คุณลักษณะของพวกยะฮูด(ยิว)
  จำนวนคนเข้าชม  12303


คุณลักษณะของพวกยะฮูด(ยิว)

 

แปลเรียบเรียง อับดุลบารีย์ นาปาเลน

 

          กลุ่มชนพวกยะฮูด เป็นกลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธา และไม่ยอมปฏิบัตตามท่านนบี(ซอลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) พวกเขาจึงได้หลงออกไปอย่างไกลลิบจากหนทางเเห่งสัจธรรม และด้วยความดื้อดึงของพวกเขาที่ได้ก่อสิ่งชั่วร้ายมากมายในอดีต พวกเขาจึงไม่ถูกปล่อยให้หลุดพ้นไปจากการถูกเเฉสิ่งเลวร้ายของพวกเขา ทั้งทางตรงและทางอ้อม

"และในทำนองนั้นเราจะแจกแจงโองการทั้งหลาย และเพื่อที่วิถีทางของผู้กระทำผิดจะได้ประจักษ์ชัด"

(อัล-อันอาม - Aya 55)

          มีมากมายหลายโองการในอัลกุรอ่านได้บอกถึงความชั่วร้ายของพวกเขาอย่างชัดเจน และได้เตือนผู้ศรัทธาให้ระวังถึงนิสัยประพฤติชั่วของพวกเขา 

 

     ♣- ตั้งเเต่ในอดีตที่พวกเขาได้ดื้อดึงต่อคำสั่งของอัลลอฮ์ พระองค์ได้ประทานคำภีร์เตาร้อต แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับ พระองค์จึงขู่เข็นพวกเขาด้วยการลงโทษอย่างรุนเเรง แต่พวกเขาก็ยังปฏิเสธ

          “และจงรำลึกขณะที่เราได้ให้ภูเขาลูกนั้นไหวตัว และถอนตัวขึ้นเหนือพวกเขา ประหนึ่งมันเป็นสิ่งที่ให้เงาร่ม กระนั้น และพวกเขาคิดว่ามันจะตกลงทับพวกเขา พวกเจ้าจงยึดเอาสิ่งที่เราได้ให้ไว้แก่พวกเจ้าด้วยความเข้มแข็ง และจงรำลึกถึงสิ่ง ที่มีอยู่ในนั้น หวังว่าพวกเจ้าจะเกรงกลัว”

(อะอฺรอฟ - Aya 171)

 

     ♣- เป็นกลุ่มชนที่ชอบตามอารมณ์ และหากสิ่งใดที่บรรดานบีมาสั่งใช้ไม่ตรงตามอารมณ์ของพวกเขา พวกเขาก็จะปฏิเสธ และบ้างก็ฆ่านบีคนนั้นเสีย พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ได้ฆ่าบรรดาศาสนทูตมาหลายคนในอดีต

         "...แล้วคราใดที่ได้มีร่อซูลนำสิ่งที่ไม่สบอารมณ์ของพวกเจ้ามายังพวกเจ้า พวกเจ้าก็ยะโส แล้วกลุ่มหนึ่งของพวกเจ้าก็ปฏิเสธ และอีกกลุ่มหนึ่งของพวกเจ้าก็ฆ่าเสียกระนั้หรือ ?"

(อัล-บะเกาะเราะฮ - Aya 87)

  

     ♣- ในอดีต พวกเขาต่างได้ฆ่าบรรดานบี และฆ่าบรรดาผู้ที่สั่งใช้ให้ทำความดีจากปวงบ่าวของพระองค์ 

          "แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ต่อโองการทั้งหลายของอัลลอฮ์ และฆ่าบรรดานะบีโดยปราศจากความเป็นธรรม และฆ่าบรรดาผู้ที่ใช้ให้มีความยุติธรรม จากหมู่ประชาชนนั้น เจ้า(มุฮัมมัด) จงแจ้งข่าวดี แก่พวกเขาเถิด ด้วยการลงโทษอันเจ็บแสบ"

