บทลงโทษผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  8330

บทลงโทษผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺ


อับดุลอะซีซ บิน มัรซูก อัฏ-เฏาะรีฟีย์


         บรรดาอุละมาอ์มีมติเอกฉันท์ว่าผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างหนัก นั่นคือประหารชีวิตในฐานะของการปฏิเสธ และจะต้องไม่ปฏิบัติต่อเขาผู้นั้นด้วยบัญญัติแห่งอิสลามหลังจากเสียชีวิตแล้ว กล่าวคือ ต้องไม่อาบน้ำศพ ไม่ห่อ ไม่ละหมาด ไม่ฝังในสุสานของชาวมุสลิม และไม่ขอดุอาอ์ให้แก่ศพด้วย เพราะเขามิใช่มุสลิม

         อนึ่ง ประเด็นที่บรรดาอุละมาอ์มีความเห็นต่างกัน คือประเด็นที่ว่าอัลลอฮฺจะตอบรับการเตาบะฮฺของเขาหรือไม่ ? และจะต้องให้เขากลับเนื้อกลับตัวยอมรับในความผิดก่อนที่จะถูกประหารชีวิตหรือเปล่า? ส่วนสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของเขานั้นอัลลอฮฺย่อมรู้ดี อัลลอฮฺจะทรองตอบแทนเขาเองในวันอาคิเราะฮฺ

ความเห็นของอุละมาอ์ต่อประเด็นนี้ แบ่งออกเป็นสองทัศนะ


ทัศนะที่หนึ่ง

          เป็นทัศนะของท่านอุมัรฺ บิน อัล-ค็อฏฏอบ, อิบนุ อับบาส และอะหฺมัด บิน หันบัล และบรรดานักนิติศาสตร์อิสลามอีกหลายท่านมีความเห็นว่า อัลลอฮฺจะไม่รับการเตาบะฮฺของเขา และต้องประหารชีวิตของเขาโดยที่ไม่ต้องให้เขายอมรับในความผิดก่อนแต่อย่างใด ส่วนอัลลอฮฺจะให้อภัยแก่เขาในวันอาคิเราะฮฺหรือไม่นั้นก็แล้วแต่พระองค์

         เหตุผลของบรรดาอุละมาอ์กลุ่มนี้ คือ การเตาบะฮฺมิได้ทำให้ผู้กระทำผิดรอดพ้นจากความผิดแต่อย่างใด และไม่สามารถปกป้องเขาจากการที่เขานำอัลลอฮฺมาทำเป็นเล่นด่าทอและเยาะเย้ยอัลลอฮฺในระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ดังนั้น หากเราให้น้ำหนักว่าอัลลอฮฺจะรับการเตาบะฮฺของกระทำผิดดังกล่าว เหมือนกับว่าเป็นการเปิดประตูให้แก่ผู้คนมาพูดเยาะเย้ยถากถางอัลลอฮฺกันง่ายๆ ครั้นเมื่อจะถูกลงโทษก็ประกาศตนยอมรับความผิดแล้วถูกปล่อยตัวไปให้เป็นอิสระอย่างนั้นหรือ ? อันที่จริงการลงโทษทันฑ์นั้นถูกบัญญัติขึ้นมาด้วยเหตุผล ดังนี้

1. เพื่อที่จะเป็นการดัดนิสัยของผู้กระทำความผิด อีกทั้งยังเป็นการชำระความผิดของเขาด้วย

2. และเพื่อเป็นข้อเตือนใจและยับยั้งผู้อื่นที่จะพูดหรือกระทำเยี่ยงเขา

ดังนั้น การที่กล่าวว่าอัลลอฮฺจะทรงรับการเตาบะฮฺของเขา จะทำให้เป้าหมายทั้งสองประการของบทลงโทษนี้ไร้ผลโดยสิ้นเชิง


ทัศนะที่สอง

          เป็นทัศนะของบรรดานักนิติศาสตร์อิสลามส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะต้องให้เขากลับเนื้อกลับตัวก่อนที่จะลงโทษ หากเขายอมรับผิดด้วยความสัจจริงและจะไม่กระทำความดังกล่าวอีกแล้ว ก็ต้องยอมรับในการกลับใจของเขา

