ความอดทนจากการพลัดพราก
  จำนวนคนเข้าชม  7392

ความอดทนจากการพลัดพราก

 

โดย...อ.ฏอฮา  อับดุลเลาะห์

 

รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ ว่า ท่านเราะซูล  กล่าวว่า อัลลอฮ์  ตรัสว่า

"ไม่มีรางวัลอะไรสำหรับข้า ที่จะตอบแทนแก่ปวงบ่าวของข้าที่ศรัทธา(มีอีมาน ต่อข้า)  เมื่อข้าได้เอาชีวิตเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ที่สนิทชิดเชื้อของเขาคนหนึ่ง

 ซึ่งเป็นชาวโลก(ดุนยา)นี้ไปจากเขา หลังจากนั้นเขาก็หวังผลตอบแทน นอกจากจะได้รับสวรรค์เท่านั้น"

 

คำอธิบาย

         ฮะดิษนี้เป็นฮะดิษที่ท่านนบี  ได้รายงานมาจากอัลลอฮ์ ฉะนั้นบรรดาอุละมาอ์ จึงได้เรียกชื่อฮะดิษประเภทนี้ว่า ฮะดิษอัลกุดซีย์ เนื่องจากท่านเราะซูล ได้รับรายงานฮะดิษมาจากอัลลอฮ์  เพียงความหมาย แต่ถ้อยคำนั้นเป็นถ้อยคำของท่านเราะซูล  ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความหมายตามที่อัลลอฮ์ ทรงดลใจให้ท่านเราะซูล  ได้รู้ และนำมาบอกให้แก่ประชาชาติของท่านต่ออีกทีหนึ่ง

          คำว่า อัศเศาะฟีย์ หมายถึง บุคคลที่ซื่อสัตย์ ถูกคัดเลือกและเฟ้นหามาอย่างดี ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นพ่อ แม่ ลูก หรือ พี่น้อง ลุป้า น้าอา หรือเพื่อนฝูงก็ตาม ที่สำคัญผู้ถูกคัดเลือกมานั้น ผู้คัดเลือกย่อมมองเห็นว่าเขาคือ ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่น และเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจ และเมื่ออัลลอฮ์  ทรงเอาชีวิตของเขาคนนั้นไป ผู้ที่สูญเสียก็ได้แต่อดทน(ซอบัร) ต่อการจากไปของเขา ผู้เป็นที่รัก มีความซื่อสัตย์  และผู้สูญเสียก็หวังจะได้รับผลตอบแทนจากอัลลอฮ์ ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้

 

         ในฮะดิษมีหลักฐานว่า การอดทนต่อการจากไปของคนที่เรารัก และสนิทชิดเชื้อมากที่สุด เป็นความประเสริฐอย่างมาก และในฮะดิษนี้ยังยืนยันด้วยว่า อัลลอฮ์ จะทรงตอบแทนสวรรค์ให้แก่ผู้สูญเสีย เมื่อเขาได้อดทน(ซอบัร)และหวังผลตอบแทนจากอัลลอฮ์  และยังมีหลักฐานที่บ่งบอกถึงความกรุณา เมตตา ของอัลลอฮ์ ที่ทรงให้แก่บ่าวของพระองค์ เพราะพลังอำนาจในการให้ทั้งหลายเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้นไม่ว่าตัวท่านและตัวผู้ที่ท่านรักอย่างมาก ต่างก็เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ทั้งสิ้น

          อย่างไรก็ตามเมื่ออัลลอฮ์  เอาชีวิตของคนที่ท่านรักไป ท่านก็อดทน(ซอบัร)และหวังในการตอบแทน ท่านก็จะได้รับรางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ และในฮะดิษยังชี้ให้ทราบถึงการกระทำต่างๆ ของอัลลอฮ์  ซึ่งหมายความว่า อัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงมีการกระทำ และมีการเคลื่อนไหว ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า

"เมื่อข้าได้เอาชีวิตผู้ที่รักยิ่งของเขาไป"

          ถ้อยคำนี้มีความชัดเจน จึงไม่ต้องสงสัยใดๆ เลยว่า อัลลอฮ์  เป็นผู้ทรงกระทำอย่างต่อเนื่อง ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ก่อนอื่นพวกเขาจำเป็นจะต้องเข้าใจและรู้ด้วยว่า การกระทำของอัลลอฮ์  ทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าได้พาดพิงความไม่ดีทั้งหลายว่าเป็นการกระทำของอัลลอฮ์ โดยเด็ดขาด เพราะความชั่วร้ายเมื่อเกิดขึ้นมา แท้จริงแล้วมันมีอยู่ในสิ่งที่ถูกกำหนดมา มิใช่อยู่ที่การกำหนดของผู้ที่กำหนด

         อย่างเช่นเมื่ออัลลอฮ์ ได้ทรงกำหนดสิ่งหนึ่งให้มาประสบกับมนุษย์ ซึ่งสิ่งนั้นเขาไม่ชอบ ไม่พึงปราถนา แน่นอนสิ่งนั้นย่อมไม่เป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับเขา แต่ความไม่ดีงามนั้นมีอยู่ในสิ่งที่กำหนด เพราะอัลลอฮ์  จะไม่ทรงกำหนดสิ่งใดขึ้นมานอกจากด้วยเหตุและผล และด้วยความรู้อันมากมาย โดยที่ไม่มีขอบเขตจำกัด บางคนถูกทดสอบในสิ่งที่ไม่ดีแต่เขาก็อดทน และหวังการตอบแทนจากอัลลอฮ์  เขาก็จะได้รับการตอบแทนที่ดีงาม เนื่องด้วยความอดทนนั้น บางคนถูกทดสอบในสิ่งที่ไม่ดี จนเขารู้สึกสำนึกผิดกลับตัว ขออภัยจากพระผู้เป็นเจ้าของเขา เพราะคนเรานั้นขณะที่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย เขาอาจจะลืมขอบคุณผู้ที่ประทานความผาสุกให้แก่เขา หรือเขาอาจจะไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญอันใดเลย ดังนั้นเมื่อเขาประสบกับความทุกข์ยาก ลำบาก อาจทำให้เขารำลึกถึงอัลลอฮ์  ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงสำหรับเขาผู้นั้น บางสิ่งที่ถูกกำหนดมาเป็นผลร้ายกับบางคนแต่อาจจะเป็นผลดีกับอีกหลายๆคน

 

          ฉะนั้นจงนำเอาสิ่งที่ไม่ดีที่ประสบมาทบทวน เป็นข้อคิดเพื่อเตือนสติ และจงรู้เถิดว่าที่พึงที่แท้จริงนั้นคือ อัลลอฮ์  และไม่มีที่พึ่งพาอาศัยใดๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ดังนั้นจากการที่ได้ประสบกับความไม่ดีงามย่อมมีผลดียิ่งกว่าผลร้ายอย่างมากมายที่จะตามมาภายหลัง ขอให้ใคร่ครวญและใช้วิจารณญาณให้ดี

 

และขออัลลอฮ์  ได้ทรงประทานความสำเร็จและอดทนให้แก่พวกเราทุกคนด้วยเทอญ.....อามีน

 

 

มูลนิธิชี้นำสู่สันติสุข