(อาล อิมรอน - Aya 21)

 

     ♣- เป็นกลุ่มชนที่ทรยศและไม่รู้จักบุญคุณที่อัลลอฮ์ได้ช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการตามล่าของฟาโรห์ แทนที่จะขอบคุณต่ออัลลอฮ์ พวกเขากลับเนรคุณ และคิดที่จะไปกราบไหว้ต่อสิ่งอื่นนอกจากพระองค์ 

          “และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีลข้ามทะเลไปได้ แล้วพวกเขาก็มายังกลุ่มชนหนึ่ง ซึ่งกำลังประจำอยู่ที่บรรดาเจว็ดของพวกเขา พวกเขาได้กล่าวขึ้นว่า โอ้มูซา ! จงให้มีขึ้นแก่พวกเราด้วยเถิดสิ่งซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสักองค์หนึ่ง เช่นเดียวกับที่พวกเขามีสิ่งที่เป็นที่เคารพสักการะหลายองค์ เขากล่าวว่า แท้จริงพวกท่านเป็นพวกที่โฉดเขลา”

          “แท้จริงชนเหล่านี้แหละ สิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะกันอยู่นั้นจะถูกทำลาย และสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำกันมาก็ไร้ผล ”

         “เขากล่าวว่า อื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือที่ฉันจะแสวงหาสิ่งที่เคารพสักการะให้แก่พวกท่าน ทั้งๆที่พระองค์ได้ทรงยกพวกท่านเหนือประชาชาติทั้งหลาย" (ในขณะนั้น) 

(อัลอะร็อฟ / 138 –140)

  

     ♣- ในบรรดาผู้คนก็หนีไม่พ้นจากการโดนพวกเขากลั่นแกล้งและว่าร้าย และยิ่งกว่านั้น พวกเขากล้าที่จะกล่าวว่า เเละพาดพิงไปหาอัลลอฮ์ เเละได้ให้ร้ายกับพระองค์ว่าทรงมีบุตร 

          “และชาวยิวได้กล่าวว่า อุซัยร์ เป็นบุตรของอัลลอฮ์ และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า อัล-มะซีห์ เป็นบุตรของอัลลอฮ์ นั่นคือถ้อยคำที่พวกเขากล่าวขึ้นด้วยปากของพวกเขาเอง ซึ่งคล้ายกับถ้อยคำของบรรดาผู้ที่ได้ปฏิเสธการศรัทธามาก่อน อัลลอฮ์ทรงสาปเเช่งพวกเขา พวกเขาถูกหันเห ไปได้อย่างไร?" 

(อัต-เตาบะฮฺ - Aya 30)

  

     ♣- กล้าด่าทอต่ออัลลอฮ์ ว่าพระองค์เป็นผู้ทรงยากจนและตระหนี่(วัลอียาซุบิลลาฮ) ด้วยเหตุนี้ที่พระองค์ทรงลงโทษพวกเขา 

          "และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวน และพวกเขาได้รับละอ์นัต เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูดมิได้ พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก ซึ่งพระองค์จะทรงแจกจ่ายอย่างไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากมายในหมู่พวกเขา"

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 64)

และพระองค์ตรัสความว่า 

          "แน่นอนยิ่ง อัลลอฮ์ทรงได้ยินคำพูดของบรรดาผู้ที่ กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ยากจน และพวกเรานั้นเป็นผู้มั่งมี เรา จะจารึกสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไว้ และการที่พวกเขาฆ่าบรรดานะบี โดยปราศจากความเป็นธรรมด้วยและเราจะกล่าวว่าพวกเจ้าจงลิ้มการลงโทษแห่งเปลว เพลิงเถิด"

( อาล อิมรอน - Aya 181)

  

