นะบี ซอและห์
  จำนวนคนเข้าชม  46307

ประวัติ นะบี ซอและห์


         ชาวอาดที่ทรงพลัง หยิ่งทะนงโอหัง ประสบกับความเสียหาย ยับเยินหลังจาก ลมพายุกระหน่ำลงมาอย่างแรง หลังจากที่กลุ่มคนเหล่านี้สูญหายหมดไปแล้ว จึงเกิดประชาชนใหม่ขึ้นมาชื่อว่า “ ษะมูด ”

          พวกนี้อาศัยในที่แห่งหนึ่งชื่อว่า "ฮิจญ์ร" ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง ฮิญาซ กับ ชาม จนถึง วาดิลกุรอ  บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นบริเวณที่ ชุ่มชื่นด้วยน้ำตลอดทั้งปี  พื้นที่เกษตรของพวกเขามีความอุดมสมบูรณ์ เขียวชอุ่ม มีผลไม้ไม่เคยขาดตลอดปี พวกเขาจมปลักอยู่ในความสุขสำราญ ผลผลิตทางการเกษตร มีมากมายจนกินไม่หมดตลอดปี   พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่ ใหญ่โต คฤหาสน์ที่สูง สร้างจากหินอย่างสวยงาม  ภูเขา ถ้ำ พวกเขาขุด เพื่อทำบ้านที่อยู่อาศัย และ สลักหิน ที่อยู่อาศัยของพวกเขาอย่างสวยงดงาม   โดยมีห้องเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย มีห้องโถงอย่างกว้างขวาง ลานหินของพวกเขา ปลูกหญ้า  และ ต้นไม้เขียวขจี และช่างร่มรื่นแน่แท้ ภูเขา และ ถ้ำ พวกเขาสร้างมาเป็นที่พำพัก ในช่วงฤดูหนาว  ส่วนในช่วงฤดูร้อน พวกเขาจะออกมาอาศัยในบริเวณที่ราบ โดยสรุปแล้วพวกเขามีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย และแล้วเวลาก็ผ่านไป รุ่นแล้วรุ่นแล้ว พวกเขามีชีวิตอยู่ในความสุขสบาย ทรัพย์สินของพวกเขามีมากมาย แทบจะใช้ไม่หมด ด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขามากมายนั้น จึงทำให้พวกเขาหลงลืมจากการรำลึกถึงอัลลอฮ หลงลืมความสัจจริง พวกเขาสร้างเจว็ดแล้วกราบไหว้บูชา

         


          ขณะที่ ชาวษะมูด จมอยู่ท่ามความหลงอยู่นั้น อัลลอฮ์ได้ส่งรอซูลท่านหนึ่งมา เพื่อนำพาพวกเขาให้หลุดพ้นจากความหลงและนำไปสู่ความสูงส่ง รอซูลท่านนั้นชื่อว่า ซอและห์ เป็น บุตรของอาบิด   ซอและห์ เป็นชายหนุ่ม ที่มีนิสัยใจคอที่งดงาม ซื่อสัตย์สุจริต แต่มีฐานะยากจน เขารู้สึกกลุ้มใจ ที่เห็นประชาชนกราบไหว้และบูชารูปปั้น รู้สึกผิดหวัง ที่พวกเขามักจะกระทำความโหดเหี้ยม  พูดจามดเท็จ และกระทำทารุณแก่ผู้ที่อ่อนแอกว่า ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจที่จะอยู่เงียบๆ คนเดียว เพื่อตัวเขาจะได้ห่างไกลจากการกระทำชั่วร้าย ความลุ่มหลง  และแล้วเขาจึงเดินทางไปอยู่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อหาความสงบทางจิตใจ และประกอบอิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์


           หลังจากเขาประกอบอิบาดะห์อยู่สักระยะหนึ่ง เขาได้รับการแต่งตั้ง จากอัลลอฮ์ ให้เป็นนบี สำหรับประชาชาติของเขา  พระองค์ได้สั่งให้ นบีซอและห์ ออกไปเพื่อเชิญชวนประชาชนให้มีความศรัทธาต่ออัลลอฮ์ในความจริงและความสูงส่งของพระองค์ ทันทีที่ได้รับคำบัญชาจากอัลลอฮ นบีซอและห์จึงออกไปเชิญชวนประชาชนโดยกล่าวว่า 

“ โอ้ประชาชาติของข้า ! แท้จริงแล้ว ข้าได้รับการบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า  ให้เชิญชวนพวกท่านกระทำอิบาดะห์ต่อพระองค์เพียงผู้เดียว ”

หลังจากที่ประชาชนได้ฟังคำเชิญชวนของท่านแล้ว พวกเขาจึงฉงนสงสัย จึงเอ่ยถามว่า

“ ผู้ใดเล่ามีบัญชาเจ้าให้มาหาพวกเรา โอ้ซอและห์ ? ”

