5 รู้ 5 ให้ สำหรับพ่อยุค 2010
  จำนวนคนเข้าชม  5924

 

5 รู้ 5 ให้ สำหรับพ่อยุค 2010
 
 


  
 
       การเลี้ยงลูกเป็นงานสำคัญที่สุดของสังคมมนุษย์เพราะเป็นงานสร้างคน เพื่อทำหน้าที่ดำรงเผ่าพันธุ์และสังคมต่อไป ถ้าหากการเลี้ยงลูกไม่มีคุณภาพ เราก็จะได้คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีคุณภาพ ได้สังคมที่ไม่มีคุณภาพ สภาพแวดล้อมก็จะเสื่อมทรามลง สังคมเต็มไปด้วยคนเห็นแก่ตัว มีแต่ความขัดแย้ง ใช้ความรุนแรง ไม่มีใครยอมใคร ผู้คนในสังคมก็จะหาความสุขได้ยาก มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลง
      
       เพราะฉะนั้น การเลี้ยงลูกจึงเป็นงานที่ทุกครอบครัวควรจะต้องให้ความสำคัญและให้ความสนใจอย่างยิ่ง การที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนมีคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ ความอดทน การเสียสละของพ่อแม่อย่างใหญ่หลวงเป็นระยะเวลายาวนาน
      
       เดิมบทบาทการเลี้ยงดูลูกส่วนใหญ่มักเป็นของแม่ เนื่องจากลักษณะการดำรงชีวิตของผู้คนในอดีต แต่ปัจจุบันสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปมาก วิถีการดำเนินชีวิตก็ต่างไปจากเดิม แม่จำนวนมากต้องทำงานนอกบ้านด้วย นอกเหนือจากงานในบ้าน นอกจากนี้สภาพแวดล้อมของสังคมนอกบ้านที่ซับซ้อนมากขึ้น จึงทำให้เป็นการยากสำหรับพ่อแม่ในปัจจุบันที่จะดูแลรับผิดชอบหน้าที่เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวโดยลำพังเหมือนในอดีต
      
       ดังนั้นถ้าคาดหวังว่าจะให้ลูกเป็นคนมีคุณภาพ คุณพ่อจึงมีความจำเป็นต้องเข้ามาร่วมดูแลรับผิดชอบการเลี้ยงลูกด้วย พ่อใน ค.ศ. 2010 จึงมีบทบาทสำคัญมากที่จะทำให้ลูกเติบโตมาเป็นคนมีคุณภาพหรือไม่
      
       ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่ต่างจากเดิมทั้งในแง่ของการแข่งขันและความซับซ้อนทางสังคม วิธีการเลี้ยงลูกในสมัยนี้จึงมีรายละเอียดแตกต่างจากสมัยที่พ่อแม่ยังเป็นเด็กอยู่มาก ถ้าต้องการให้ผลงานการเลี้ยงลูกออกมาดี มีคุณภาพ คุณพ่อยุคใหม่จึงจำเป็นต้องมีความรู้ทั้งด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติหรือพูดง่ายๆ ก็คือ 5 รู้ กับ 5 ให้ ดังนี้
      
       *** หลัก 5 รู้ สำหรับพ่อยุคใหม่
      
       1. รู้หลักการทั่วไปของการเลี้ยงลูก ซึ่งมีรายละเอียดมากมายแต่ถ้าจะพูดให้สั้นโดยสรุป คือ เป้าหมายหลักของการเลี้ยงลูกให้เป็นคนมีคุณภาพ สามารถดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ เข้ากับผู้อื่นได้ ก็คือ ทำให้ลูกเป็นคนที่สามารถรู้สึกมั่นใจในคุณค่าของตนเอง ถ้าทำได้เขาจะมีพื้นฐานจิตใจแข็งแรง สามารถรับมือกับปัญหาที่จะต้องเผชิญในชีวิตได้ แต่การจะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาสร้างเวลาขึ้นหลายเดือนหลายปี อาศัยการเรียนรู้จากเหตุการณ์และประสบการณ์ต่างๆในชีวิตมากมายจึงจะแกร่งได้
      
       2. รู้ว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันเป็นโจทย์คนละข้อ ต้องการวิธีการเลี้ยงดูในรายละเอียดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้เด็กคนเดียวกันแต่ว่าในแต่ละช่วงวัย เช่น เด็กทารก เด็กเล็ก เด็กโต เด็กวัยรุ่น ก็มีลักษณะเฉพาะตามธรรมชาติที่แตกต่างกัน วิธีการรับมือที่แตกต่างกัน เหมาะกับลักษณะเด็กแต่ละช่วงวัยจึงจะได้ผลดี
 
       3. รู้ว่าจุดเด่นและจุดด้อยของลูกตัวเอง เพื่อที่จะเสริมจุดเด่นและแก้ไขจุดด้อยของเด็ก ในช่วงระยะเวลาที่ยังส่งเสริมหรือแก้ไขได้ เพื่อให้เด็กได้โตเต็มศักยภาพและมีจุดอ่อนน้อยที่สุด
      
