สภาพการณ์ในวันกิยามะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  11044


สภาพ การณ์ ใน วัน กิ ยา มะฮ์

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะการยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอและฮฺต่างๆ ซึ่งผลของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์ให้เกิดวันกิยามะฮฺเมื่อใด พระองค์ก็จะทรงมีคำสั่งให้มะลาอิกะฮฺอิสรอฟีลทำการเป่าแตรสังข์ทันที ซึ่งในปัจจุบันนี้ มะลาอิกะฮฺอิสรอฟีลก็อยู่ในอิริยาบถที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะทำการเป่าแตรสังข์ตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          เมื่อถึงการอวสานของโลกดุนยานี้ ทุกๆสรรพสิ่งก็จะดับสูญสิ้น ทั้งโลกทั้งจักรวาลจะสิ้นสภาพ แผ่นดินจะไหวตัวอย่างรุนแรง สิ่งที่มีชีวิตในขณะนั้นจะเสียชีวิตทั้งหมด ยกเว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์จะให้มีชีวิตอยู่เท่านั้น ที่จะยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตามหลักฐานเท่าที่ทราบ ก็ไม่ได้บอกไว้ ว่ามีใครบ้างที่จะยังมีชีวิตอยู่ ...เราก็จะพูดไปตามเท่าที่หลักฐานจากอัลกุรอานและอัลหะดีษได้บอกไว้

 

     ในวันกิยามะฮฺนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงบรรยายถึงสภาพอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้ ดังเช่น 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอินฟิฏ็อร อายะฮฺที่ 1 พระองค์ทรงบอกว่าเมื่อท้องฟ้าได้แตกออก(เป็นเสี่ยงๆ)” แสดงให้เห็นว่า กฎสภาวการณ์ของระบบสุริยะจักรวาลทั้งหมดได้ถูกทำให้หมดสภาพลงแล้ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยโคจรอย่างเป็นระบบระเบียบอยู่ในจักรราศีของมันได้ถูกทำลายลง มันจึงเคว้งคว้าง กระจัดกระจาย ไร้ระเบียบ ชนกันระเนระนาด

 

ในซูเราะฮฺอัตตักวีร อายะฮฺที่ 1 - 6 พระองค์ทรงบอกว่า

     “เมื่อดวงอาทิตย์ (ที่เราเคยเห็นมันส่องแสงอยู่ทุกวี่ทุกวันในช่วงกลางวัน แต่ในวันกิยามะฮฺนั้นมันจะถูกม้วนตัวลง และถูกทำให้อับแสง (ถูกทำให้สิ้นสภาพจากที่มันเคยเป็นอยู่)

     ”บรรดาดวงดาวทั้งหมด (ที่ปกติเราจะเห็นมันอยู่บนฟากฟ้า แต่ในวันกิยามะฮฺ) มันก็จะร่วงหล่นลงมากระจัดกระจาย (เพราะแรงดึงดูดต่างๆถูกทำลายลง )” แสงดาวที่เคยระยิบระยับก็ไม่มีอีกแล้ว

     ”เมื่อบรรดาภูเขา (ที่มีลักษณะใหญ่โตและเคยถูกตรึงอยู่กับที่) ก็จะถูกทำให้แหลกเป็นจุล แหลกเป็นผุยผง แล้วมันก็จะถูกลมพัดให้ล่องลอยเป็นกลุ่มก้อน ทำให้เกิดเป็นภาพลวงตา เหมือนกับว่าภูเขาถูกเคลื่อนย้าย หรือว่าภูเขาเดินได้แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะมันถูกทำให้แหลกเป็นจุลไปแล้ว

     ”และเมื่ออูฐท้องสิบเดือนถูกทอดทิ้งทั้งๆที่อูฐที่ท้องสิบเดือนนั้นถือเป็นอูฐที่มีราคา มีคุณค่าอย่างมาก เพราะมันใกล้จะคลอดลูกแล้ว ซึ่งเจ้าของก็จะหวงแหน จะเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงมันอย่างดี แต่ในวันกิยามะฮฺ เจ้าของอูฐนี้ก็ไม่สนใจ อูฐกลับถูกทอดทิ้ง แสดงให้เห็นถึงว่า ในวันกิยามะฮฺนั้น มันจะชุลมุนวุ่นวาย มันจะน่าสะพรึงกลัวจนทำให้แต่ละคนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมทุกสิ่งที่ตนเคยรักเคยหวงแหน แม้แต่ทารกที่อยู่ในวัยที่ต้องได้รับนมแม่ ก็จะถูกลืมด้วยเช่นกัน