ซอและห์จึงตอบว่า  “ อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าได้บัญชาให้มาบอกแก่พวกเจ้า  เพื่อละทิ้งความหลง และนำพวกเจ้าไปสู่หนทางที่เที่ยงแท้ ”

หลังจากที่ฟังคำตอบของนบีซอและห์แล้ว พวกเขาจึงหัวเราะเยาะชอบใจ บางส่วนจึงพูดว่า

“ โอ้ซอและห์ มันอีกนานที่เราจะตามเจ้า ทางที่ดีเจ้าจงกลับไปทำ อิบาดะห์ที่พักของเจ้าจะดีกว่า ”

          ประชาชนไม่ยอมฟังคำเชิญชวนของนบีซอและห์ พวกเขายังคงทำตามอารมณ์ของพวกเขา ในการกราบไหว้รูปปั้น และยังคงทำความชั่วเช่นเดิม แต่ในฐานะเป็นรอซูล คนหนึ่ง ท่านจึงเป็นคนที่มีความสงบเยือกเย็นอดทน  และยังคงออกไปเชิญชวนประชาชาติของท่านอย่างสม่ำเสมอ ที่ไหนที่พวกเขารวมตัวกัน ท่านก็จะไปเชิญชวนเสมอ 

          “ โอ้ประชาชาติของข้า ! พวกเจ้าจะต้องกราบไหว้อัลลอฮ์ จงละทิ้งจากการกราบไหว้บูชาเจว็ด  พวกเจ้าจะกราบไหว้สิ่งอื่นไม่ได้นอกจากพระองค์ผู้เดียว จงรำลึกถึงความโปรดปรานทั้งหลาย ที่พระองค์ประทานให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้ามีชีวิตอย่างสุขสบาย กระทั่งสามารถสร้างคฤหาสน์ที่สวยงามตระการตา ความโปรดปรานทั้งหลายนั้นมาจากพระองค์  พวกเจ้าจะต้องขออภัยโทษต่อพระองค์ในความผิดทุกอย่างที่กระทำไป ”


          จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นบีซอและห์ มิเคยเบื่อหน่ายที่จะเชิญชวนประชาชาติของท่าน ให้กระทำความภักดีต่ออัลลอฮ ในบรรดาพวกเขานั้น มีบางส่วนที่เชื่อถือในคำเชิญชวนของ นบีซอและห์ จากนั้นพวกเขาจึงร่วมกันเชิญชวนประชาชนให้กราบไหว้อัลลอฮ และละทิ้งการบูชารูป โดยส่วนใหญ่แล้ว เป็นคนยากคนจน คนมีฐานะ ต่ำต้อยที่ยอมรับคำเชิญชวนของท่านอย่างเต็มใจ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ คนรวย และคนที่มีชื่อเสียง ต่างคัดค้านถึงที่สุด ด้วยความเย่อหยิ่งพวกเขาพูดว่า

 “ โอ้ซอและห์ ! เจ้าจะมาให้พวกเราละทิ้งการกราบไหว้บูชารูปนั้น ทั้ง ๆ ที่ปู่ย่าตายายเรากระทำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ”

นบีซอและห์จึงพูดว่า “ รูปปั้นที่พวกเจ้าอุปโลกน์ให้เป็นพระเจ้านั้นไม่สามารถทำอะไรใด ๆ แก่พวกเจ้าได้หรอก มันไม่สามารถให้คุณประโยชน์แก่พวกเจ้า  และไม่สามารถให้โทษแก่พวกเจ้าได้เช่นกันด้วย  แล้วพวกเจ้ากราบไหว้มันได้อย่างไร พวกเจ้าไม่ได้คิดบ้างดอกหรือ ?

พวกที่ปฏิเสธก็ยังคงดื้อดึง แต่ผู้ที่ได้รับทางนำ กลับยอมรับอย่างง่ายดาย พวกที่ปฏิเสธจึงพูดว่า 

“ แต่ก่อนนั้นพวกเราเคารพเจ้าว่าเป็นคนดี แต่บัดนี้เรารู้สึกผิดหวังเหลือเกิน กับจุดยืนที่โง่เง่าของเจ้า เราจะละทิ้งพระเจ้าที่ปู่ย่าตายายของเรากราบไหว้บูชาดอกหรือ หรือว่าเจ้าบ้าไปแล้วกระมัง โอซอและห์ ”