     ♣- และจากลักษณะของยะฮูดที่ชอบทำบาป ชอบสร้างศัตรู ขูดรีด กินดอกเบี้ย และกินเงินทองของผู้คนโดยอธรรม

          "และเจ้าจะได้เห็นมากมายในหมู่พวกเขา ต่างรีบเร่งกันในการทำบาป และการเป็นศัตรูกันและการที่พวกเขากินสิ่งที่เป็นที่ต้องห้าม ช่างเลวจริง ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำกัน"

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 62)

และพระองค์ตรัสความว่า 

          "แล้วก็เนื่องด้วยความอธรรมจากบรรดาผู้ที่เป็นยิว เราจึงได้ให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขาซึ่งบรรดาสิ่งดี ๆ ที่ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเขามาแล้วและเนื่องด้วยการที่พวกเขาขัดขวางทางของอัลลอฮฺอย่างมากมาย"

(อัน-นิสาอ์ - Aya 160)

          "และเนื่องด้วยการที่พวกเขาเอาดอกเบี้ยทั้งๆ ที่พวกเขาถูกห้ามในเรื่องนั้น และเนื่องด้วยการที่พวกเขากินทรัพย์ของผู้คนโดยไม่ชอบ และเราได้เตรียมไว้แล้ว สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ"

(อัน-นิสาอ์ - Aya 161)

 

     ♣- ด้วยเหตุที่พวกเขาได้ฝ่าฝืน และไม่ช่วยกันห้ามปรามความชั่ว พวกเขาจึงโดนสาป

          "บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรออีลนั้นได้ถูกสาปโดยถ้อยคำของดาวูด และอีซาบุตรของมัรยัม นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน"

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 78)

           "ปรากฏว่าพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งไม่ชอบที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น ช่างเลวร้ายจริง ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำ" 

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 79)

          "เจ้า(มุฮัมมัด) ก็จะเห็นมากมายในหมู่พวกเขา เป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา ช่างเลวร้ายจริงๆสิ่งที่ตัวของพวกเขาเองได้ประกอบล่วงหน้าไว้สำหรับพวกเขา อันเป็นเหตุให้อัลลอฮ์ทรงกริ้วพวกเขาและพวกเขาจะคงอยู่ในการลงโทษตลอดกาล"

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 80)

 

     ♣- เป็นกลุ่มชนที่มีหัวใจแข็งกระด้างด้วยการที่พวกเขาไม่รักษาคำสัญญา และชอบบิดพริ้วต่อโองการของพระองค์

          "แต่เนื่องจากการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา เราจึงได้ให้พวกเขาห่างไกลจากความกรุณาเมตตาของเราและให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง พวกเขากระทำการบิดเบือน บรรดาถ้อยคำให้เฉออกจากตำแหน่งของมัน และลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้" 

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 13)

 

     ♣- เป็นพวกที่ชอบโกหกและหลอกลวงในคำสัญญา

          "และคราใดที่พวกเขา ได้ให้คำมั่นสัญญาใด ๆ ไว้ กลุ่มหนึ่งในพวกเขาก็เหวี่ยงสัญญานั้นทิ้งเสียกระนั้นหรือ ? หามิได้ส่วนมากของพวกเขาไม่ศรัทธาต่างหาก"

(อัล-บะเกาะเราะฮ - Aya 100)

  

     ♣- เริ่มเเรกจากการที่อิสลามได้ปรากฏที่เมืองมาดีนะหฺ พวกเขาก็ตั้งใจที่จะทำลายและวางแผนที่จะฆ่าท่านนบี(ซอลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) ทำไสยศาสตร์และเวทมนต์ และได้วางยาพิษให้แก่ท่านในอาหาร พระองค์ได้บอกถึงการเป็นศัตรูของพวกเขาต่อผู้ศรัทธาอย่างรุนแรง

          "แน่นอนเจ้าจะพบว่า หมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นคือชาวยิว และบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์..."

