อับดุลลอฮ์ กับ อับดุนนะบีย์ 3
  จำนวนคนเข้าชม  1640

อับดุลลอฮ์ กับ อับดุนนะบีย์  3


อับดุนนบีย์ :  แต่อายาต(โองการต่างๆ)เหล่านั้น ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับผู้ที่กราบไหว้รูปปั้น แล้วพวกคุณจะให้   คนดี ๆ (ซอลิฮฺ) ไปเหมือนกับบรรดารูปปั้น (อัศนาม) ได้อย่างไรกัน ? หรือคุณจะให้บรรดานะบีไปเหมือนกับบรรดาเจว็ดรูปปั้น ได้อย่างไร ?
 
อับดุลเลาะฮฺ : ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า บรรดารูปปั้น รูปเคารพ ( อัศนาม) ต่างๆ นั้น เป็นชื่อของบรรดาคนดี ๆ (ซอลิฮ์)  ตั้งแต่สมัยของท่านนบีนูฮ์  และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา (กุฟฟ๊าร) ก็มิได้ต้องการอะไรนอกจากให้พวกนั้นช่วยขอชะฟาอะฮ์ จากอัลลอฮ์  เพราะพวกเขามีตำแหน่งมีความสำคัญ ณ พระองค์ ดังหลักฐานจากดำรัสของอัลลอฮ์    ที่ว่า


“ และบรรดาผู้ที่ยึดเอาอื่นจากอัลลอฮ์เป็นผู้คุ้มครอง (วะลีย์) โดยกล่าวว่า เรามิได้เคารพสักการะ (อิบาดะฮ์)ต่อพวกเขานอกจากเพียงเพื่อช่วยให้เราได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์เท่านั้น ”  ( อัซซุมัรอายะฮฺที่ 3 )

          สำหรับคำพูดของคุณที่ว่า “พวกท่านจะทำให้บรรดาวะลีย์ และบรรดานะบีกลายเป็นเจว็ด รูปปั้น รูปเคารพ (อัศนาม) กันได้อย่างไรนั้น ?” เราขอบอกว่า แท้จริง บรรดากุฟฟ๊าร ผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่ท่านนะบี ถูกส่งไปนั้น  มีพวกเขาบางคนที่วิงวอนขอต่อบรรดาวะลีย์ ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 “ บรรดาอื่นจากอัลลอฮ์ ที่พวกเขาวิงวอนขอนั้น พวกมันก็ยังต้องการที่จะหาหนทางเข้าสู่พระเจ้าของพวกมันว่า ใครในพวกมันที่จะได้เข้าใกล้ชิดที่สุด และพวกมันยังหวังในความเอ็นดูเมตตาของพระองค์ และกลัวการลงโทษของพระองค์  ”  ( อัลอิสร็ออฺ / 57 )

        ในหมู่พวกเขา  มีผู้ที่วิงวอนขอต่อท่านนะบีอีซา และมารดาของท่าน อัลลอฮ์  ตรัสว่า   
 
“ และจงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮฺ    ตรัสว่า โอ้ อีซา ลูกของมัรยัม เจ้าพูดกับผู้คนกระนั้นหรือ ว่า  จงยึดเอาฉันและแม่ของฉันเป็นพระเจ้าสององค์  นอกเหนือไปจากอัลลอฮ์  ? ”  ( อัลมาอิดะฮฺ / 116 )

          และในหมู่พวกเขา  มีผู้ที่วิงวอนขอต่อบรรดามลาอิกะฮ์  ดังที่อัลลอฮ์    ตรัสว่า  
 
“ และวันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขาไว้ทั้งหมด แล้วพระองค์จะตรัสกับบรรดามลาอิกะฮ์ว่า        พวกเหล่านั้นนะหรือที่สักการะ ( อิบาดะฮ์ ) ต่อพวกเจ้า  ”        (สะบะอ์ / 40)

          ดังนั้น  จงพิจารณาอายาต(โองการต่างๆ)ให้ดี แท้จริง อัลลอฮ์ทรงปฏิเสธการศรัทธาไว้ในอายะฮ์ของผู้ที่มุ่งสู่เจว็ดรูปเคารพ ( อัศนาม ) และทรงปฏิเสธการศรัทธาของผู้ที่มุ่งหมายสู่คนดีๆ ( ซอลิฮีน ) ไม่ว่าจะเป็นบรรดานะบี บรรดามลาอิกะฮ์ และท่านเราะซูลุลลอฮ์ได้สู้รบกับพวกเขาด้วยเหตุผลดังกล่าว โดยมิได้แบ่งแยกพวกเขาออกจากกันแต่ประการใด
 