ซอและห์จึงพูดว่า “ ท่านทั้งหลาย ! ข้าไม่ได้บ้า ข้าเชิญชวนพวกท่านไปสู่หนทางที่เที่ยงธรรม คือพวกท่านทั้งหลายจงกราบไหว้อัลลอฮ  ทำไมเล่าพวกเจ้ายังคงชักช้าอยู่อีกหล่ะ ทั้ง ๆ ที่คนฉลาดคนอื่น ๆ เขาเชื่อใน อัลลอฮและตามฉันแล้ว ”

หลังจากที่พวกเขาเห็นว่า คนที่ตามนบีซอและห์ยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พวกเขาพูดกันว่า

“ ใช่ ! สมาชิกของ ซอและห์ ยิ่งเพิ่มมากขึ้น พวกเขาได้ละทิ้ง บรรดาพระเจ้าของเรา  หากเราไม่ทำอะไรสักอย่างแล้ว ศาสนาของเราต้องเสียงหายแน่นอน ”

บางคนพูดว่า“ อิทธิพลของซอและห์นับวันยิ่งได้รับการต้อนรับจากประชาชน ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น  หากเรายังปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินอยู่ล่ะก็ ทำให้พวกเราย่ำแย่แน่ ”

บางส่วนพูดว่า “ ซอและห์เขาแกล้งหามวลชน เพราะเขาอยากจะมีชื่อเสียง เขาเป็นคนพูดจามดเท็จ ”

           มีคำพูดและข้อเสนอมากมายที่ถูกเสนอขึ้นมา พวกเขามีมติร่วมกันที่จะคัดค้าน นบีซอและห์ อย่างถึงที่สุด  นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เมื่อใดที่พวกเขาพบกับสมาชิกของ นบีซอห์และห์  ที่พยายามจะเชิญชวนพวกเขา

 พวกเขาจึงพูดว่า “ ทำไมมันช่างง่ายดายเหลือเกินที่ทำให้พวกเจ้าต้องตามซอและห์ ? ”

สหายของนบีซอและห์ จึงตอบว่า “ เพราะซอและห์เขาเชิญชวนพวกเราไปสู่สัจธรรม และ ห้ามพวกเราจากการกระทำที่เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ”

พวกเขาจึงพูดเย้ยหยัน“ พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ซอและห์นั้นเป็นตัวแทนจากอัลลอฮ์ ”

บรรดาผู้ศรัทธา จึงตอบว่า “ ใช่แล้ว ! เขาเป็นตัวแทนของอัลลอฮ์ เราศรัทธาในตัวเขา ”

พวกผู้ปฏิเสธจึงพูดว่า

“ เราจะไม่เชื่อเด็ดขาดกับสิ่งที่พวกเจ้าศรัทธา พวกเจ้าคิดหรือ  ทุกคำพูดที่ซอและห์พูดออกมานั้น เป็นความจริงทุกประการ ? เป็นไปได้หรือที่เขาพูดว่า มีพระเจ้าที่ชุบชีวิตใหม่ หลังจากที่เราตายไป  พระองค์จะทรงตอบแทนการกระทำทุกอย่างของเรา   ทำดีก็จะตอบแทนด้วยความดี   ทำชั่วก็จะตอบแทนด้วยความชั่ว พวกเจ้าอย่าได้เชื่อเลย กับคำพูดของเขา หลังจากตายไป เราจะไม่มีชีวิตอีกแล้ว ซอและห์เขาเป็นบ้าไปแล้ว ”

          นบีซอและห์ ยังคงออกไปเชิญชวนประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าท่านจะถูกเย้ยหยัน เกลียดชัง และถูกดุด่าว่าร้ายปานใดก็ตาม    แต่ท่านก็ยังคงเชิญชวนอย่างไม่ลดละ  ครั้งหนึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ได้ให้ข้อเสนอพิเศษ

 โดยพูดว่า “ โอ้ ! ซอและห์ เจ้าต้องการตำแหน่งบ้างไหม เกียรติยศและศักดิ์ศรีหรือความร่ำรวย ? ”

นบีซอและตอบอย่างชัดแจ้งว่า “ ข้าเชิญชวนพวกเจ้าสู่อัลลอฮ์ ” มิใช่เพื่อตำแหน่งหรือเกียรติยศและศักดิ์ศรีหรอก ”

แต่หลังจากตำแหน่งดังกล่าวไม่เป็นผล พวกเขาจึงใส่ร้ายป้ายสีโดยพูดว่า

“ ที่แท้เจ้านี่เป็นพวกมายากล เจ้าก็เป็นมนุษย์ เหมือนพวกเรา  หากเจ้าเป็นตัวแทนจากพระเจ้าจริง ๆ แล้ว ไหนล่ะหลักฐาน ! ”

นบีซอและห์จึงถามว่า “ เจ้าต้องการหลักฐานอะไรที่จะให้ข้าแสดงให้รู้ว่า ข้าเป็นตัวแทนของอัลลอฮจริง ? ”

