เมื่อละหมาดหัวใจอยู่ที่ไหน?
  จำนวนคนเข้าชม  6602

เมื่อละหมาดหัวใจอยู่ที่ไหน?

โดย อ.อับดุลฮามี๊ด บรอฮีมี

          พระองค์อัลลอฮ์จะทรงรับการงานที่ดีจากบ่าวของพระองค์ จะทรงเพิ่มพูนรางวัล และผลบุญให้แก่เขา และในหัวอกที่บ่าวนั้นผูกพันอยู่กับการปฏิบัติ จากสิ่งที่ถูกต้องของการละหมาด ดั้งนั้นหากบ่าวดำรงการละหมาดอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีข้อบกพร่อง ยอมจำนนอยู่กับพระองค์อัลลอฮ์ เพื่อที่จะให้พระองค์ทรงรับการละหมาด และทรงประทานสาเหตุต่างๆ ที่มาเพิ่มพูนความรัก ความเมตตาของพระองค์ต่อเขา คือ การตอบรับของพระองค์ และเขาจะไม่เห็นอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้จะสมบูรณ์ได้ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นอยู่กับพระองค์ในการปฏิบัติการละหมาด ดังนั้น การที่มีจิตใจมุ่งอยู่กับอัลลอฮ์ คือ วิญญาณของการละหมาด

         ท่านอบูดาวูด ท่านอันนะซาอีย์ และอิมามอิบนุฮิบบาน ได้รายงานว่า ท่านเราะซูลลุลลอฮ์  กล่าวว่า

         "แท้จริง บ่าวคนหนึ่งที่กำลังทำละหมาด ในละหมาดหนึ่งอยู่นั้น ซึ่งจะไม่ถูกบันทึกแก่เขาว่า เขาได้หนึ่งในหก หรือหนึ่งในสิบของการละหมาด แต่อันที่จริงแล้ว ที่ถูกบันทึกแก่บ่าว จากการละหมาดของเขานั้น คือ สิ่งที่จิตใจของเขามุ่งมั่นอยู่กับการละหมาด"

        ท่านอิบนุฮาติม ได้รายงานจากสายรายงานของท่านอิมรอน อิบุ ซอยน์ ได้รายงานว่าท่านนะบี เกี่ยวกับพระดำรัส ของพระองค์อัลลอฮ์ ในซูเราะอัลอังกะบู๊ต อายะฮ์ที่ 45 ที่ทรงตรัสว่า

"แท้จริง การละหมาดนั้น จะยับยั้งจากสิ่งที่ลามก และสิ่งที่ชั่วช้าที่ศาสนาไม่ยอมรับ"

ท่านนะบี  ตอบว่า

"ผู้ใดที่การละหมาดของเขา ไม่ได้ยับยั้งเขา จากสิ่งลามกทั้งหลาย และจากสิ่งที่ชั่วช้า ที่ศาสนาไม่ยอมรับนั้น การละหมาดนั้น ก็ไม่ใช่เป็นการละหมาดสำหรับเขา"

ในรายงานของท่านอิบนุ อับบาส รายงานว่า ท่านเราะซูล   กล่าวว่า

"แท้จริงการละหมาดของเขา ไม่ได้ยับยั้งสิ่งลามกทั้งหลาย และจากสิ่งที่ชั่วช้าที่ศาสนาไม่ยอมรับแล้วละก็ การละหมาดนั้นก็มีแต่จะทำให้เขาห่างไกลจากอัลลอฮ์" (บันทึกโดย อัฏฏอรอนีย์)

ท่านอบุลาลียะฮ์ อธิบายพระองค์ดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ ที่ทรงตรัสว่า

"แท้จริง การละหมาดนั้น จะยับยั้งสิ่งลามกทั้งหลาย และชั่วช้า ที่ศาสนาไม่ยอมรับ"

         ท่านอธิบายว่า แท้จริงในการละหมาดมีสามประการด้วยกัน ถ้าปราศจากประการใดประการหนึ่งในทั้งสามนี้ ก็ไม่ถือว่าการละหมาดนั้นเป็นการละหมาดเพื่ออัลลอฮ์  นั่นก็คือ ความสุจริตในความกลัว และการรำลึกถึงอัลลอฮ์ ซึ่งความสุจริตใจนั้น จะมาใช้เขาให้กระทำความดี และความเกรงกลัวก็จะมายับยั้งเขาจากความชั่ว และการรำลึกถึงอัลลอฮ์ ก็คือ อัลกุรอานที่จะมาใช้ห้ามเขา

อัลลอฮ์ ทรงตรัสในซูเราะฮ์ลุกมาน อายะฮ์ ที่ 18 ว่า

"และพวกเจ้า อย่าได้เชิดหน้าใส่ผู้คนอย่างยโส และอย่าได้เดินบนหน้าแผ่นดินอย่างจองหอง ไร้มารยาท"

และท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มัสอู๊ด รายงานจากท่านนะบี  ว่า

"ผู้ที่จิตใจของเขามีความยโสโอหังแม้เพียงเท่าผงธุลี เขาจะไม่ได้เข้าสวรรค์ ชายคนหนึ่งถามท่านนะบีว่า แท้จริง คนๆหนึ่งชอบที่จะใส่เสื้อผ้า และรองเท้าของเขาให้ดูดี

ท่านนะบี ตอบว่า แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ ทรงงดงาม ซึ่งพระองค์ทรงรักผู้ที่สง่างาม ส่วนความยโสโอหังนั้น คือการไม่ยอมรับความจริง และเหยียดหยามผู้คน"

         ดังนั้น เขาจะต้องสำนึกอยู่เสมอว่า ความโกรธกริ้วของพระองค์อัลลอฮ์ นั้น จะมาขวางกั้นการงานที่ดีของเขาไม่ให้ถูกตอบรับจากพระองค์ ซึ่งพระองค์คือผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสูงส่งเหนือใคร และเป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่ทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน พระองค์จะไม่ทรงรับการตั้งภาคีใดๆ และไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ ซึ่งหากเขาไม่มีสำนึกเช่นนี้ เขาย่อมเป็นชาวนรกคนหนึ่งอย่างแน่นอน