 (อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 82)

 

     ♣- ชอบสร้างปัญหาและแสวงหาเรื่องให้ผู้ศรัทธาทะเลาะและเกลียดกัน และชอบจุดชนวนให้มีการต่อสู้รบราฆ่าฟันกัน สร้างความเสื่อมเสียบนเเผ่นดิน 

          "....ทุกครั้งที่พวกเขาจุดไฟขึ้น เพื่อทำสงคราม อัลลอฮ์ก็ทรงดับไฟนั้นเสีย และพวกเขาเพียรพยายามบ่อนทำลายในผืนแผ่นดิน และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย"

( อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 64)

 

     ♣- การบ่อนทำลายของพวกเขาเรียกร้องให้ผู้คนไปสู่สิ่งลามก และให้ผู้หญิงเปิดอาภรณ์ของนาง โดยอ้างความอิสระเสรี ต้องการให้เยาวชนมุสลิมหมักหมมอยู่กับสิ่งลามก หลงไหลในสิ่งเริ่นเริงทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาละทิ้งศาสนาอิสลาม และเสื่อมโทรมในเรื่องคุณธรรม 

     มากมายจากพวกเขาจะมีความอิจฉาต่อบรรดาผู้ศรัทธา เเละไม่ต้องการให้พวกเขามีความสุขในศาสนา เเละพยายามเเสวงหาให้พวกเขาละทิ้งอิสลาม

          "อะฮ์ลุลกิตาบมากมาย ชอบ หากพวกเขาจะสามารถทำให้พวกเจ้ากลับเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธาอีก ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาที่มาจากตัวของพวกเขาเอง หลังจากความจริงได้ประจักษ์แก่พวกเขา ดังนั้น พวกเจ้าจงให้อภัยและเบือนหน้าเสีย จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง"

 (อัล-บะเกาะเราะฮ - Aya 109)

  

     ♣- เป็นกลุ่มชนที่หลงใหลในโลกดุนยามากที่สุด ด้วยเหตุนี้ที่พวกเขามีความกลัวและขี้ขลาดในการสู้รบ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสามัคคีกัน แต่แท้ที่จริงเเล้วพวกเขาก็มีความขัดเเย้งกัน

          "พวกเขาทั้งหมดจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้าเว้นแต่ในเมืองที่มีป้อมปราการหรือจากเบื้องหลังของกำแพง การเป็นศัตรูระหว่างพวกเขากันเองนั้นรุนแรงยิ่งนัก เจ้าเข้าใจว่าพวกเขารวมกันเป็นปึกแผ่นแต่(ความจริงแล้ว)จิตใจของพวกเขาแตกแยกกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ"

(อัล-หัชร์ - Aya 14)

      ซึ่งในยุคของท่านนบีมูซา(อาลัยฮิศศอลาตุวัสสลาม) พวกเขาก็มีนิสัยขี้ขลาด 

          "พวกเขากล่าวว่า โอ้มูซา ! แท้จริงพวกเราจะไม่เข้าไปที่นั้นโดยเด็ดขาด ตราบใดที่พวกเขา ยังคงอยู่ที่นั้น ดังนั้นท่านและพระเจ้าของท่านจงไปเถิด แล้วจงต่อสู้ พวกเราจะนั่งอยู่ที่นี่"

(อัล-มาอิดะฮฺ - Aya 24)

 

     ♣- พวกเขาจะกลัวต่อบรรดาผู้ศรัทธาที่มีอีหม่านอันแข็งแกร่งมากกว่าการกลัวของพวกเขาต่ออัลลอฮ์เสียด้วยซ้ำ

          "แน่นอนพวกเจ้านั้นเป็นที่หวาดเกรงในทรวงอกของพวกเขา ยิ่งกว่าที่พวกเขามีต่ออัลลอฮฺ ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่รู้เรื่อง"

(อัล-หัชร์ - Aya 13)

 

