5 เคล็ดวิธี ดูแล ดวงตาคู่ใส
  จำนวนคนเข้าชม  23640

5 เคล็ดวิธี ดูแล "ดวงตาคู่ใส" ให้ลูกน้อย

 
 
       วันนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับดวงตาคู่สวยของลูกน้อย ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ พร้อมวิธีการดูแลประสาทสัมผัส ส่วนสำคัญที่ช่วยให้ลูกเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้จากการมองเห็นมาแนะนำกันค่ะ
 
    
       1. สังเกตดวงตาสักนิด
      
       หากมีอะไรผิดปกติหรือสงสัยว่าดวงตาของลูกจะมีปัญหา เช่นตาดำดูผิดปกติ, ตาลูกเหล่ (เป็นบางครั้งหรือว่าบางเวลา), หนังตาข้างใดข้างหนึ่งตกลง เป็นต้น คุณแม่ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากคุณหมอ หรือพาลูกไปพบจักษุแพทย์โดยตรง เพื่อตรวจหาสาเหตุ ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
      
       การตรวจพัฒนาการด้านการมองเห็นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้รู้ว่ากำลังเกิดความผิดปกติกับดวงตาลูก เช่น ถ้า 3 เดือนแรกลูกยังมองเห็นได้ไม่ดี ไม่หันมองวัตถุ สิ่งของที่แกว่งไปมาได้ ควรตั้งเป็นข้อสงสัย และรีบปรึกษาคุณหมอเช่นกันค่ะ
      
       นอกจากนี้ คุณแม่ควรพึงระวังสังเกตเกี่ยวกับดวงตาลูกน้อย จากอาการต่าง ๆ ต่อไปนี้ค่ะ
      
     
  - ภาวะท่อน้ำตาตัน
      
       เป็นอาการที่พบได้กับเด็กแรกเกิด ลูกน้อยจะน้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ร้องไห้ การดูแลเบื้องต้นในกรณีนี้ไม่ต้องถึงมือคุณหมอ คือ การนวดบริเวณหัวตา ตำแหน่งของถุงทางเดินน้ำตา แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบคุณหมอ (ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้น เมื่ออายุประมาณ 1 ปีไปแล้ว)

       - ภาวะติดเชื้อ
      
       อาจมีขี้ตาสีเหลืองหรือสีเหลืองปนเขียวหรือหนังตาบวมแดงร่วมด้วย อาการเช่นนี้แสดงว่ามีเชื้อโรคเข้าตาลูก ทำให้ตาอักเสบ เชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสที่มาจากฝุ่นละอองในอากาศ ไม่ควรนิ่งนอนใจรีบไปพบคุณหมอทันทีค่ะ
      
  
     - ตาแฉะ
      
       มักเกิดจากมีสิ่งที่แปลกปลอมเข้าไปในดวงตา ทำให้ลูกมีขี้ตามาก และอาจเกิดจากการแพ้สารเคมี (สารซิลเวอร์ไนเตรต) ที่หยอดตาหลังคลอด ทำให้มีอาการตาแฉะได้ คุณพ่อคุณแม่ควรทำความสะอาดเช็ดขี้ตาให้ลูกอย่างสม่ำเสอม อาการแพ้จะค่อย ๆ หายไปเอง
 
      
       2. ดูแลดวงตาให้ถูกวิธี
      
       วิธีดูแลอย่างง่ายฉบับครอบครัวก็คือ การหมั่นดูแลเรื่องความสะอาด ทั้งเครื่องนอนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใบหน้า หรือดวงตาลูกอาจสัมผัส เช่น เปลี่ยนผ้ารองที่นอนหมอนที่ลูกหนุน เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ และถ้าสังเกตว่า ดวงตาลูกมีขี้ตาออกมา ให้ทำความสะอาด โดยใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกอุ่น ๆ เช็ดจากหัวตาไปยังหางตา และควรเปลี่ยนสำลีก้อนใหม่เช็ดอีกข้าง
      
       สำหรับการเลือกถุงมือ คุณแม่ควรให้มือน้อย ๆ ของลูกสัมผัสอากาศบ้าง เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน อาจเป็นปมปัญหาเรื่องผิวตามมารบกวน ถ้าเลือกวิธีโปร่งโล่งสบายก็ควรตัดเล็บมือ ดูแลความสะอาดเป็นเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
 
    
       3.ใช้ยาอย่างถูกวิธี
      
       ดวงมีเนื้อเยื่อที่บอบบาง ติดเชื้อได้ง่ายดังนั้น การใช้ยากับเด้กเล็กจึงต้องระมัดระวัง เช่น การใช้ยาหยอดตา ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนหยอดตา ขณะที่หยอดต้องระวังไม่ให้หยดแตะกับตาหรือขนตา และเมื่อเปิดใช้แล้ว ควรเก็บยาไว้ในที่เย็นในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน และไม่ควรใช้ยาหยอดร่วมกับผู้อื่น ที่สำคัญยาหยอดตาต้องมาจากที่คุณหมอสั่งเท่านั้น
 
 
       4. เรื่องต้องห้าม
      
       หลีกเลี่ยงการพาลูกไปสถานที่ที่อาจเกิดอุบัติเหตุกับดวงตา เช่นสถานที่ที่มีฝุ่น ควันเยอะ ๆ ลมแรง หรือแสงแดดจ้ามาก ๆ รวมถึงไม่ควรแคะ แกะ เกา หรือทำอะไรกับดวงตาของลูก และเมื่อมีความต้องการใช้ยา ก็ไม่ควรซื้อยามาใช้กับลูกเองโดยเด้ดขาด ควรขอคำแนะนำจากคุณหมอหรือจักษุแพทย์โดยตรง เพื่อความปลอดภัยต่อดวงตาลูกน้อย
 
     
       5.เปิดโลกกว้างทางสายตา
      
       แม้ดวงตาเป็นอวัยวะเล็ก ๆ ที่ต้องดุแลให้ความสำคัญแล้ว ดวงตาของลูกน้อยยังสามารถเก็บบันทึกข้อมูล เชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ดังนั้นยิ่งส่งเสริมพัฒนาการด้านการมองเห็น ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของลูกมากเท่าไร ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้ได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ
      
       หลังจากรู้เคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลดวงตาดวงน้อย ๆ ของลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของดวงตาลูก เพื่อให้ลูดมีดวงตาที่สดใสเปร่งประกายอยู่ตลอดเวลา
 
 


ขอบคุณข้อมูลจาก Mother & Care ฉบับเดือนเมษายน 2