ผู้หญิงมีรายได้จากการทำงาน  จำเป็นจะต้องออกค่าใช้จ่ายภายในบ้านด้วยหรือไม่ ?

คำถาม

        ผู้หญิงที่มีรายได้จากการทำงานนั้น  จำเป็นจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายภายในบ้านด้วยหรือไม่ เนื่องจากสามีได้กล่าวแก่หล่อนว่า  หากไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายภายในบ้านแล้ว  สามีจะไม่อนุญาตให้ออกไปทำงานอีกต่อไป 

          จากคำกล่าวของฝ่ายชายข้างต้นนี้  มีความถูกต้องเกี่ยวกับเงินรายได้ของภรรยาของเขาหรือไม่   และถ้าหล่อนมีความจำเป็นจะต้องช่วยสามี  ในการออกค่าใช้จ่ายภายในบ้านด้วยแล้ว  จะมีการแบ่งสัดส่วนของค่าใช้จ่าย  ระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิงอย่างไร

บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์

คำตอบ

         จากปัญหาข้างต้นนี้  สามีและภรรยา  สมควรอย่างยิ่งที่ทั้งคู่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการช่วยกันออกค่าใช้จ่ายภายในบ้าน  ในกรณีที่ทั้งคู่ต่างมีงานทำ  และมีรายได้  เพื่อให้การอยู่ร่วมกันภายในครอบครัวนั้นมีความปรองดองกัน  และหลีกเลี่ยงจากการโต้เถียงกัน

ซึ่งในรูปแบบของการปฏิบัตินั้น  สามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้

         1. ถ้าสามีได้วางเงื่อนไขในการแต่งงานไว้ว่า  ทั้งคู่จะต้องช่วยเหลือกันในการออกค่าใช้จ่ายภายในบ้าน  ไม่เช่นนั้นแล้วสามีจะไม่อนุญาตให้ภรรยาออกไปทำงาน  นั้นหมายความว่า  ฝ่ายหญิงจำเป็นจะต้องช่วยเหลือสามีในการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายภายในบ้านด้วย เพราะบรรดาพี่น้องมุสลิมนั้นจะเกี่ยวข้องกันตามพันธะสัญญาที่พวกเขาต่างให้กันไว้

ดังฮาดีษของท่านนบีมุฮัมมัด   ได้กล่าวว่า 

          “บรรดามุสลิมนั้น  จะเกี่ยวข้องกันตามเงื่อนไขที่พวกเขาได้ตกลงกันไว้  เว้นเสียแต่ว่าเงื่อนไขดังกล่าวนั้นเป็นที่ต้องห้ามหรือไม่ถูกต้องตามหลักการศาสนา  อันจะส่งผลให้ข้อตกลงนั้นไม่เป็นที่อนุมัติหรือสามารถยกเลิกเงื่อนไขดังกล่าวได้”

ซึ่งท่านนบีมุฮัมมัด   ได้กล่าวเอาไว้ว่า 

          “ข้อตกลงระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง  ที่ได้ให้กันไว้นั้น  จะสมบูรณ์หรือว่านำไปปฏิบัติใช้ได้ ก็ต่อเมื่อ  ข้อตกลงดังกล่าวนั้นเป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา”

            จากปัญหาข้างต้น  จำเป็นที่คุณจะต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขที่ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายได้ตกลงทำกันไว้ในพิธีแต่งงาน 

          2. ถ้าคุณไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลย  ที่ได้ตกลงกันไว้ในพิธีแต่งงาน   ในส่วนของค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในบ้าน  จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายชายแต่เพียงผู้เดียว  โดยที่ภรรยาไม่ต้องช่วยเหลือค่าใช้จ่ายภายในบ้านเลย

ดังพระวจนะของพระองค์อัลลอฮ์ ที่ว่า

          “ควรให้ผู้มีฐานะร่ำรวยจ่ายตามฐานะของเขา ส่วนผู้ที่การยังชีพของเขาเป็นที่คับแค้นแก่เขา ก็ให้เขาจ่ายตามที่อัลลอฮทรงประทานมาให้แก่เขา  อัลลอฮมิได้ทรงให้เป็นที่ลำบากแก่ชีวิตใด เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประทานมาแก่ชีวิตนั้น หลังจากความยากลำบาก อัลลอฮ์จะทรงทำให้เกิดความสะดวกสบาย”  