     ♣- พวกเขาถูกขับไล่ออกจากเมืองมาดีนะหฺอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่พวกเขาผิดสัญญาต่อท่านนบี(ซอลลัลลอฮูอาลัยฮิวะซัลลัม

          "พระองค์เป็นผู้ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกอะฮฺลุลกิตาบออกจากบ้านเรือนของพวกเขา เป็นครั้งแรกของการถูกไล่ออกเป็นกลุ่มๆ พวกเจ้ามิได้คาดคิดกันเลยว่าพวกเขาจะออกไป (ในสภาพเช่นนั้น) และพวกเขาคิดว่าแท้จริงป้อมปราการของพวกเขานั้นจะป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้แต่การลงโทษของอัลลอฮฺได้มีมายังพวกเขาโดยมิได้คาดคิดมาก่อนเลย และพระองค์ทรงทำให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา โดยพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง และด้วยน้ำมือของบรรดามุอฺมิน จงยึดถือเป็นบทเรียนเถิด โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายเอ๋ย"

(อัล-หัชร์ - Aya 2)

 

     ♣- ด้วยกับการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ พวกเขาจึงโดนสาปให้เป็นสัตว์

          "และแน่นอนพวกเจ้ารู้กันแล้วถึงบรรดาผู้ที่ได้ละเมิดในวันสับปะโต(วันเสาร์)จากพวกที่อยู่ในหมู่ของพวกเจ้า แล้วเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงเป็นลิงที่ถูกขับไล่ให้ห่างไกล"

(อัล-บะเกาะเราะฮ - Aya 65)

 

     ♣- ด้วยความเลวร้ายและดื้อดึงอันมากมายของพวกยะฮูด พวกเขาจึงเป็นกลุ่มชนที่อัลลอฮ์ทรงโกรธกริ้ว และพระองค์ได้สั่งให้ผู้ศรัทธาขอพรจากพระองค์ให้ห่างไกลจากแนวทางของพวกเขาในทุกๆการละหมาด

          "ขอพระองค์ทรงแนะนำพวกข้าพระองค์ซึ่งทางอันเที่ยงตรง"

(อัล-ฟาติหะฮฺ - Aya 6)

          "(คือ)ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปราณแก่พวกเขา มิใช่ในทางของพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่ทางของพวกที่หลงผิด" 

(อัล-ฟาติหะฮฺ - Aya 7)

 

     ♣- ในยุคสุดท้ายเมือดัจญ้าลได้ปรากฏ พวกยะฮูดอัสฟาฮานจะเป็นกลุ่มเเรกที่ปฏิบัติตามและเชื่อฟังเขา  

 

     ♣- พวกเขาจะสร้างความเสื่อมเสียในโลกนี้ถึงสองครั้งและมีความโอหัง แต่สุดท้ายพวกเขาก็จะถึงจุดจบ 

          "และเราได้แจ้งแก่วงศ์วานของอิสรออีลในคัมภีร์ว่า พวกเจ้าจะก่อการเสียหายในแผ่นดินสองครั้ง และแน่นอน พวกเจ้าจะโอหังยโสยิ่ง"

(อัล-อิสรออ์ - Aya 4)

          "ดังนั้น เมื่อสัญญาหนึ่งในสองครั้งได้มาถึง เราได้ส่งบรรดาบ่าวของเราผู้มีอำนาจเข้มแข็งเข้าคุ้มครองพวกเจ้า แล้วพวกเขาได้บุกเข้าค้นตามบ้านเรือน และมันเป็นสัญญาที่ได้เกิดขึ้นแล้ว"

(อัล-อิสรออ์ - Aya 5)

 

     ♣- และถึงแม้พวกเขาจะกลับมามีอำนาจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายอิสลามและมุสลิมได้ ด้วยการรักษาของพระองค์ 

          "...และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้พิชิตในกิจการของพระองค์ และแต่ว่าส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้"

(ยูสุฟ - Aya 21)

