พระผู้ทรงสร้างเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่คู่ควรแก่การทำอิบาดะฮ
  จำนวนคนเข้าชม  5006

 

พระผู้ทรงสร้างเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่คู่ควรแก่การทำอิบาดะฮ

 


           อัลลอฮฺ ได้ทรงแจ้งหลักฐานไว้มากมายตามที่ต่างๆในอายะฮฺ อัลกุรอาน ในขณะที่เมื่อมุมินพิจารณาดูแล้วก็จะทราบดีว่า มีหลักฐานที่ถ่ายทอดมาจากอัลกุรอ่าน ซึ่งได้รับการสนับสนุน และการยืนยันด้วยหลักฐานทางสติปัญญา มองเห็นได้ สัมผัสได้ ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺ จึงทรงแจ้งให้ทราบภายหลังจากที่ได้ตรัสความว่า :

 

“โอ้ ประชาชนทั้งหลาย พวกเจ้าจงเคารพอิบาดะฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้าเถิด”


พร้อมกับยืนยันเรื่องดังกล่าวว่า ที่ต้องทำเช่นนั้นก็คือ ตามที่ทรงแจ้งให้ทราบต่อไปอีกว่า :


 “ผู้ทรงบังเกิดพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่ก่อนหน้าพวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง”


          มีความหมายว่า : แท้จริงแล้ว ผู้สร้างนั้น คือผู้ที่มีความเหมาะสม ในการที่เราจะต้งอทำการเคารพอิบาดะฮฺพระองค์ เนื่องจากพระองค์ทรงสร้างเราขึ้นมา และเพราะว่าพระองค์ได้ทรงดูแลจัดการผลประโยชน์ให้แก่บรรดาบ่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทราบกันดีโดยสัญชาติญาณและสติปัญญาที่ปกติไม่ผิดเพี้ยน มนุษย์ทั้งหลายนั้น ไม่สามารถสร้างตัวของมนุษย์ขึ้นมาเองได้ แต่พระเจ้าต่างหากที่ได้ทรงสร้างพวกเขาขึ้นมา อัลลอฮฺ คือผู้ทรงสร้างโดยมีหลักฐานจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและเป็นสติปัญญา ยืนยันตลอดมา จนมีการถ่ายทอดต่อๆ กันเรื่อยมา 


อัลลอฮฺ ได้ตรัส ในซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 22 ความว่า


          “คือผู้ทรงให้แผ่นดินเป็นที่ราบ และฟ้าเป็นอาคารแก่พวกเจ้า และทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วได้ทรงให้บรรดาผลไม้ออกมาเนื่องด้วยน้ำนั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าให้มีผู้ใดมาเป็นพระเจ้าเทียบเคียงกับอัลลอฮฺ โดยที่พวกเจ้าก็รู้กันดีอยู่”


          อัลลอฮฺ ได้ทรงแจ้งให้ทราบถึงวิธีการ ที่จะรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา สามารถมองเห็นได้ มีสติปัญญารู้ได้ และมนุษย์ทุกคนจะสัมผัสได้


          ♣ ดังนั้น ทรงทำให้แผ่นดินเป็นที่ราบแก่พวกเรา นอนได้ เดินได้ เลี้ยงฝูงสัตว์ได้ ตั้งสิ่งของได้ เพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ ขุดเอาแร่ธาตุออกมาได้ และอื่นๆ อีกมากมาย

          ♣ หลังจากนั้นได้ทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า เป็นน้ำจากก้อนเมฆ เป็นน้ำฝน แล้วให้มีพืชผลต่างๆงอกออกมาแก่พวกเรา


ใครที่เป็นผู้ให้น้ำฝนตกลงมา?

          ใครเป็นผู้ให้พืชผลต่างๆออกมา มีทั้งปลูกเอง และที่ขึ้นเอง ทำให้มนุษย์และสัตว์ได้กินเป็นอาหาร ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ที่ชี้ถึงเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และชี้ได้ว่า พระองค์คือพระเจ้าของโลกทั้งผอง


          ทรงให้มีแผ่นดินที่ราบเรียบมั่นคง ด้วยการตั้งมั่นของภูเขาต่างๆที่ทำให้เป็นหมุดยึด ตรึงแผ่นดิน ทรงทำให้แผ่นดินแผ่กว้าง มั่นคง เป็นที่พักอาศัยของมนุษย์และสรรพสัตว์ ทำให้เราได้รับความสงบอบอุ่น พร้อมปศุสัตว์ พาหนะของพวกเราที่อยู่บนแผ่นดินทั้งหมด และนกได้โบยบินอยู่บนอากาศ

          มนุษย์ได้รับความสุขสำราญจากทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นบนแผ่นดิน ตลอดจนท้องฟ้าที่ถูกสร้างไว้ให้อยู่เหนือพวกเรา และได้ทรงประดับประดาท้องฟ้า ด้วยหมู่ดวงดาวต่างๆ ทั้งที่มันโคจรและอยู่คงที่ มีทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ เพื่อว่ามนุษย์ทั้งหลายจะได้ทราบถึงเดชานุภาพของพระผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ สูงส่งเหนือชั้น ไม่มีภาคีใดๆกับพระองค์อีกแล้ว 

          บรรดาพืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ มีทั้งผลไม้นานาชนิด มีประโยชน์ท่วมท้นมากมาย มีสีสันรูปร่างตลอดจนขนาด และรสชาติที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น ดังกล่าวเหล่านี้แสดงถึงเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ที่สมควรได้รับการอิบาดะฮฺ จากบรรดาผู้ถูกสร้างทั้งผอง


ดังที่พระองค์ได้ตรัสในซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 163-164 ว่า :


           “และผู้ที่ควรแก่การเคารพของพวกเจ้านั้นมีเพียงองค์เดียว ไม่มีคู่ควรแก่การเคารพสักการะใดๆ นอกจากพระองค์ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอเท่านั้น  แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดิน และการสับเปลี่ยนกันของกลางคืน และกลางวัน และเรือที่แล่นอยู่ในท้องทะเลพร้อมด้วยสิ่งอำนวยประโยชน์แก่มนุษย์ และน้ำที่อัลลอฮฺ ได้ทรงหลังลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาขึ้น ด้วยน้ำนั้นหลังจากที่มันได้ตายไปแล้ว และได้ทรงให้สัตว์แต่ละชนิดแพร่สะพัดไปในแผ่นดิน และในการให้ลมเปลี่ยนทิศทาง และให้เมฆซึ่งถูกกำหนดให้บริการ (แก่โลก) ผันแปรไปในระหว่างฟากฟ้าและแผ่นดินนั้น แน่นอน ล้วนเป็นสัญญาณนานาประการสำหรับกลุ่มชนที่ใช้สติปัญญา”


          พระองค์ได้ทรงแจ้งแก่เราในอายะฮฺนี้ทั้งหมด ที่เราได้รู้ได้เห็นและสัมผัสได้ ดังที่พระองค์ตรัสในซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 164 ว่า :


          “แท้จริง ในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน และเรือที่แล่นอยู่ในท้องทะเล พร้อมด้วยสิ่งอำนวยประโยชน์แก่มนุษย์และน้ำที่อัลลอฮฺให้หลั่งลงมาจากฟากฟ้า”


          ความกว้างขวางและความสูงส่งของฟากฟ้า ตลอดจนสิ่งที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง น่าพิศวงยิ่งนัก และผืนแผ่นดินก็เช่นกัน ที่ความกว้างใหญ่ไพศาล ตลอดจนสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ภูเขา ฯลฯ


          ♥ ประการต่อมาก็คือ ความแตกต่างของกลางคืนและกลางวัน และน้ำที่หลั่งลงมาจากฟากฟ้า ให้มีสิ่งมีประโยชน์มากมายแก่ผู้คน ออกมาจากท้องทะเล มีสายน้ำที่รองรับเรือเดินสมุทรใหญ่เพื่อให้แล่นไปบนผิวน้ำ บรรทุกสัมภาระและผู้คนจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้


          ♥ ประการต่อมาทรงให้ฝนหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงทำให้แผ่นดินที่ตายไปแล้ว ได้ฝื้นขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้สัตว์ต่างๆ ได้แพร่กระจายออกไปบนแผ่นดิน ทรงให้สายลมพัดโชยไป พร้อมมีก้อนเมฆ ระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน


          บรรดาหลักฐานยิ่งใหญ่ต่างๆเหล่านี้ ยืนยันไว้สำหรับผู้ที่ใคร่ครวญ และสิ่งทั้งปวงนี้ แสดงให้เห็นว่ามีผู้สร้างมันขึ้นมาและผู้ที่สร้างมันนั้นทรงทำให้มีขึ้นมาได้โดยไม่เคยมีมาก่อนเลย และพระองค์คือพระเจ้าแห่งสากลโลก ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพราะบรรดาสิ่งต่างๆเหล่านั้นไม่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องอาศัยอัลลอฮฺ ดังที่พระองค์ได้ทรงแจ้งไว้ในซูเราะฮฺ อัรรูม อายะฮฺ ที่ 25 ว่า:

 

 “และส่วนหนึ่งจากบรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือ ชั้นฟ้าและแผ่นดินที่มั่นคงอยู่ตามพระบัญชาของพระองค์....”

 

          บรรดาอายะฮฺ ต่างๆเหล่านี้มีสัญญาณให้เราได้เห็น และเป็นหลักฐานให้อ่าน และให้เราได้คิด ซึ่งผู้มีสติปัญญาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีสายตาที่กว้างไกล ด้วยเหตนี้ ในท้ายของซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 164 พระองค์อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า :


“แน่นอน ล้วนเป็นสัญญาณนานาประการ สำหรับกลุ่มชนที่ใช้สติปัญญา”

 

 

 

ที่มา ...อัลอิศลาห์สมาคม