ความสำคัญของเวลาที่ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานและอัลฮะดีษ
  จำนวนคนเข้าชม  23446


ความสำคัญของเวลาที่ถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอานและอัลฮะดีษ

 

ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน

นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลาย

และตักเตือนกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรมและตักเตือนกันให้มีความอดทน

[ซูเราะห์ อัลอัศรฺ อายะห์ที่ 1-3]

 

     “ไม่มีวันใดที่อัลลอฮฺ นำมันมายังดุนยา นอกจากมันจะพูดว่า

     โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงรีบฉกฉวยฉันไว้เถิด เพราะอาจจะไม่มีวันหลังจากฉันอีกแล้ว

     และไม่มีคืนใด นอกจากมันจะประกาศว่า... 

     โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงรีบฉกฉวยฉันไว้เถิด เพราะอาจะไม่มีค่ำคืนหลังจากฉันแล้ว

[บักรฺ อัลมุซนีย์]

 

           อิสลามได้ให้ความสำคัญกับเวลาและชี้แจงถึงคุณค่าของมันจากตัวบทอัลกุรอานและหะดีษมากมาย เฉกเช่นที่ได้ชี้แจงถึงอิบาดะห์ต่างๆ นั่นก็เพื่อบริหารจัดการกับเวลาของคนมุสลิม ยิ่งไปกว่านั้น ในหน้าประวัติศาสตร์นี้ ไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะมีประชาชาติใดที่ให้ความสำคัญและหวงแหนรักษาเวลาเท่ากับประชาชาติอิสลาม ส่วนหนึ่งจากความสำคัญของเวลา มีดังต่อไปนี้

 

1. เวลาเป็นนิอฺมัต (ความโปรดปราน) ที่ยิ่งใหญ่

 

อัลลอฮฺ  ได้ตรัสว่า

     “และเราได้ทำให้กลางคืนและกลางวันเป็นสองสัญญาณ ดังนั้นเราทำให้สัญญาณของกลางคืนมืดมน

     และเราได้ทำให้สัญญาณของกลางวันมีแสงสว่าง เพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้าของพวกเจ้า

     และเพื่อพวกเจ้าจะได้รู้จำนวนปีทั้งหลายและการคำนวณ และทุกๆ สิ่งเราได้แจกแจงมันอย่างละเอียดแล้ว

[ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะห์ที่ 12]

 

     และหะดีษที่รายงานจากอิบนุอับบาส เราะฏิยัลลอฮุอันฮุมา จากท่านนบี ได้กล่าวว่า 

มีความโปรดปราน 2 ประการที่ผู้คนส่วนมากมักละเลย นั่นคือ การมีสุขภาพดี และการมีเวลาว่าง” 

(บันทึกโดยอัตติรมิซีย์)

 

          เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่ขาดทุนในเรื่องเวลาก็คือคนที่ละเลยต่อเวลา ซึ่งเขาเป็นเสมือนกับคนที่ขายสินค้าให้แก่คนอื่นด้วยราคาที่ถูกเกินควร หรือคนที่ซื้อสินค้าแพงมากๆ ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ชาวสวรรค์เสียใจ นอกจากเรื่องเวลาที่ผ่านพวกเขาไปโดยที่พวกเขาไม่ได้รำลึกถึงอัลลอฮฺ 

 

2. เวลาเป็นสิ่งที่ถูกสาบานในอัลกุรอาน

 

          เมื่อผู้ทรงยิ่งใหญ่สาบานด้วยสิ่งใดก็แล้วแต่ มันย่อมบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญของสิ่งนั้น จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับมัน และก็เพื่อดึงความสนใจให้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของสิ่งที่พระองค์ได้สาบานไว้ เช่น

 

ขอสาบานด้วยยามรุ่งอรุณ และด้วยค่ำคืนทั้งสิบ

[ซูเราะห์ อัลฟัจรฺ อายะห์ที่ 1-2]

 

ขอสาบานด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันปกคลุม และเวลากลางวันเมื่อมันประกายแสง

[ซูเราะห์ อัลลัยลฺ อายะห์ที่ 1-2]

 

ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน

[ซูเราะห์ อัลอัศรฺ อายะห์ที่ 1-2]

 

     อุลามาอฺบางท่านได้กล่าวว่าการที่อัลลอฮฺ  ได้สาบานเรื่องเวลาก็เพื่อเรียกร้องให้บ่าวผู้ศรัทธาให้ความสนใจกับการรักษาเวลา

 

3. เวลาเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่

 

          เวลาของมุสลิมเป็นอะมานะฮฺ (ความรับผิดชอบ) ที่ยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺ  ฝากไว้แก่เขา และเขาจะต้องถูกถามในวันกิยามะฮฺถึงเวลาที่เขาใช้ไปในโลกดุนยา นี่คือสิ่งที่หะดีษของท่านนบี ได้ยืนยันไว้ว่า มี 4 คำถามที่บ่าวจะถูกถามต่อหน้าอัลลอฮฺ ในวันกิยามะฮฺ ซึ่ง 2 คำถามจะถูกถามเฉพาะเรื่องเวลา

 

รายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด แท้จริงท่านนบี  กล่าวว่า

