حلق الرأس การโกนหัว
  จำนวนคนเข้าชม  14814

حلق الرأس  การโกนหัว



จากความเห็นของนักวิชาการนั้นการโกนหัวแบ่งออกเป็น 6 ประเภท



 ประเภทที่  1 : ส่งเสริมให้โกน


         เพื่อแสดงตนว่าเป็นผู้ที่เชื่อฟังและต้องการความใกล้ชิดกับอัลลอฮ ประเภทนี้มี4 โอกาสเท่านั้น
 
1.  ในพิธีฮัจย์   

2.  ในพิธีอุมเราะห์ อัลลอฮ ทรงตรัสว่า

"โดยแน่นอนอัลลอฮ์ได้ทรงทำให้ความฝันนั้นสมจริงแก่ร่อซูลของพระองค์ด้วยความจริง

แน่นอนพวกเจ้าจะได้เข้าสู่มัสยิดอัลฮะรอมอย่างปลอดภัยหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ โดย(บางคน)โกนผมของพวกเจ้าและ(อีกบางคน) ตัดผม"

(อัลฟัตฮ 27)


3.  โกนหัวเด็กเกิดไหม่ในวันที่7 ของการคลอด  ท่านอาลีอิบนุอาบีตอลิบรายงานว่า

" ท่านรอซูลได้ทำอากีเกาะห์ไห้ท่านฮาซันด้วยแกะหนึ่งตัว และบอกท่านหญิงฟาติมะห์ว่า จงโกนหัวให้ฮาซัน

และให้ทำการบริจาคแร่เงินเท่าน้ำหนักผมของเขา"



4.  ผู้ปฏิเสธเมื่อเข้ารับอิสลาม  



ท่านนบี เคยบอกกาเฟรคนหนึ่งเมื่อเข้ารับอิสลามว่า " จงโกนผมของการปฏิเสธออกและจงขลิบ"

นักวิชาการลงมติเอกฉันท์ว่า ไม่มีการส่งเสริมไห้โกนหัว นอกจาก4โอกาสดังกล่าวนี้เท่านั้น



 ประเภทที่  2 : เป็นชิริก การตั้งภาคี

              
         การโกนหัวเพื่อแสดงว่าเป็นการยอมรับสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ   คือคนๆหนึ่งโกนหัวของเขาเพื่อแสดงความต่ำต้อยของเขาต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ

      ท่านอินุกอยยิมบอกว่า

“เหมือนกับพวกมุรีดูน(ตอรีกัต)แสดงต่อบรรดาผู้อาวุโสของพวกเขา โดยกล่าวว่า ฉันโกนหัวของฉันเพื่อคนนั้น หรือเจ้าจงโกนหัวของเจ้าเพื่อคนนั้นการพูดแบบนี้เหมือนพูดว่า ฉันสุญุดเพื่อคนนั้น เพื่อคนนี้  

เพราะการโกนหัวนั้นเป็นการนอบน้อมเป็นการเคารพภักดีในความยิ่งใหญ่ของเขา และยอมต่ำต้อยด้วยความสูงส่งของเขา ดังเช่นมุสลิมจะโกนผมเมื่อเสร็จพิธีฮัจย์และมุสลิมจะก้มกราบเพราะยอมรับในความยิ่งไหญ่และความสูงส่งของอัลลอฮ ดังกล่าวนี้จึงทำไห้การโกนหัวถือว่าเป็นประเภทหนึ่งของการทำอิบาดะห์

และการโกนผมนั้นคนอาหรับเมื่อต้องการจะปล่อยทาส พวกเขาจะโกนหัวทาสแล้วปล่อยไป "



ประเภทที่ 3  : เป็นอุตริกรรม  


         เป็นอุตริกรรมที่น่ารังเกียจ และมีหลายรูปแบบ  ส่วนหนึ่ง คือ โกนหัวเพื่อเป็นการการแสดงว่าเขาเป็นผู้เคร่งครัดในการทำอีบาดะห์และแสดงถึงความเคร่งครัดในศาสนา (โดยไม่ใช่1ใน4ประการที่กล่าวมาแล้ว) ดังเช่นหากถือเอาว่าการโกนหัวเป็นสัญลักษณ์ของคนดี หรือโกนหัวเมื่อเสร็จสิ้นการฝึกตนบำเพ็ญตะบะ(แบบกลุ่มดะห์วะห์) การกระทำดังกล่าวพวกคอวาริจชอบทำ



มีรายงานจากท่านนบี พูดถึงลักษณะของพวกคอวาริจว่า" สัญลักษณ์ของพวกเขาคือการโกนหัว"


           ท่านกุรตูบี้ อธิบายว่า พวกเขาทำแบบนี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาว่าไม่สนใจความเพลิดแพร้วของดุนยาและเพื่อแสดงตนว่านี่คือสัญลักษณ์ของคอวาริจ นี่คือการกระทำที่โง่เขลาของพวกเขา เพราะพวกเขาได้กระทำอุตริกรรมในศาสนาของอัลลอฮ ที่รอซู้ลและบรรดาคอลีฟะห์ไม่เคยทำ