พวกเขาจึงพูดว่า “ จงทำอูฐตัวใหญ่ตัวหนึ่งให้มีขนสีแดง มีขอบตาสีดำ และ มีน้ำหนักที่ประชาชนในเมืองนี้กินแล้วไม่รู้จักหมด ”

ซอและห์จึงพูดว่า “ ได้ ตกลง ข้าจะขอจากอัลลอฮ์ ให้เห็นชอบกับคำขอของพวกเจ้า ”

         เพื่อให้ได้ตามคำขอของประชาชาติของท่าน นบี ซอและห์ จึงขอดุอาจากอัลลอฮ์  เพื่อให้พระองค์ทรงประทานอูฐตามที่พวกเขาต้องการ  อัลลอฮ์ แจ้งให้ นบีซอและห์ บอกให้ประชาชนมารวมตัวกัน ที่บริเวณโขดหินขนาดใหญ่  บริเวณชานเมือง หลังจากนั้น พวกเขาต่างคน ต่างก็เดินไปที่บริเวณโขดหินดังกล่าว  หลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงบริเวณดังกล่าวไม่นาน  ทันใดนั้นมีอูฐตัวหนึ่งออกมาจากก้อนหิน ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาต่างคนก็ตะลึงงันอย่างไม่เชื่อสายตา

 ในบรรดาพวกเขาจึงอุทานว่า

“ จริงหรือ ที่อูฐตัวนั้น นำมาโดย นบี ซอและห์ จากพระเจ้าของเขา ให้มาเป็นหลักฐาน ? จริงหรือซอและเป็นตัวแทนของพระเจ้า ? ”

เมื่อพวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ ผิดธรรมชาติเช่นนี้ จึงมีจำนวนหลายคนที่ศรัทธา  แต่พวกเขาส่วนใหญ่ยังคงปฏิเสธและพูดว่า “ ซอและห์เป็นนักเล่นกลที่เยี่ยมยอด ”

นบี ซอและห์ จึงพูดว่า

“ นี่แหล่ะอูฐของพระเจ้าประทานมา เพื่อเป็นหลักฐานแก่พวกเจ้า  ปล่อยให้มันกินตามความพอใจของมัน  พวกเจ้าจงอย่าได้รบกวนหรือทำร้ายมัน  จงปล่อยให้มันดื่มน้ำเป็นเวลาหนึ่งวัน และพวกเจ้าหนึ่งวันสลับกัน หากพวกเจ้ารบกวนมันแล้ว จงคอยอาเพศจากพระเจ้าจะลงมายังพวกเจ้า ”

         ประชาชน ต่างคนต่างก็พูดคุยกัน ในเรื่องอูฐ อย่างไม่ขาดสาย  พวกเขาปล่อยให้มันมีชีวิตอย่างอิสระ พวกเขาตระเตรียมน้ำ ให้หนึ่งวันสำหรับอูฐ และ หนึ่งวันสำหรับชาวษะมูด คนยากคนจนต่างกันก็มีความสุขที่ได้ดื่มนมจากอูฐ อย่างอิ่มหนำสำราญใจ

คนหนึ่งจากพวกเขาพูดว่า

“ ใช่แล้ว ซอและห์เป็นตัวแทนของอัลลอฮ เขาสามารถประจักษ์พยาน  เพื่อบ่งบอกถึงความจริงทั้งหมด เราไม่สามารถหักล้างเหตุผลของเขาได้ ”

         สมาชิกของ นบีซอและห์ นับวันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ผู้ที่ร่ำรวยมีความอิจฉาต่อ  นบีซอและห์ ที่เห็นสมาชิกของเขา  เพิ่มมากขึ้นทุกวัน นับวันเขายิ่งได้รับเกียรติจากสมาชิกของเขา

 พวกเขาจึงหารือกันว่า “ เราปล่อยให้ซอและห์มีอิทธิพลเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราต้องหาวิธีกำจัดเขา ”

          บรรดาแกนนำของพวกบูชาเจว็ดได้แก่ ซุมา บินอัมร์ บินลาบิด กับบาบ  และช่างมีชื่อว่า รอบบาน บินสะก็อร และพรรคพวกออกมาพบกันประชาชนโดยพูดว่า 

“ พวกเจ้าดูสิ อูฐตัวนั้นได้มาสร้างความวุ่นวายแก่พวกเจ้าแล้ว สัตว์เลี้ยงของพวกเจ้าวิ่งหนีเข้าป่า ปล่อยให้อูฐของ ซอและห์ เที่ยวกินอย่างอิสระ ทำไมพวกเจ้าไม่คิดทำอะไรบ้างหล่ะ ? ”