     “ในวันกิยามะฮฺเท้าของบ่าวคนหนึ่งคนใดจะไม่ขยับเคลื่อน ที่อัลลอฮฺ  จนกว่าเขาจะต้องถูกสอบถามถึง 5 ประการ คือ

     ถูกสอบถามถึงอายุขัยของเขาว่า ใช้ช่วงเวลาที่มีชีวิตหมดไปกับสิ่งใด,

     วัยหนุ่มของเขา เขาดำเนินไปอย่างไร,

     ทรัพย์สินของเขา เขาขวนขวายมาจากไหน และใช้จ่ายไปอย่างไร,

     ความรู้ของเขา เขานำไปปฏิบัติอย่างไร

(บันทึกโดยอัตติรฺมิซีย์)

 

          สาเหตุที่อัลลอฮฺ  เจาะจงเฉพาะวัยหนุ่มนั่นก็เพราะว่า วัยหนุ่มเป็นวัยที่มีพลังทางกายและทางใจ มีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่ากว่าวัยอื่นๆ ดังนั้นจำเป็นที่เราจะต้องใช้วัยนี้ทำงาน ทำอะมั้ลอิบาดะฮฺให้มากกว่าวัยอื่นด้วยเช่นกัน

 

4. เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการฉกฉวยเวลาและระวังการฆ่าเวลา

 

ท่านนบี  กล่าวว่า

จงฉวยโอกาส 5 อย่าง ก่อนอีก 5 อย่างจะมาถึง นั่นคือ 

ความหนุ่มก่อนความแก่ , สุขภาพดีก่อนการเจ็บไข้ , ความมั่งมีก่อนจะยากไร้

เวลาว่างก่อนจะไม่มีเวลา , และการมีชีวิตก่อนความตายมาเยือน

(บันทึกโดยอัลฮากิม)

 

5. เรียกร้องให้รีบใช้เวลาให้เกิดประโยชน์

 

          ท่านนบี  ได้สั่งกำชับให้เรารีบเร่งทำอะมั้ลความดีก่อนที่จะมีปัญหาหรือความเสียหายต่างๆ เกิดขึ้น เล่าจากอบีฮุรอยเราะฮฺ ว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ  ได้กล่าวว่า

 

     “ท่านทั้งหลายจงรีบเร่งทำอะมั้ลความดีก่อนที่ 7 ประการนี้จะเกิดขึ้นกับพวกท่าน

พวกท่านไม่ได้รอคอยสิ่งใด นอกจากความยากจนที่ถูกลืมไป

หรือความร่ำรวยที่จะมีแต่การถูกกดขี่ข่มเหง

หรือความเจ็บป่วยที่จะทำให้เสื่อมถอย

หรือความชราภาพที่จะทำให้สติเลอะเลือน

หรือความตายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

หรือดัจญาลซึ่งเป็นความชั่วร้ายที่เร้นลับและกำลังถูกรอคอย

หรือวันกิยามะฮฺ และวันกิยามะฮฺนั้นเป็นวันที่ทุกข์ทรมานยิ่งและขมขื่นยิ่ง

(รายงานโดยติรฺมิซีย์ ชัยคฺอัลบานีย์ กล่าวว่า เป็นหะดีษฎออีฟ)

 

     จากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ  กล่าวว่า

     “พวกท่านจงรีบเร่งปฏิบัติความดี ก่อนที่จะเกิดฟิตนะฮฺ (ความวุ่นวาย) โกลาหล ดั่งราตรีกาลอันมืดทมิฬ

     กระทั่งว่าบางคนตื่นเช้ามาในสภาพที่เป็นผู้ศรัทธา แต่เมื่อตกเย็นกลับกลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาไปเสีย

     หรือบางคนในตอนเย็นยังเป็นผู้ศรัทธา แต่เมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันก็กลับกลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา

     ยอมขายศาสนาเพื่อแลกกับความสุขอันจอมปลอมเพียงน้อยนิดในโลกดุนยา

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

6. เวลาเป็นภาชนะของอะมั้ลอิบาดะห์

 

          การละหมาด การจ่ายซะกาต การถือศีลอด การทำฮัจญ์ และอื่นๆ เป็นอิบาดะฮฺที่มีเวลาที่ถูกกำหนดแน่นอนตายตัว ดังนั้น การเลื่อนกระทำมันล่าช้าออกไปถือว่าอิบาดะฮฺนั้นจะใช้ไม่ได้ อิบาดะฮฺบางอย่างจะไม่ถูกตอบรับเลย

          หากกระทำมันในเวลาอื่นที่ไม่ใช่เวลาของมัน นั่นก็เพราะว่า อิบาดะฮฺผูกมัดด้วยกับเวลาที่แน่นอน ซึ่งมันเปรียบเสมือนภาชนะที่มีการงานต่างๆ ถูกบรรจุอยู่ในนั้น

 

     หนึ่งหะดีษที่ส่งเสริมให้กระทำอิบาดะฮฺในเวลาของมันคือ คำกล่าวของท่านนบี  ที่รายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด ว่า 

     ท่านได้ถามท่านนบี  ว่าการงานใดที่อัลลอฮฺ  รักมากที่สุด?” 

     ท่านนบี  ได้ตอบว่าการละหมาดในเวลาของมัน…” 

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)

 

ที่มา: หนังสือเทคนิคการบริหารเวลา ฉบับผู้ศรัทธา