          เหตุผลของบรรดาอุละมาอ์กลุ่มนี้ ก็คือ จริงอยู่ว่าการด่าทออัลลอฮฺเป็นการปฏิเสธ แต่ว่าอัลลอฮฺจะตอบรับการกลับใจของผู้ปฏิเสธทุกคน ทุกประเภท ไม่ว่าเขาจะเป็นมุชริกีนที่ตั้งภาคีต่อพระองค์ หรือเป็นผู้ที่กราบไหว้ต่อเทวรูปต่างๆ หรือแม้แต่ผู้ที่แหวกแนวออกนอกลู่นอกทางทั้งหลาย หากพวกเขากลับใจเข้าสู่อิสลามแล้ว การรับอิสลามของเขาจะลบล้างความผิดที่ผ่านมาทั้งหมด และอัลลอฮฺย่อมรับการกลับใจของบ่าวและให้อภัยแก่เขาเสมอ ส่วนการที่คนหนึ่งด่าทออัลลอฮฺถือเป็นการละเมิดต่อพระองค์โดยตรง ซึ่งหากอัลลอฮฺประสงค์แล้ว อาจจะให้อภัยแก่บ่าวที่อธรรมต่อตนเองที่มีการด่าทอพระองค์ก็ได้ หรือจะให้อภัยแก่ผู้ที่กลับใจจากการมีภาคีต่อพระองค์ก็ได้

           ประเด็นนี้ต่างจากการด่าทอท่านนบี ที่จะต้องลงโทษผู้กระทำผิดดังกล่าว เนื่องจากว่าท่านนบี ไม่ได้ให้อภัยแก่ผู้ที่ด่าทอท่านทุกๆ คน เพราะท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น ผู้ที่ด่าทอท่านนบี จะต้องได้รับโทษอย่างสาสม ต้องถูกประหารชีวิตสถานเดียว เพราะการด่าทอท่านนบี  ถือเป็นการปฏิเสธศรัทธา

           และเนื่องจากว่าการด่าทอท่านนบี เป็นการลดสถานะของท่าน ทำให้ความน่าเชื่อถือในตัวท่านลดน้อยถอยลง ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนว่ามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างการด่าทออัลลอฮฺกับการด่าทอท่านนบี กล่าวคือการด่าทออัลลอฮฺมิได้ลดสถานะของพระองค์แต่อย่างใด
 

สรุปทัศนะของบรรดาอุละมาอ์

           จากทัศนะมุมมองและเหตุผลของบรรดาอุละมาอ์ทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นเราพอที่จะสรุปได้ว่า ผู้ใดก็แล้วแต่ที่ด่าทออัลลอฮฺจะต้องได้รับโทษอย่างหนักด้วยการประหารชีวิต โดยที่ไม่ต้องให้โอกาสในการกลับใจ และอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนเขาเองในวันกิยามะฮฺด้วยความยุติธรรมของพระองค์ หรืออาจจะให้อภัยแก่เขาก็ได้หากพระองค์ทรงประสงค์ สำหรับผู้ที่ด่าทออัลลอฮฺแล้วมีความรู้สึกสำนึกผิด กลับเนื้อกลับตัว กลับใจด้วยความบริสุทธิ์ และประกาศการกลับใจก่อนที่จะถูกนำตัวมาตัดสิน อย่างนี้ต้องรับการกลับใจของเขา และให้ปฏิบัติต่อเขาเช่นเดียวกับผู้ปฏิเสธที่เข้ารับอิสลามด้วยความจริงใจ ถึงแม้นเขาจะยอมจำนนว่าเขาเคยด่าทออัลลอฮฺมาก่อนที่จะเข้ารับอิสลามก็ตาม

 

ประเภทของการด่าทออัลลอฮฺ  

 

