องค์ประกอบของความสุข 5. เชื่อฟังและปฏิบัติตาม
  จำนวนคนเข้าชม  6718

 

องค์ประกอบของความสุข 5. เชื่อฟังและปฏิบัติตาม

 

อ.อับดุลบารีย์  นาปาเลน

 

องค์ประกอบที่ห้า การเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำ 
 

        สังคมจะสามัคคีได้ต้องมีผู้นำเป็นหลัก ทำให้มีความเป็นหนึ่งเดียวแถวเดียว เป็นสาเหตุที่จะนำมาซึ่งความสงบ มีการเป็นอยู่อย่างปลอดภัย ห่างไกลจากความวุ่นวาย ช่วยดูแลกิจการศาสนาและการงานดุนยา(โลกนี้) และสร้างความน่าเกรงขามให้แก่ศัตรู 

 

       “ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดีงาม และเป็นการกลับที่สวยยิ่ง”
 

 (อันนิซาอฺ / ๕๙)

       มีหลายฮาดิษที่ได้มากำชับให้ตามผู้นำและห้ามมิให้ฝ่าฝืน ตราบใดที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์  และไม่ขัดกับหลักการศาสนา อาทิเช่น

จากอบีฮุรอยเราะหฺ กล่าวว่า ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

       "ผู้ใดที่เชื่อฟังฉัน แน่นอนถือว่าเขาได้เชื่อฟังต่ออัลลอฮฺ และใครที่ฝ่าฝืนฉัน แน่นอนถือว่าเขาได้ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และใครที่เชื่อฟังผู้นำ ถือว่าเขาได้เชื่อฟังฉัน และใครที่ฝ่าฝืนผู้นำ เสมือนกับเขาได้ฝ่าฝืนฉัน”

 (รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

        “จำเป็นต่อมุสลิมต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตาม(ผู้นำมุสลิม) ในสิ่งที่เขารักและรังเกียจ นอกจากเขาถูกสั่งใช้ในสิ่งที่ฝ่าฝืน(อัลลอฮฺ)  ดังนั้นหากเขาได้รับคำสั่งใช้ในสิ่งที่ฝ่าฝืน ก็ไม่มีการเชื่อฟังและปฏิบัติตาม”

(รายงานโดยบุคอรีย์ / ๖๗๒๕)

จากท่านอาบีซัร ได้กล่าวว่า

“ แท้จริง ที่รักของฉันได้สั่งเสียให้ฉันเชื่อฟังและปฏิบัติตาม(ผู้นำ) ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะเป็นบ่าวที่มีสัดส่วนที่ขาดด้วน”

(รายงานโดยมุสลิม / ๓๔๒๖)

รายงานจากอุบาดะฮฺ บิน อัศศอมิต เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮู กล่าวว่า 

       " พวกเราได้ทำสัตยาบัน ต่อท่านรอสูลุลลอฮฺ  ว่าจะเชื่อฟัง และปฏิบัติตาม ทั้งในเรื่องที่ยาก และเรื่องที่ง่าย  ในสิ่งที่เรารัก และสิ่งที่เราไม่รัก และในเรื่องที่เราต้องเสียสละ  และเราไม่แข่งแย่งกิจการ (ตำแหน่ง) กับผู้ที่เป็นผู้นำ ยกเว้นในกรณีที่พวกท่าน มีหลักฐานอย่างชัดแจ้ง ถึงการปฏิเสธต่ออัลลอฮฺ ของพวกเขา” 

 (รายงานโดย บุคอรียฺ และ มุสลิม)

        นั้นก็รวมไปถึงกฏหมายในบ้านเมือง หากมันไม่ได้มาขัดกับหลักการศาสนาและเป็นประโยชน์โดยรวม เช่น กฏจราจร เป็นต้น  แม้กระทั่งในการเดินทาง ท่านนบี  ก็ยังสั่งให้มีระเบียบโดยการแต่งตั้งผู้นำขึ้น

“ถ้ามีจำนวนถึงสามคน ได้ทำการออกเดินทาง(ร่วมกัน) ก็จงแต่งตั้งจากพวกเขาให้เป็นผู้นำขึ้นหนึ่งคน”

(รายงานโดย อบูดาวูด / ๒๖๑๐)

         ท่านนบี  ให้ประชาชาติของท่านมีความอดทนต่อการที่จะไปแย่งในตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขา

       “ จากท่านอุเซยดฺบินฮุเดรฺ เล่าว่า มีชายผู้หนึ่งจากชาวอันศอรฺ ได้กล่าวกับท่านนบีว่า โอ้รอซูลุลลอฮ ท่านจะไม่สั่งฉันให้ปฏิบัติหน้าที่ ดังที่ท่านได้สั่งให้คนนั้นทำหน้าที่หรือ(คือ มีตำแหน่งเป็นผู้รับผิดชอบในกิจการหนึ่งๆ) 

       ท่านนบี  ได้กล่าวว่า "พวกท่านจะพบเจอหลังจากฉัน(จากไป)ซึ่งความโลภ ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงอดทนจนกว่าจะมาเจอฉัน ณ สระน้ำ “

 (รายงานโดย บุคอรีย์ / ๓๕๘๑)

อีกฮาดิษหนึ่งที่ว่า

"แน่นอน พวกท่านทั้งหลายจะพบเจอหลังจากฉัน(จากไป)ซึ่งความโลภ และเรื่องต่างๆ ที่พวกท่านมิชอบ “ 