(ซูเราะฮ al-Talaaq 65:7)

และท่านนบีมุฮัมมัด   ได้กล่าวเอาไว้ว่า  

“จำเป็นที่สามีจะต้องจ่ายเงินให้กับภรรยา  ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื้อผ้า  และสิ่งอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับนาง”

          ดังนั้น  เรื่องค่าใช้จ่ายจึงเป็นหน้าที่สำหรับสามี  ที่จะต้องดูแล  สิ่งจำเป็นภายในบ้าน  และสิ่งที่จำเป็นสำหรับบรรดาภรรยาและลูก ๆ  ส่วนเงินรายได้และเงินเดือนของภรรยานั้นเป็นสิทธิของเธอ  เนื่องจากเธอนั้นเป็นผู้หามาได้  

         ดังนั้นถ้าสามีไม่มีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านให้กับภรรยาตั้งแต่ในพิธีแต่งงานแล้ว  นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายภายในบ้าน  ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งหรือครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่าย  เว้นเสียแต่ว่า  นางยินดีที่จะช่วยเหลือในการแบ่งเงินรายได้ที่นางหามา เพื่อช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายภายในบ้าน

ดังอายาตกุรอ่าน

         “และจงให้แก่บรรดาหญิงซึ่งมะฮัรของนาง ด้วยความเต็มใจ แต่ถ้านางเห็นชอบที่จะให้สิ่งหนึ่งแก่พวกเจ้าจากมะฮัรนั้นแล้ว ก็จงบริโภคสิ่งนั้นด้วยความเอร็ดอร่อยและโอชา”

(ซูเราะฮ al-Nisaa’ 65:7)

          แต่ถ้าในการแต่งงาน  ได้มีการวางเงื่อนไขของตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายภายในบ้านแล้ว  ก็จำเป็นที่บรรดาผู้ศรัทธา  จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้

           อย่างไรก็ตาม ขอให้คำแนะนำว่า  ฝ่ายหญิงควรจะที่จะแบ่งรายได้บางส่วนให้กับสามี  เพื่อให้เขาเกิดความยินดี  และช่วยแก้ปัญหาข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น  ซึ่งจะทำให้ครอบครัวมีความสุขสงบ และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  โดยที่ฝ่ายหญิงอาจจะแบ่งรายได้ให้กับฝ่ายชาย  อาจจะเป็นครึ่งหนึ่ง  หรือหนึ่งในสาม หรือหนึ่งในสี่  ของรายได้ทั้งหมด  อันจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้  อีกทั้งช่วยลดความขัดแย้งภายในครอบครัว  ซึ่งจะทำให้เกิดความรักความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวขึ้นมาแทน

          หรือบางทีฝ่ายชายอาจจะกระทำตามคำสั่งของพระองค์อัลลอฮ์  ดังอายาตกุรอ่านที่ได้ยกมาข้างต้น  โดยที่ฝ่ายชายเต็มใจที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมด  โดยที่ไม่ต้องเงินจากทางฝ่ายหญิงมาช่วยเลย   เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮ 

          แต่ถ้าหากกรณีข้างต้นนั้น  เป็นเรื่องที่แก้ปัญหาได้ยากแล้ว  ควรจะนำปัญหาดังกล่าว  มอบให้เป็นหน้าที่ของศาลที่อยู่ในเมืองของคุณ  ได้ทำการตัดสินพิจารณา  ซึ่งการใช้กฎชารีอะ ในการตัดสินปัญหานี้ก็เป็นการเพียงพอแล้ว  หากพระองค์ทรงประสงค์ 

ขอพระองค์อัลลอฮ์   ได้ทรงโปรดประทานความช่วยเหลือแก่คุณทั้งสอง

จากฟัตวาของ  Shaykh ‘Abd al-‘Azeez

ที่มา  http://www.islamqa.com/en/cat/74&page=1

แปลโดย  นูรุ้ลนิซาอ