สมุนของพวกเขาพูดว่า“ จริงตามที่ท่านพูด สัตว์เลี้ยงของเราผอมแห้งไปหมดแล้ว แล้วอะไรล่ะที่เราต้องทำต่อไป ? ”

พวกที่คอยยุแหย่นั้นเสนอข้อคิดว่า “ ต้องฆ่าสัตว์ตัวนั้นเสีย ”

พวกเขาจึงถามพลัน“ แล้วเราจะฆ่าอูฐของพระเจ้าได้อย่างไรหล่ะ ฆ่ามันไปแล้วผลของมันย่อมไม่ดีแน่ ”

          อัลลอฮ์ทรงประทานวะฮีย์มายัง นบีซอและห์ แจ้งให้ทราบถึงแผนการณ์ของประชาชาติของท่าน จากนั้นท่านจึงไปหาประชาชาติของท่านเพื่อให้การตักเตือน

“ โอ้ประชาชาติของข้า ! พวกเจ้า จงอย่าได้ทำตามอารมณ์ของตัวเอง อีกหน่อยพวกเจ้าจะต้องเสียใจ  จงขออภัยโทษจากอัลลอฮ หวังว่าพระองค์จะโปรดปรานพวกเจ้า ”

ผู้ศรัทธาจึงตอบว่า “ เราจะไม่รบกวนหรือทำร้ายอูฐตัวนั้นแน่นอนโอ้นบีซอและห์ ”

นบีซอและห์จึงอธิบายว่า “ มีคนที่คอยยุแหย่ให้ฆ่ามัน อีกหน่อยจะมีคนที่จะฆ่ามัน คนผู้นั้นมีผิวลายๆ ”

บรรดาผู้ศรัทธาให้สัญญาว่าจะคอยดูแลมันเป็นอย่างดี และจะจัดการกับผู้ใดที่มาฆ่าอูฐตัวนั้น ”

         

          ทารกที่มีผิวเป็นลายๆ ได้ถือกำเนิดในตระกูลนักรบชาวอ๊าดที่แข็งแกร่ง ทันที่ออกจากครรภ์มารดา   หมอตำแยอุทานขึ้นว่า “ เด็กคนนี้แหละที่ซอและห์เคยเล่าไว้ ” ทารกที่มีผิวเป็นลายๆ นั้นถูกตั้งชื่อว่า กุดูร ประชาชนไม่กล้าเปิดปากที่พูดคุยเรื่อง  เด็กแปลกคนนี้ ต่างคนก็เอาแต่กระซิบกันเท่านั้น  ไม่กล้าพูดคุยอย่างเปิดเผย เพราะกลัวปู่ทั้งสองคนของเขา เพราะคนทั้งสองเป็นนักรบที่เหี้ยมโหด และได้รับเกียรติจากสังคม  หลายปีผ่านไป เด็กนั้นได้เติบโตเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นมัดๆ มีนิสัยที่โหดเหี้ยม  ไม่มีผู้ใดเลยที่กล้าต่อกรกับเขา เขามีชีวิตอย่างอิสระและได้รับการยกย่องจากประชาชน  ทุกการกระทำของเขา ไม่มีผู้ใดเลย ที่กล้าขัดขวางและห้ามปราม เพื่อนๆ อีกจำนวนแปดคนที่ไล่เลี่ยของเขา ก็มีนิสัยใจคอเหมือนกับเขา ไม่มีผิด พวกเขาเป็นที่หวาดกลัว และ เกรงขามของประชาชน  ครอบครัวของคนเหล่านี้มักจะคอยยุแหย่ให้ทำร้าย นบีซอและห์ และ สหายอยู่ตลอดเวลา เลือดหนุ่มของเขาพุ่งกระฉูด อยากจะทำความชั่วตลอดเวลา ภายใต้การนำของชายหนุ่มผู้นี้ จึงได้จัดชุดไล่ล่าอูฐ ด้วยความรู้สึกทระนง

ชายหนุ่มทั้งแปดคนจึงตัดสินใจว่า

“ เราจะปล่อยให้อูฐของซอและห์อยู่อย่างสบายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  เราจะต้องช่วยกันฆ่าอูฐของซอและห์พร้อมๆ กัน ”

หนึ่งในจำนวนพวกเขาพูดว่า “ ญาติพี่น้องของซอและห์จะต้องล้างแค้นพวกเราแน่ ”

เพื่อนอีกคนหนึ่งพูดว่า “ เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว เราก็ลงมือฆ่าในเวลากลางคืน เราฆ่าอูฐมันก่อน จากนั้นเราค่อยจัดการกับซอและห์ ”