การด่าทออัลลอฮฺมีสองประเภท ดังนี้


ประเภทที่หนึ่ง การด่าทอโดยตรง อย่างตรงไปตรงมา

         เช่น การสาปแช่ง การตำหนิ การใส่คล้ายพระองค์ ลักษณะดังกล่าวคือความหมายของการด่าทออัลลอฮฺตามทัศนะของบรรดาอุละมาอ์ ทั้งหมดนี้ให้ดำเนินการลงโทษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น


ประเภทที่สอง การด่าทออัลลอฮฺโดยทางอ้อม

           หมายถึง การตำหนิการบริหารจัดการของอัลลอฮฺต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา และการจัดการของพระองค์ในสิ่งที่ได้กำหนดมาแล้ว โดยที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น เช่นการเลือกกระทำสิ่งใดของคนๆ หนึ่ง การทำงาน การขวนขวาย รวมถึงการด่าทอกาลเวลา ด่าวัน ด่าเดือน ด่าปี ด่าช่วงเวลาต่างๆ ด่าดวงดาวต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์ในจักรวาล เป็นต้น กรณีเช่นนี้เราต้องไม่ตัดสินเช่นเดียวกับการด่าทออัลลอฮฺโดยตรง นอกจากว่าคำพูดของเขาส่อไปในทางการตำหนิ ด่าว่า ใส่ร้ายอัลลอฮฺอย่างเห็นได้ชัด

 ท่านนบี กล่าวว่า

«قَالَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ يُؤْذِينِي ابْنُ آدَمَ يَسُبُّ الدَّهْرَ وَأَنَا الدَّهْرُ بِيَدِي الْأَمْرُ أُقَلِّبُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ» [رواه البخاري ومسلم]

 “อัลลอฮฺกล่าวว่า มนุษย์รังแกข้า เขาด่าว่ากาลเวลา

ข้าเป็นผู้ลิขิตทุกสิ่งให้เกิดขึ้นตามกาลเวลา กิจการทั้งหมดอยู่ในมือของข้า ข้าเป็นผู้สับเปลี่ยนกลางคืนและกลางวัน”

(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 4826 และ7491  และมุสลิม หมายเลข : 2246)

ท่านนบี กล่าวว่า

«يُؤْذِينِي ابْنُ آدَمَ، يَقُولُ يَا خَيْبَةَ الدَّهْرِ، فَلَا يَقُولَنَّ أَحَدُكُمْ يَا خَيْبَةَ الدَّهْرِ، فَإِنِّي أَنَا الدَّهْرُ، أُقَلِّبُ لَيْلَهُ وَنَهَارَهُ، فَإِذَا شِئْتُ قَبَضْتُهُمَا» [رواه مسلم]

 “มนุษย์รังแกข้า เขาพูดว่า ”ช่วงเวลาแห่งความซวย” ผู้หนึ่งในหมู่พวกเจ้าอย่าได้กล่าวว่า ”เวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความซวย”

เพราะข้าเป็นผู้ที่ลิขิตทุกสิ่งให้เกิดขึ้นตามกาลเวลา ข้าเป็นผู้ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปของกลางคืนและกลางวัน หากข้าประสงค์เมื่อไร ฉันก็จะยับยั้งทั้งสองไว้ก็ได้”

 (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข : 2246) 

         ดังนั้น ทั้งดวงดาว ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลากลางวันและกลางคืน และห้วงเวลาต่างๆ ทั้งหมดได้เกิดขึ้นตามการกำหนดของอัลลอฮฺทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดที่โคจรตามความต้องการของมันเอง ดังนั้น การด่าทอสิ่งเหล่านี้เหมือนกับการด่าทอ การไม่พอใจ และการไม่ยอมรับต่อผู้ที่บริหารและกำหนดให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองที่อัลลอฮฺห้ามมิให้คนๆ หนึ่งด่าทอกาลเวลา เพราะเท่ากับว่าเป็นการด่าทออัลลอฮฺผู้กำหนดนั่นเอง

