช่ แล้วชายหนุ่มก็พาชายชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทไปยังศูนย์อิสลามแห่งหนึ่ง และให้เขาปฏิญาณตนครั้งแรก ในชีวิตของเขาจึงได้ลิ้มรสกับรสชาติแห่งความผาสุกที่แท้จริง 

     ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวว่า

     “บรรดาผู้ศรัทธาและจิตใจของพวกเขาสงบ ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ

     พึงทราบเถิดว่า การรำลึกถึงอัลลอฮฺนั้นทำให้จิตใจนั้นสงบ

(อัรร็ออฺด 13 : 28)

 

     บุคคลที่สองก็คือ อับดุลฮาลีม ฮาฟิต ซึ่งเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง มีความร่ำรวย มีบ้านเรือนใหญ่โต และมีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน แต่ในทางกลับกันเขามีความกลัดกลุ้มใจกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะเขาเป็นผู้ที่ทำตัวเหินห่างการรำลึกถึงอัลลอฮฺ จากการละหมาด การอ่านอัลกุรอาน วันหนึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ 

     เขาถูกถามว่า คุณมีความสุขในชีวิตไหม

     เขาตอบว่า ฉันมีทุกอย่างแต่ไม่เคยลิ้มรสกับรสชาติของความสุขในชีวิตเลย และมีชีวิตอยู่กับความพลาดพลั้งอยู่ตลอดเวลา 

     จนกระทั่ง ความเจ็บป่วยได้มาเยือนเขาและได้เสียชิวิตในเวลาต่อมา ในขณะที่มีอายุได้เพียง 50 ปี เท่านั้น

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในคุฏบะฮฺนี้จะขออำลาด้วยดังอย่างของมหาเศรษฐีนี ผู้ที่ความร่ำรวยมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เธอชื่อว่าคริสติน่า โอนานซิสลูกสาวมหาเศรษฐีโอนานซิสซึ่งเป็นเจ้าของเกาะเรือท่องเที่ยว และสายการบิน และทรัพย์สมบัติอีกมากมาย เขาตายลงและทิ้งสิ่งต่างๆ เหล่านี้อันมากมายไว้ให้แก่ผู้เป็นลูกสาว 

     นางได้แต่งงานกับชายชาวอเมริกัน โดยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพียงไม่กี่เดือนก็ต้องแยกทางกัน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ได้แต่งงานกับชายคนที่สองแล้วก็อยู่กินกันได้ไม่กี่เดือนก็แยกทางกัน นี่คือสภาพของหญิงที่ร่ำรวยที่สุด หลังจากนั้น ก็ได้แต่งงานกับชายชาวรัสเซีย 

     โดยที่นักข่าวหนังสือพิมพ์ได้สัมภาษณ์เธอว่า ทำไมถึงแต่งงานกับชายชราคนนี้

     เธอตอบว่าฉันต้องการความสุขในชีวิตหลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหนึ่งปีก็แยกทางกันอีก 

     เมื่อถึงงานวันชาติฝรั่งเศส นักข่าวได้ถามเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในโลกใช่หรือไม่?” 

     เธอตอบใช่ และเป็นผู้หญิงที่มีความทุกข์ที่สุดในโลกด้วย 

     หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่งงานกับชายชาวฝรั่งเศส และได้แยกทางกันอีก และได้ใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่มีทุกข์ โศกเศร้า และการมโนภาพ เวลาผ่านไปนางก็จบชีวิตลงด้วยกับการนอนตายอยู่ในบ้านพักของนางหลังหนึ่งในประเทศอาร์เจนติน่า

          นี่แหละคือ จุดจบของผู้ที่ไม่มีศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่มีจุดมุ่งหมาย และเป้าหมายในการดำรงชีวิต ซึ่งทรัพย์สมบัติ การมีเกียรติ มีหน้ามีตาในสังคม มีคนห้อมล้อม มีสิ่งอำนวยความสะดวกนานาชนิด ก็ไม่ได้นำความผาสุกมาให้แก่เขาอย่างยั่งยืน ชีวิตที่ตายไปก็ไม่มีคุณค่าอะไร


          ดังนั้น ขอให้เราและท่านทั้งหลายจงน้อมรับต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ และแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้นำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของเรา อินชาอัลลอฮฺ เราและท่านทั้งหลายจะได้รับความผาสุกในดุนยาและอาคิเราะฮฺ

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 28 มกราคม 2555