           ชายหนุ่มทั้งแปดคน ยิ่งมีความมั่นใจสูงขึ้น บิดามารดาของพวกเขาบางส่วนได้ตักเตือนว่า อย่าได้ฆ่าอูฐตัวนั้นเลย  แต่บัดนี้ดูแล้วแทบจะไม่มีผลอีกต่อไป ไม่มีผู้ใดที่สามารถหักห้ามความตั้งใจของพวกเขาเลย พวกเขาวางแผนว่า  ผู้ใดจะเป็นคนลงมือฆ่าอูฐ ?  พวกเขาถามกันเอง แม้ว่าเป็นชายหนุ่มที่ทรงพลัง และมีความมั่นใจในความสามารถสูง  แต่ความกลัวก็ยิ่งเข้ามาสะกิดหัวใจ ด้วยเหตุนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจในครั้งนี้ 

เหล่าสตรีของพวกเขาจึง พูดท้าทายว่า “ ไม่มีบ้างหรือนักรบของพวกเราที่กล้าฆ่าอูฐตัวนั้น ? เร็ว กำจัดอูฐ และ ซอและห์ให้สิ้นซากไป พวกเราจะคอยให้กำลังใจ ”

          ขณะที่เขากำลังสนทนาอยู่นั้น มีสตรีผู้หนึ่งลุกขึ้น  เขาเป็นสตรีที่มีความคลั่งไคล้กับการกราบไหว้บูชาเจว็ด  เขาเดินเข้ามาใกล้กับกุดัร บิน ซาลิฟ หัวหน้ากลุ่ม

พลางพูดว่า “ โอ้กุดัรบุตรของข้า , บุตรสาวคนสุดท้องที่มีความงดงามของแม่นั้น  แม่จะยกให้เจ้า หากเจ้ายอมที่จะฆ่าอูฐตัวนั้น ”

ทิ่ริมฝีปากของกุดัรปรากฏรอยยิ้ม เขาจึงพูดว่า “ แม่เอ๋ย ! ลูกพร้อมที่จะออกไปฆ่าซอและห์และอูฐของมัน ”

          หญิงแก่ผู้นั้นยิ้มร่าเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มผู้นั้น หญิงแก่ผู้นี้เป็นคนที่มีจิตใจเคียดแค้น  กระทั่งเขายอมที่จะยกให้ลูกสาวของตัวเองให้เผื่อปกป้องเจว็ดของพวกเขา  ทันใดนั้นมีหญิงหม้ายคนหนึ่ง ชื่อว่า โซดุก ลุกขึ้นพูดกับลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ชื่อว่า มุสัดดะ เพื่อนของกุดัรว่า “ พี่จ๋า น้องและทรัพย์สินทั้งหมดของน้องจะยกให้เป็นของพี่ทั้งหมด หากพี่ยอมที่จะฆ่าอูฐตัวนั้น ”

มุสัดดะ จึงพูดว่า “ เพื่อน้อง พี่ยอมที่จะฆ่าอูฐตัวนั้น ”

          ผู้หญิงจำนวนหลายคนที่ออกมาอย่างเปี่ยมด้วยความหวัง   โดยได้เดิมพัน ด้วยตัวและทรัพย์สินของพวกเขา  หวังเพื่อปกป้องเจว็ดที่พวกเขากราบไหว้บูชา แต่เมื่อบรรดาชายฉกรรจ์ได้มองไปยังสาวสวยเหล่านั้นแล้ว  ทำให้พวกเขายิ่งมีกำลังใจและแล้วในที่สุดพวกเขา จึงตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะฆ่าอูฐที่มาทำความยุ่งยากแก่พวกเขา

          วันที่พวกเขากำหนดที่จะลงมือฆ่าอูฐก็มาถึง บรรดาชายฉกรรจ์ได้เตรีมพร้อม  เพื่อฆ่าอูฐตัวใหญ่ผิดปกติตัวนั้น  แต่ด้วยคนจำนวนมากที่มามุงดูและให้กำลังใจ จึงทำให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป เสียงร้องโห่ดังสนั่น  พวกเขาออกไปหาอูฐตัวนั้น ประชาชนจำนวนมากโห่ร้องให้กำลังใจพวกเขา กุดัรเดินนำหน้าชายฉกรรจ์อย่างทระนง  พร้อมคันธนูที่พาดบ่า

          ขณะนั้นอูฐกำลังดื่มน้ำ นักรบเหล่านั้นก้าวอย่างเข้มแข็ง พวกเขาได้เข้าไปห้อมล้อมอูฐตัวนั้น คนหนึ่งในจำนวนนั้นก้าวออกมา เพื่อจะฆ่าอูฐ    แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ผู้นั้นเกิดอาการสั่นเทา หน้าซีด และแขนขาของเขาสั่นเทา คันธนูในมือหล่นลงมากับพื้นและเขาต้องถอยหลัง

“ เชอะ ไอ้ขี้ขลาดตาขาว !"