อับดุนนบีย์ :    แต่ทว่าบรรดากุฟฟ๊ารต้องการความช่วยเหลือจากบุคคลเหล่านั้น และผมขอปฏิญาณว่า อัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงยังประโยชน์ ผู้ทรงให้โทษ  ผู้ทรงบริหารจัดการ  ผมไม่ต้องการจากใครนอกจากพระองค์เท่านั้น   และไม่ใช่เรื่องของบรรดาคนดี ๆ ( ซอลิฮฺ ) แต่อย่างใด แต่ทว่า  ผมมุ่งไปที่พวกเขาโดยหวังว่า  อัลลอฮ์คงจะให้พวกเขาได้ขอให้ทำการช่วยเหลือ ( ชะฟาอะฮฺ ) ให้ เท่านั้น
 
อับดุลเลาะฮ์ :  คำพูดของคุณนี้เหมือนกับคำพูดของผู้ปฏิเสธศรัทธา ( กุฟฟ๊ารฺ ) ยังไงยังงั้นเลย หลักฐาน ดังดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า             

“ และพวกเขาเคารพสักการะ (อิบาดะฮ์) สิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ทั้งๆที่มันมิได้ให้โทษแก่พวกเขาและมิได้ให้คุณแก่พวกเขาแต่อย่างใดและพวกเขากล่าวว่า  เหล่านี้คือบรรดาผู้ช่วยขอความช่วยเหลือ (ชะฟาอะฮ์) ให้แก่เรา ณ  อัลลอฮ์ เท่านั้น ”    (ยูนุส / 18)

อับดุนนบีย์ :   แต่ทว่าผมมิได้อิบาดะฮฺผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น  และนี่เป็นเพียงการพึ่งพาอาศัยพวกเขา  และวอนขอต่อพวกเขา มิใช่ไปกราบไหว้ ( อิบาดะฮ์ ) พวกเขาสักหน่อย !

อับดุลเลาะฮ์  :   แต่ทว่าผมอยากจะถามอะไรคุณสักหน่อย  คุณมิได้อ่านดอกหรือว่า อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้คุณทำอิบาดะฮ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ (อิคล๊าศ ) ต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น  และนั่นเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องทำเช่นนั้น ดังดำรัสของพระองค์  ที่ว่า

“และพวกเขามิได้ถูกใช้ให้กระทำสิ่งใด นอกจากเพื่ออิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ในฐานะเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจต่อศาสนาอันเที่ยงตรงของพระองค์  และเป็นผู้ดำรงการละหมาดไว้  ” ( อัลบัยยินะฮ์ /  5)

อับดุนนบีย์ :   ถูกต้องแล้ว ผมถูกกำชับให้ทำเช่นนั้น !

อัลดุลเลาะฮ์ :  และฉันต้องการให้คุณอธิบายให้ทราบถึงสิ่งที่อัลลอฮ์ ทรงกำชับให้คุณทำ นั่นก็คือ การอิบาดะฮ์ด้วยความอิคล๊าศ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของพระองค์ที่พึงได้รับจากคุณมิใช่หรือ ?
 
อับดุนนบีย์ :   ผมไม่ทราบ

อับดุลเลาะฮฺ :  ฉันจะอธิบายให้ ฟัง  ดังนั้น  จงฟังให้ดี

อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 “ พวกเจ้าจงวิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกเจ้าด้วยความนอบน้อม ถ่อมตนและปกปิด ไม่เปิดเผย  ”      ( อัล อะอฺร็อฟ /  55 )
 
          ดังนั้น การวอนขอ (อัดดุอาอ์) เป็นการขอต่ออัลลอฮ์ใช่หรือไม่ ?  เป็นการ “อิบาดะฮ์” ใช่หรือไม่ ?

อับดุนนบีย์ :  ใช่  ! และยังเป็นส่วนสำคัญของการอิบาดะฮ์อีกด้วย   ดังปรากฏในฮะดีษของท่านนะบีที่ว่า  “อัด  ดุอาอ์ คือ การอิบาดะฮ์”  الدعاء هو العبادة] [ หมายถึง การอิบาดะฮ์ที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์ยิ่ง และเป็นหัวใจของการอิบาดะฮ์นั่นเอง

อับดุลเลาะฮ์ : ในเมื่อคุณยอมรับว่า  ดุอาอ์เป็นอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ และคุณก็วิงวอนขอต่ออัลลอฮ์   ทั้งกลางคืนและกลางวัน ด้วยความหวาดหวั่น  และคาดหวังจะได้รับ  ในสิ่งที่คุณต้องการ แล้วคุณก็ไปขอต่อนะบี  หรือมลาอิกะฮ์  หรือคนซอลิฮ์ที่กุบูร์(หลุมศพ)ของพวกเขา แล้วที่คุณทำอิบาดะฮ์อย่างนี้นั้นเท่ากับเป็นการทำชิริกหรือเปล่า ?