  

     ♣- เช่นเดียวกันหากมุสลิมมีความยึดมั่นต่ออัลลอฮอย่างเข้มแข็ง มีหลักศรัทธาต่ออัลลอฮ์ที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากการตั้งภาคีต่อพระองค์ เป็นหนึ่งเดียวกันบนหลักการศรัทธาที่ถูกต้อง และตามเเนวทางของอัลกุรอ่านและซุนนะหฺ รักษาตัวเองและครอบครัว และสังคมให้ห่างไกลจากกลลวงของไชฏอน พร้อมกับห่างไกลจากคุณลักษณะของศัตรูอิสลามและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไม่ไปเลียนเเบบพวกเขา ยึดเอาสาเหตุที่จะนำมาด้วยอำนาจ และได้ช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮ์แล้ว พระองค์ก็จะช่วยเหลือผู้ศรัทธาให้มีชัยชนะต่อศัตรูเช่นเดียวกัน

          "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย หากพวกเจ้าสนับสนุน (ศาสนาของ) อัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงสนับสนุนพวกเจ้าและจะทรงตรึงเท้าของพวกเจ้าให้มั่นคง" 

(มุหัมมัด - Aya 7)

          "ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ความพินาศหายนะจะได้แก่พวกเขาและพระองค์ได้ทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล"

(มุหัมมัด - Aya 8)

และพระองค์ตรัสความว่า

          "...และแน่นอนอัลลอฮ์จะทรงช่วยเหลือผู้ที่สนับสนุนศาสนาของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงเดชานุภาพอย่างแท้จริง"

(อัล-หัจญ์ - Aya 40)

          "บรรดาผู้ที่เราให้พวกเขามีอำนาจในแผ่นดิน คือบรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาตและใช้กันให้กระทำความดี และห้ามปรามกันให้ละเว้นความชั่ว และบั้นปลายของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปหาอัลลอฮ์"

(อัล-หัจญ์ - Aya 41)

  

     ♣- ท่าน นบี(ซอลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม)ได้บอกถึงเหตุการณ์ ในยุคสุดท้ายที่บรรดาผู้ศรัทธาจะมีอำนาจเหนือพวกเขา เเละมาพิชิตพวกเขาอย่างสิ้นซาก

ท่าน นบี ได้กล่าวว่า

" لَا تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّى يُقَاتِلَ الْمُسْلِمُونَ الْيَهُودَ، فَيَقْتُلُهُمُ الْمُسْلِمُونَ حَتَّى يَخْتَبِئَ الْيَهُودِيُّ مِنْ وَرَاءِ الْحَجَرِ وَالشَّجَرِ، فَيَقُولُ الْحَجَرُ أَوِ الشَّجَرُ: يَا مُسْلِمُ يَا عَبْدَ اللهِ هَذَا يَهُودِيٌّ خَلْفِي، فَتَعَالَ فَاقْتُلْهُ، إِلَّا الْغَرْقَدَ، فَإِنَّهُ مِنْ شَجَرِ الْيَهُودِ "

          “วันกียามัตจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าบรรดามุสลิม จะได้ต่อสู้กับพวกยิวเสียก่อน จากนั้น เหล่าบรรดามุสลิมได้สังหารพวกเขา จนกระทั่งพวกยิวเหล่านั้นได้พากันหลบซ่อนตามหลังโขดหินและต้นไม้ 

          โขดหินหรือต้นไม้ ก็ได้เปล่งเสียงพูดขึ้นว่า โอ้มุสลิม โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ ยิวคนนี้มันซ่อนอยู่ด้านหลังฉัน มาเถิด จงมาสังหารเขา นอกจาก ต้นฆ๊อรก้อด(เท่านั้น) เพราะแท้จริงมันคือ ต้นไม้ของพวกยิว”

(บันทึกโดยมุสลิม / 5203)

 

وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحبه وسلم