อีกอย่างหนึ่งก็คือบางคนใช้ให้คนที่เตาบะห์ตัวโกนหัวของเขา นั่นเป็นอุตริกรรมที่บรรดาซอฮาบะห์และตาบีอีนไม่เคยทำ



ประเภทที่ 4  : ฮารอม


     สิ่งต้องห้าม(ฮารอม)มีหลายรูปแบบด้วยกัน

         1.โกนหัวเมื่อประสบกับสิ่งไม่ดีคือเมื่อมีญาติหรือคนที่รักเสียชีวิต จากท่านอบูมูซาอัลอัชอารี ท่านบีบอกว่า

"รอซูลนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกที่ส่งเสียงดังโวยวายเมื่อเกิดหายนะ และพวกที่โกนหัวเมื่อประสบกับความทุกข์และพวกที่ชอบฉีกเสื้อผ้า"



         ท่านอิบนุฮะยัรบอกและอธิบายว่า คนที่โกนหัวเมื่อเกิดความทุกข์นั้นเป็นบาปไหญ่และเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและไม่ยอมรับในการกำหนดของอัลลอฮ


          2. โกนหัวเพื่อเลียนแบบกาเฟรและบรรดาฟาสิคซึ่งพวกเขาเป็นที่รูจักของคนทั่วไปด้วยการโกนหัวหรือบางทีก็เพื่อใส่น้ำมันบางชนิดเพื่อไห้เหมือนพวกเขาหรือบางทีอาจจะตัดผมข้างไห้สั้นมากๆและปล่อยตรงกลางศรีษะไว้ยาวๆ  ดังกล่าวนั้นเป็นเลียนแบบที่ต้องห้าม



ท่านนบีกล่าวว่า "ใครเลียนแบบใครเขาก็เป็นพวกนั้น"(คือใครเลียนแบบกาเฟรหรือคนชั่วเขาก็เป็นพวกนั้น)




ประเภทที่ 5  :   อนุญาติ


อนุญาตไห้ทำได้คือการโกนหัวเพราะจำเป็นเช่นโกนเพื่อใส่ยารักษาหรือป้องกันเหา




ประเภทที่ 6 :  อยากโกน


         อยากโกนหัวโดยไม่มึความจำเป็นหรือไม่มีสาเหตุดังที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ถ้าแบบนี้นักวิชาการมีความเห็นขัดแย้งกันบ้าง บางคนบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรปฏิบัติ เช่น อีหม่ามมาลิกโดยยกหลักฐานว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของพวกอุตริชน คือพวกคอวาริจดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

นักวิชาการที่บอกว่าทำได้ยกหลักฐานจากฮาดิษของอบูดาวูดว่า ท่านนบีไปเยี่ยมครอบครัวของยะฟัรหลังจากเขาตายได้สามวันและได้เรียกช่างตัดผมมาและท่านใช้ไห้โกนหัวลูกชายเขา


มีรายงานจากท่านอบูดาวูดว่าท่านนบีได้เห็นเด็กคนหนึ่งโกนหัวบางส่วนไม่โกนบางส่วน

ท่านนบีบอกว่า "ถ้าโกนก็โกนให้หมด ถ้าไม่โกนก็ไม่ต้องโกนเลย"


         ท่านนาวาวีบอกว่าฮะดิษนี้ชี้ชัดว่าอนุญาติไห้โกนหัวได้โดยไม่มีความจำเป็นการจะกระทำตามฮะดิษสองบทนี้ที่อนุญาติให้โกนหัวโดยไม่มีความจำเป็นนั้นต้องพิจารณาว่า

     1- การโกนหัวนั้นจะอนุญาติไห้โกนได้เมื่อจำเป็น และความจำเป็นก็คือเด็กๆส่วนมากจะเป็นเหาเพราะผมเปียกชื้นและสกปรก

     2- การโกนหัวนั้นเป็นสิทธิของเด็กๆและเด็กๆนั้นจะถูกยกเว้นในสิ่งที่ผู้ไหญ่ไม่ถูกยกเว้น


         และดังกล่าวคือการมีความเห็นแย้งกันในประเภทที่ 5 ว่าการโกนหัวจะเป็นมักโรฮหรือเป็นที่อนุญาติทางที่ดีที่สุดคืออย่าโกนหัวดีกว่า

          ท่านฟาวีกล่าวว่า ดีที่สุดคืออย่าโกนหัวนอกจากในพิธีฮัจย์และอุมเราะห์เท่านั้นเหมือนกับที่ท่านนบีและบรรดาซอฮาบะห์ได้ทำมา




الإسلام سؤال وجواب
الشيخ محمد صالح المنجد


ตอบโดย เชคมุนยิด มูฮัมมัด ซอและห์   จาก เวปไซด์ อิสลามถามตอบ


الله أعلم


แปลโดย   :  شريف الريس