          แต่ทว่าอัลลอฮฺมิได้ใช้กฏเกณฑ์เดียวกันระหว่างการด่าทอมนุษย์กันเองกับการด่าทอพระองค์ เนื่องจากว่ามนุษย์มีสิทธิที่จะเลือกกระทำการใดๆ ตามที่เขาต้องการได้ ดังที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวว่า

﴿ وَمَا تَشَآءُونَ إِلَّآ أَن يَشَآءَ ٱللَّهُ رَبُّ ٱلۡعَٰلَمِينَ ٢٩﴾ [التكوير  :  29]

 “และพวกเจ้าจะไม่สมประสงค์สิ่งใด เว้นแต่อัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลกจะทรงประสงค์เท่านั้น”

(อัล-ตักวีร : 29)

สำหรับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวว่า

﴿ لَا ٱلشَّمۡسُ يَنۢبَغِي لَهَآ أَن تُدۡرِكَ ٱلۡقَمَرَ وَلَا ٱلَّيۡلُ سَابِقُ ٱلنَّهَارِۚ وَكُلّٞ فِي فَلَكٖ يَسۡبَحُونَ ٤٠ ﴾ [يس  :  40]

“ไม่สมควรแก่ดวงอาทิตย์ที่จะไล่ตามทันใกล้กับดวงจันทร์ และกลางคืนก็จะไม่ล้ำหน้ากลางวัน และทั้งหมดนั้นจะเวียนว่ายอยู่ในจักรราศี”

(ยาซีน : 40)

 

หน้าที่ของมนุษย์ที่มีต่ออัลลอฮฺ

         มนุษย์ต้องให้เกียรติ ให้ความยิ่งใหญ่ ภักดีต่ออัลลอฮฺ และต้องยอมรับในคุณลักษณะอันสมบูรณ์ของพระองค์ ซึ่งการยอมรับในความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺพอที่จะสรุปได้ดังต่อไปนี้

          1. ยอมรับการบริหารจัดการของอัลลอฮฺ ยอมรับต่อคำสั่งใช้และข้อห้ามของพระองค์ โดยไม่ละเมิดฝ่าฝืน พร้อมที่จะสนองตอบและสวามิภักดิ์อยู่เสมอ และจะต้องไม่เจาะลึกใช้สติปัญญาและเหตุผลในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถหยั่งรู้ได้


          2. ต้องมีการรำลึก ขอพร และขอความต้องการ ความช่วยเหลือต่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียวอยู่เสมอ และต้องเชื่อมเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพระองค์เสมอ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้สร้าง ผู้บริหารจัดการ ผู้ลิขิตทุกสิ่งทุกอย่างเพียงผู้เดียว ไม่มีภาคีใดๆ ร่วมกับพระองค์ ดังที่อัลลอฮฺได้กล่าวยืนยันไว้ในอัลกุรอ่านว่า

﴿وَمَا قَدَرُواْ ٱللَّهَ حَقَّ قَدۡرِهِۦ وَٱلۡأَرۡضُ جَمِيعٗا قَبۡضَتُهُۥ يَوۡمَ ٱلۡقِيَٰمَةِ وَٱلسَّمَٰوَٰتُ مَطۡوِيَّٰتُۢ بِيَمِينِهِۦۚ سُبۡحَٰنَهُۥ وَتَعَٰلَىٰ عَمَّا يُشۡرِكُونَ ٦٧﴾ [الزمر  : 67]

           “และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮฺ ด้วยสิ่งอันพึงมีต่อพระองค์อย่างแท้จริง และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี”

(อัซ-ซุมัร : 67)


           สุดท้าย ข้าพเจ้าขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงประทานความช่วยเหลือและความถูกต้องต่อเนื้อหาของสาส์นฉบับนี้ด้วยเถิด ขอให้เป็นงานที่บริสุทธิ์ต่อพระองค์ และมีประโยชน์ต่อมวลผู้อ่านทั้งหลายด้วยเทอญ อามีน

 

 

แปลโดย : ทีมงานภาษาไทยเว็บอิสลามเฮ้าส์ / Islamhouse