       4. รู้เท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ การที่คุณพ่อจะเข้ากับลูกได้ เพื่อให้เกิดการใกล้ชิดสนิทสนม ไม่ให้เกิดช่องว่างมากนัก ในยุคข้อมูลข่าวสาร คุณพ่ออาจจำเป็นต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีข้อมูลสมัยใหม่อยู่บ้าง เพื่อที่จะได้คุยกับลูกรู้เรื่อง
      
       5. รู้จักเพื่อนๆ ลูก โดยเฉพาะพ่อที่มีลูกวัยรุ่น เพื่อที่จะได้รับรู้การเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหว เข้าใจวิธีคิดของลูก คุณพ่อจึงจะสามารถให้คำแนะนำ คำปรึกษาได้ถูก นอกจากนี้ธรรมชาติของวัยรุ่นมักจะให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก เชื่อเพื่อนมาก หลายครั้งในการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมของลูกวัยรุ่น คุณพ่ออาจต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนลูกในการพูดจาโน้มน้าวเปลี่ยนแปลงความคิดของลูก จึงจะสำเร็จได้
      
       *** หลัก 5 ให้ สำหรับคุณพ่อยุคใหม่
      
       สำหรับภาคปฏิบัติที่คุณพ่อยุคใหม่จะต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ ก็คือการให้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้
      
       1. ให้ความรัก ความปรารถนาดี การที่เด็กจะรู้สึกว่าตนเองมีค่าเป็นการยากที่เกิดจากการคิดขึ้นได้เอง แต่จะเกิดจากท่าทีของคนใกล้ชิดที่แสดงออกต่อเขา ทั้งทางวาจาและน้ำเสียง สายตา ท่าทาง การถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แสดงความเป็นห่วงเป็นใย เด็กจึงจะสามารถรู้สึกดีต่อตัวเองได้ รู้สึกว่าตนเองมีค่าได้ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของบุคลิกภาพและสุขภาพจิตที่ดี
 
       2. ให้เวลา ความผูกพันของคนเรา ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งการปฏิสัมพันธ์นั้นต้องอาศัยเวลา ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยเพียงคำพูดว่าฉันรักเธอ แต่ไม่มีเวลามีกิจกรรมร่วมกันเลย พัฒนาการด้านจิตใจและร่างกายของลูกเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับสิ่งที่จำเป็นในแต่ละช่วงวัย การพัฒนาก็จะไม่สมบูรณ์ เมื่อขาดแล้วก็จะผ่านเลยไปเหมือนสายน้ำ การจะย้อนกลับมาแก้ไขทำได้ยากมาก
      
       "พ่อจำนวนมากเมื่อลูกยังเล็กคิดว่าของสร้างเนื้อสร้างตัวก่อน เมื่อฐานะดีมั่นคงแล้ว ค่อยจะมาให้เวลากับลูกแต่ก็สายไปแล้ว เพราะหลายปัญหาที่เกิดขึ้น เงินทองช่วยแก้ไขไม่ได้ เช่น ลูกติดยาเสพติด เป็นคนไม่รับผิดชอบ ใช้ชีวิตไร้แก่นสารไปวันๆ"
      
       3. ให้เกียรติ ถ้าเราต้องการให้ลูกเป็นคนนับถือตัวเอง เราต้องปฏิบัติต่อเขาแบบคนที่มีเกียรติ ให้ความเชื่อถือเขา ให้โอกาสเขาแสดงความคิดเห็น รับฟังความคิดเห็น ให้การยอมรับถ้ามีเหตุผล ถึงแม้จะเป็นเด็กก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะใช้ความเป็นผู้ใหญ่ไปข่มขู่ บังคับ เป็นเผด็จการ
      
       4. ให้โอกาสพัฒนา เด็กต้องมีโอกาสเรียนรู้ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง จึงจะเกิดความกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ ถ้าผู้ใหญ่กลัวลูกทำผิด ทำได้ไม่ดีก็เลยเทำให้เสียหมด เด็กก็จะไม่เกิดการพัฒนาเท่ากับเป็นการรักลูกผิดทาง
      
       5. ให้กำลังใจ หมายความว่า ถ้าเด็กสามารถทำได้ดี ได้สำเร็จ ก็แสดงความชื่นชม ชมเชย เด็กก็จะเกิดความมั่นใจในตนเอง ขณะเดียวกันถ้าเด็กทำไม่สำเร็จ ล้มเหลวพ่ายแพ้ ก็ให้กำลังใจเด็ก และช่วยให้เรียนรู้ที่จะให้กำลังใจตนเองได้ ว่าไม่เป็นไร ลุกขึ้นศึกษาจุดบกพร่องของตนเอง แล้วลองดูใหม่ ต้องแก้ไขปัญหาได้
      
       หากคุณพ่อยุคใหม่ทุกคนปฎิบัติตามคำแนะนำนี้ เชื่อว่าสังคมไทยจะเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่สุขภาพจิตแข็งแรง มีความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นคนมีคุณภาพ สังคมไทยก็จะเป็นสังคมที่มีคุณภาพ การพัฒนาประเทศก็จะทำได้ง่าย และรวดเร็ว
      
       นั่นเพราะทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ยอมรับความแตกต่างทางความคิดเห็นของกันและกันได้ สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการใช้เหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์หรือกำลัง โดยไม่ติดยึดอยู่กับเรื่องศักดิ์ศรี หน้าตา นำไปสู่ความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
 
 


นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย

Life & Family