          เพื่อนอีกคนพูดออก  พลันตัวเองก็ก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ เขาพกคันธนูพร้อมที่จะปล่อยลูกธนูออกไปฆ่าอูฐอย่างคล่องแคล่ว แต่ทันใดนั้น  ตัวเขาสั่นและข้อทุกส่วนของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ คันธนูของเขาหล่นจากมือ และเขาต้องถอยหลังอีกเช่นกัน  ประชาชนที่ดูเหตุการณ์นั้นต้องฉงนสงสัยเป็นอย่างมาก เพื่อนอีกหลายคนรู้สึกโกรธ  ทันใดนั้น มุสัดดะ จึงก้าวออกมา เขายิงธนูไปสู่เป้าหมายทันที ส่วนกุดัร ก็ยิ่งธนูซ้ำอีก ลูกธนูพุ่งออกไปถูกที่ขาของอูฐและล้มลงไปกับพื้น  ทันทีอูฐร้องครวญอย่างเจ็บสาหัส เมื่อได้ทีแล้ว กูดัรจึงรีบตระครุบ และ เชื่อดอูฐที่กำลังดิ้นทุรนทุราย  ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างก็ดีใจและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของพวกเขาที่ฆ่าอูฐได้

ในบรรดาพวกเขาพูดออกมาเย้ยหยัน“ ไหนล่ะซอและห์ เรียกเขามา ให้เขาเอาอาเพศตามที่เขาได้สัญญาไว้ ! ”

อูฐตัวนั้นมีลูกอยู่ตัวหนึ่ง ทันทีที่แม่ของมันล้มลง มันจึงกระโดดวิ่งหนีไปทางภูเขา และ บรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้นจึงรีบวิ่งเพื่อจับมัน

          เรื่องราวการฆ่าอูฐตัวนั้นมาถึงหูของนบีซอและห์ ท่านจึงออกไปพบกับประชาชนของเขา คนแก่จำนวนหนึ่งได้มาหา นบีซอและห์และพูดว่า “ ทำอย่างไรได้ , พวกเราไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นได้จัดการกับอูฐตัวนั้นไปแล้ว ”

นบีซอและห์ตอบว่า “ จงจับลูกอูฐและเลี้ยงมันให้ดี หวังว่าโทษที่อัลลอฮจะลงโทษแก่พวกเจ้าจะได้เบาบางลง ”

ประชาชนส่วนหนึ่งพยายามที่จะปกป้องลูกอูฐตัวนั้น แต่พวกชายฉกรรจ์ที่ชั่วร้ายได้ฆ่ามันไปแล้ว

ทันทีที่ นบีซอและห์ ทราบ จึงพูดว่า

“ พวกเจ้าจงมีความสุขสำราญเป็นเวลาสามวัน , นั้นเป็นสัญญาที่ชัดแจ้ง ในจำนวนสามวันนั้น  วันหนึ่งสีหน้าของพวกเขาจะซีดเซียว วันที่สองหน้าพวกเขาจะแดงก่ำ และ  วันที่สามใบหน้าจะดำคล้ำ และหลังจากนั้นไปโทษทัณฑ์ของอัลลอฮจะลงมายังพวกเจ้า ”

          จากนั้น นบีซอและห์ได้เดินทางออกไป บรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้นโห่ร้องอย่างสะใจ !บรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างดีอกดีใจ พวกเขาช่วยกันแบกลูกอูฐไปไว้ใกล้ ๆ กับแม่อูฐจากนั้นพวกเขาก็แล่หนัง และสับ เนื้ออูฐ อย่าเมามัน

หนึ่งในบรรดาพวกเขาพูดว่า “ เอะ ! ซอและห์ช่างเก่งเหลือเกินที่คาดการณ์ว่าอาเพศจะประสบกับพวกเราอีกสามวันข้างหน้า ”

บางคนพูดว่า “ บัดนี้อูฐของเขาก็ถูกฆ่าแล้ว ไหนล่ะ อำนาจของเขา ? ”

         พวกเขาพูดเย้ยหยัน นบีซอและห์ มากมาย จากนั้นพวกเขาได้วางแผนจะเอาชีวิต นบีซอและห์  โดยวางแผนที่จะเดินทางไกล แต่ที่จริงแล้วพวกเขากำลังซุ่มเพื่อจะหาโอกาส ฆ่า นบี ซอและห์ และ ครอบครัว ก่อนที่พวกเขาจะออกไป ซุ่ม จึงพูดว่า

“ จงคอยดูแผนของเราต่อไป ! อีกไม่นาน ซอและห์ และ ครอบครัว จะต้องตายด้วยฝีมือของเรา เขาจะต้องมีสภาพอย่างอูฐของเขา ”