อับดุนนบีย์ :  ถูกต้อง เป็นการทำชิริก และคำพูดดังกล่าวก็ถูกต้องแล้ว !

อับดุลเลาะฮ์ :  ยังมีตัวอย่างอื่นๆ อีก นั่นคือ  เมื่อคุณรู้ว่า อัลลอฮ์ ตรัสว่า

“ ดังนั้น  เจ้าจงละหมาดเพื่อพระเจ้าของเจ้า และจงเชือดสัตว์พลี (เพื่อพระองค์) ”   (อัลเกาซัร / 2 )

         แล้วคุณก็เชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งที่มาจากอัลลอฮ์และคุณก็เชือดสัตว์พลีเพื่อพระองค์  ดังกล่าวนี้  เป็นการ “อิบาดะฮ์” ใช่หรือเปล่า ? 

อับดุนนบีย์  :     ถูกแล้ว นี่เป็นการทำอิบาดะฮ์
  
อับดุลเลาะฮ์  :   ดังนั้น  ถ้าคุณเชือดเพื่อใครอื่น หรือเชือดเพื่อนะบี  หรือเชือดเพื่อญิณ? ดังกล่าวนั้นเท่ากับว่าคุณได้ทำชิริกในการทำอิบาดะฮ์เช่นนี้ เพื่ออื่นจากอัลลอฮ์ ใช่หรือไม่ ?   

 อับดุนนบีย์  :      ถูกต้อง นี่คือ ชิริกอย่างไม่ต้องสงสัย ! 

อับดุลเลาะฮ์ :      และผมจะยกตัวอย่างให้คุณฟังเกี่ยวกับเรื่องการขอดุอาอ์และการเชือด เพราะการขอดุอาอ์เป็นชนิดหนึ่งของการทำอิบาดะฮ์ด้วยคำพูด และ การเชือดก็เป็นชนิดหนึ่งของการทำอิบาดะฮ์ ด้วยกับการกระทำ อิบาดะฮ์นั้นมิใช่จะเจาะจงอยู่เพียงเฉพาะสองประการนี้  แต่มันกว้างไกลมากกว่าที่กล่าวมา เช่น เรื่องการบนบาน ( นะซัร ) การสาบาน ( ฮะลัฟ )  การขอความคุ้มครอง ( อัลอิสติอาซะฮ์ ) และการขอความช่วยเหลือ ( อัลอิสติอานะฮ์ ) เป็นต้น ซึ่งเข้าอยู่ในเรื่องของอิบาดะฮ์ทั้งสิ้น  แต่ทว่า บรรดามุชริกีนที่อัลกุรอานระบุถึง พวกเขาเคารพสักการะ ( อิบาดะฮ์ ) ต่อบรรดามลาอิกะฮ์   ต่อบรรดาคนดีๆ ( ซอลิฮ์ )   อิบาดะฮ์ต่อบรรดาเจว็ด รูปปั้น เช่น “ ล๊าต ” และสิ่งอื่นๆ ใช่หรือไม่ ?
 
อับดุนนบีย์ :   ที่จริงพวกเขาทำเช่นนั้น จริง ๆ   

อับดุลเลาะฮ์ : และการทำอิบาดะฮฺของพวกเขาต่อบรรดาสิ่งเหล่านั้น  มีเฉพาะแต่การวิงวอนขอ (ดุอาอ์) การเชือด แค่นั้นหรือ ?  ถ้าไม่เช่นนั้น ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า  พวกเขาตกเป็นทาสและอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งเหล่านั้นนั่นเอง   ทั้งๆที่อัลลอฮ์ เป็นผู้ทรงบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ แต่พวกเขากลับไปวิงวอนขอเกียรติ อำนาจ และขอให้พวกเหล่านั้นช่วยเหลือ นี่คือสิ่งที่เห็นชัดเจนแล้วมิใช่หรือ ? 

อับดุนนบีย์ : คุณอับดุลเลาะฮ์  คุณปฏิเสธการ“ชะฟาอะฮ์”ของท่านเราะซูล และไม่ยอมรับการขอ “ชะฟาอะฮ์”กระนั้นหรือ ?

 


Part 1 >>>> Click          Part 2 >>>> Click          Part 3>>>> Click          Part 4 >>>> Click


Part 5 >>>> Click          Part 6 >>>> Click 

แปลโดย  อ.มาลิก  โยธาสมุทร


จากข้อเขียนของ  ดร. มุฮัมมัด  บินสุลัยมาน  อัลอัชก็อรฺ