พวกเขากล่าวว่า “ แล้วท่านจะสั่งเสียอะไรแก่เราโอ้ท่านรอซูลุลลอฮ “ 

ท่านกล่าวว่า “ จงให้สิทธิพวกเขาแก่พวกเขา(คือจงเชื่อฟังตามผู้นำ) และจงขอสิทธิของพวกท่านจากอัลลอฮฺ “

(รายงานโดยบุคอรีย์ / ๖๖๔๔)

ท่านฮาฟิศ อินนิรอญับ (รอฮีมาฮุลลอฮฺ) ได้กล่าวว่า

        “ ส่วนในเรื่องของการเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำนั้น เป็นสาเหตุให้ได้มาซึ่งความสุขในโลกนี้ และเป็นเหตุของการเป็นอยู่อาศัยที่มีระเบียบ และเป็นเหตุที่ช่วยให้ศาสนาสูงส่ง และทำการภักดีต่อพระเจ้าของพวกเขาอย่างสะดวกสบาย “ 

(ญามิอิลอูลูมิวัลฮิกัม )

       ท่าน อิบนุลมูบาร็อก (รอฮีมาฮุลลอฮฺ) ได้กล่าวว่า  

         “ พระองค์อัลลอฮฺได้รักษาศาสนาของพวกเราด้วยผู้นำของพวกเรา เป็นความโปรดปรานและเป็นความพึงพระทัยของพระองค์  หากไม่มีผู้นำแล้ว ถนนหนทางก็ไม่ปลอดภัย  และเป็นเหตุที่จะทำให้คนจนปล้นคนรวย”

(ซียัร อะลามุนนูบาลาอฺ / ๑๔๔)

        หากผู้นำทำผิด หรือปฏิบัติตนผิดจากหลักการจำเป็นสำหรับผู้รู้ต้องเข้าไปตักเตือนด้วยวิธีการที่ดี  ตักเตือนแบบลับๆ และอย่าได้แฉความผิดของเขา ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี มีความร่วมมือกันระหว่างผู้นำและผู้ตาม 

         “ ผู้ใดที่ต้องการตักเตือนต่อผู้นำ(หรือผู้มีอำนาจ) ก็จงอย่าไปแฉในที่เปิดเผย แต่จงจับมือเขาไปยังที่ลับ แล้วถ้าเขารับการตักเตือนนั้นก็เป็นการดี แต่หากเขาปฏิเสธ ถือว่าเขา(ผู้เตือน)นั้นได้ทำตามหน้าที่แล้ว “

 (รายงานโดยอะหมัด ฮาเก็ม ฏ็อบรอนีย์ และบัยฮากีย์)

 

       เพราะคนธรรมดาก็ยังไม่ต้องการให้ใครมาแฉความชั่วของเขา ยิ่งถ้าคนมีอำนาจก็ยิ่งจำเป็นและถ้าห้ามจากความชั่วแล้วเขาไม่รับการเสนอแนะ ก็ไม่อนุญาติให้ออกจากการเป็นผู้นำของเขา หรือทรยศ และอย่าแตกแถวจากพวกเขา ตราบใดที่ความผิดนั้นไม่ถึงกับขั้นตกศาสนา และหากพวกเขายังดำรงอยู่ไว้ซึ่งการละหมาด

จากท่านเอาฟฺ บินมาเล็ก (อัลอัชญะอีย์) จากท่านนบี  ได้กล่าวว่า

        “ บรรดาผู้นำที่ดีเลิศของพวกท่าน คือ บรรดาผู้ที่พวกท่านทั้งหลายต่างรักพวกเขา และพวกเขาก็รักพวกท่าน และพวกเขาขอพรให้แก่พวกท่าน และพวกท่านก็ขอพรให้แก่พวกเขา 

       ส่วนบรรดาผู้นำที่ชั่วทึ่สุดคือ บรรดาผู้ที่พวกเจ้าเกลียดพวกเขาและพวกเขาก็เกลียดพวกเจ้า และพวกเจ้าต่างก็สาปแช่งพวกเขา และพวกเขาก็สาปแช่งพวกท่าน  

มีผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นว่า โอ้รอซูลลุลลอฮฺ เราจะไม่ขับไล่พวกเขาด้วยดาบหรือ 

       ท่านกล่าวว่า อย่า ! ตราบใดที่พวกเขายังรักษาการละหมาดร่วมกับพวกท่าน และหากพวกท่านได้เห็นจากผู้นำของพวกท่านในสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายมิชอบ ก็จงเกลียดการกระทำของพวกเขา และอย่าได้ออกจากการเชื่อฟัง(ภักดี)” 

( รายงานโดยมุสลิม / ๑๘๕๕ ) 

จากอิบนิอับบาส จากท่านนบี  ได้กล่าวว่า 

        “ ผู้ใดที่เห็นผู้นำของเขาในบางอย่างที่เขามิชอบ ก็จงอดทนต่อเขา เพราะที่จริงแล้ว ผู้ใดที่ออกจากกลุ่มเพียงคืบเดียว(หมายถึงได้ดื้อต่อผู้นำหรือประกาศรบกับเขาแม้เพียงนิดเดียว) แล้วได้ตายไป นอกจากว่าได้ตายในสภาพของญาฮีลียะหฺ”

 (รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

เพราะการออกจากผู้นำเพียงเล็กน้อย จะนำไปสู่ความวุ่นวายและการนองเลือดได้