         ขณะที่พวกเขากำลังดักซุ่มในหลืบหินที่เป็นช่องสลับซับซ้อนอยู่ไม่ไกล จากศาลเจว็ดของพวกเขานั้น  ทันใดนั้นก้อนหินขนาดมหึมาก็ ถล่มลงมาทับพวกเขาตายอนาถ โดยไม่ทันที่พวกเขาจะทำอะไร วันรุ่งขึ้นประชาชนที่รู้ถึงแผนฆ่าซอและห์ พวกเขาจึงออกไป เพื่อจะไปดูศพของ นบีซอและห์ และ ครอบครัวของเขา แต่พวกเขาต้องตกใจอย่างที่สุด เมื่อศพที่พวกเขาพบเห็นนั้นมิใช่เป็น  ศพของนบีซอและห์ แต่กลับเป็นศพของชายฉกรรจ์ ในวันนั้นใบหน้าของผู้ปฏิเสธชีดเซียว เสมือนถูกทาด้วยขมิ้น ต่างคนต่างสงสัยเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อน

พวกเขาถามกันเอง “ จริงตามคำเตือนของซอและห์หรือ ?! เราจะประสบกับอะไรอีกสามวันข้างหน้า ”

         พวกเขาเอาแต่นั่งกลุ้มใจทั้งวัน คำถามมากมายที่ผุดอยู่ในหัวสมองของพวกเขา  ต่างก็รู้สึกผิดหวัง บ้างก็ร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น  บ้างก็ร้องไห้นึกถึงอาเพศที่จะเกิดกับตัวเอง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว หนึ่งวันผ่านไป พวกเขาเศร้าใจเสียใจอย่างเหลือคณา วันที่สองก็เยือนมา ใบหน้าของพวกเขา  จากสีเหลืองซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ จิตใจของพวกเขายิ่งตีบขึ้น ลูกตาบวม แต่การร้องไห้ของเขา  ไม่ผลอะไรอีกต่อไปแล้ว มันสายเกินแก้ นอกจากแต่คอยวินาทีแห่งการตัดสินเท่านั้น

         วันที่สองผ่านไป วันที่สามก็เยือนมาอีก สีหน้าของเขาดำคล้ำอย่างกระทันหันเสมือนเป็น ตอตะโก ดวงตาของพวกเขาลุกวาวอย่างเหลือคณา จากนั้นพายุโหมกระหน่ำ ฟ้าผ่าอย่างบ้าคลั่ง  ทันใดนั้นเสียงกระหื่มทั่วทุกหัวระแหง ชาวษะมูดที่หยิ่งทะนงนั้นไม่สามารถไหวเคลื่อน  ได้อีกต่อไปแล้ว ต่างคนต่างล้มลงเสมือนท่อนไม้ถูกพายุถาโถมจมล้มไม่เคลื่อนไหว   บ้านและที่อาศัยรวมทั้งคฤหาสห์ที่ใหญ่โตมโหฬารของพวกเขาพังทลายยับเยิน

          นบีซอและห์และบรรดาสาวกของท่านทุกคนปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่น่าสะพึงกลัว  ครั้งนั้น ท่านได้หันมามองประชาชาติของท่านที่สลายไปนั้น  และได้กล่าวว่า

 “ โอ้ประชาชาติของฉัน ! ฉันได้ตักเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า หากพวกเจ้ายังไม่เชื่อฟัง  และคงอยู่ในความหลงผิดแล้ว พวกเจ้าจะไม่มีวันปลอดภัย ในความฟุ่มเฟือย และ   ความสำราญได้เลย ฉันได้บอก ให้พวกเจ้าภักดีต่ออัลลอฮ  แต่แล้วพวกเจ้าก็ยังกระด้าง และยังคงกระทำอธรรมบนหน้าแผ่นดินอีก "

 “ โอ้ประชาชาติของฉัน ! แท้จริงแล้วฉันได้ส่งสาส์นของพระผู้เป็นเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว พร้อมยังได้ให้คำตักเตือนต่างๆ นานา  แต่แล้วพวกเจ้าก็กลับเกลียดชังผู้ที่คอยให้คำตักเตือนพวกเจ้า ! ”

          หลักจากที่บรรดาผู้ปฏิเสธได้ล่มสลายไปพร้อมกับบ้านเมืองของเขาแล้ว นบีซอและห์  พร้อมกับผู้ติดตามท่าน จึงได้โยกย้ายไปอาศัยในบริเวณที่แห่งหนึ่งชื่อว่า อัล - รามัลละห์  ในปาเลสไตน์ พวกเขาอพยพไปเพื่อไปตั้งถิ่นฐานใหม่

 

   

 www.islam-thailand.com