     เมื่อสัตว์ป่าถูกนำมารวมกันซึ่งโดยปกติ สัตว์ป่าจะมีลักษณะที่ปราดเปรียว ที่เราจะไม่สามารถต้อนมันมารวมกันได้อย่างง่ายๆ แต่ในวันกิยามะฮฺนั้น สัตว์ป่าทั้งหมดจะมารวมตัวกันได้

     ”เมื่อทะเลถูกลุกเป็นไฟ”  وَإِذَا الْبِحَارُ سُجِّرَتْ  ” คำว่าسُجِّرَتْ ซุจญิรอตในหลายๆตัฟซีรให้ความหมายว่า ถูกให้ลุกเป็นไฟ บางรายงานบอกว่า ทะเลถูกให้ลุกเป็นไฟจนน้ำในทะเลเหือดแห้งหมด ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว มีบางรายงานบอกว่า หมายถึง น้ำถูกไหลให้ไปรวมกันจนเป็นทะเลเดียวกัน

 

          ในซูเราะฮฺอัลอินฟิฏ็อร อายะฮฺที่ 3 บอกว่า  وَإِذَا الْبِحَارُ فُجِّرَتْ  “และเมื่อทะเลถูกทำให้เอ่อล้นคือในวันกิยามะฮฺ น้ำทะเลได้ถูกให้เอ่อล้นฝั่ง แล้วไหลไปบรรจบกับทะเลอื่นๆ จนกระทั่งกลายเป็นทะเลเดียวกัน ...นี่ก็คืออีกสภาพหนึ่งของท้องทะเลที่จะเปลี่ยนไปในวันกิยามะฮฺ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ ในวันกิยามะฮฺ เมื่อท้องฟ้าได้แตกออก แผ่นดินได้ไหวตัวอย่างรุนแรง ย่อมทำให้สภาพของแผ่นดินเปลี่ยนไป สภาพของท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปด้วย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงบอกไว้ว่า สภาพการณ์ในวันกิยามะฮฺนั้น จะแตกต่างจากสภาพการณ์ของโลกดุนยานี้อย่างสิ้นเชิง ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอิบรอฮีม อายะฮฺที่ 48 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

يَوْمَ تُبَدَّلُ الْأَرْضُ غَيْرَ الْأَرْضِ وَالسَّمَاوَاتُ ۖ 

วันที่แผ่นดินจะถูกเปลี่ยนเป็นอื่นจากแผ่นดินเดิม และชั้นฟ้าทั้งหลาย (ก็เช่นเดียวกัน จะถูกให้เปลี่ยนไปด้วย)”

 

          ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิม มีแต่ความพินาศ มีแต่ความน่าสะพรึงกลัว ลองนึกสภาพของเหตุการณ์ไฟไหม้ หรือแม้แต่เห็นภาพข่าวของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่นั้นที่นี้ เหตุการณ์ความสูญเสียจากพายุมรสุม พายุสึนามิ ล้วนเป็นภาพที่น่ากลัวสำหรับเรา แต่เหตุการณ์ในวันกิยามะฮฺจะมีสภาพที่น่าสะพรึงกลัวมากยิ่งกว่าสภาพที่เราเห็นบนโลกดุนยานี้มากมายหลายเท่า ทั้งแผ่นดินที่มีความกว้างขวาง และเทือกเขาที่มีความใหญ่โต ทั้งหมดจะถูกยกขึ้น แล้วมันทั้งสองจะถูกกระแทกแตกกระจายเป็นผุยผง ชั้นฟ้าจะถูกแยกออก ดวงดาวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชิ้นส่วนของมันจะพุ่งตัวเสียดสีกัน ลุกเป็นไฟ เป็นลูกไฟสีแดงเหมือนดอกกุหลาบ มีสภาพหลอมเหลวคล้ายน้ำมัน ทุกหนแห่งมีแต่ความโกลาหล ความวุ่นวาย ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนสภาพไปหมด ทั้งท้องฟ้า ทั้งดวงดาวต่างๆ ทั้งแผ่นดิน ภูเขา ทะเล ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิม แล้วกุบูรก็จะถูกพลิกกลับ 

 

          ในซูเราะฮฺอัลอินฟิฏ็อร อายะฮฺที่ 4 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่าเมื่อกุบูรถูกให้พลิกกลับก็คือ ในวันกิยามะฮฺ กุบูรหรือหลุมฝังศพจะถูกให้ส่วนก้นหรือส่วนข้างล่างของมันพลิกกลับขึ้นเป็นส่วนบน

 

ในซูเราะฮฺอัลอินชิกอก อายะฮฺที่ 3 - 4 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า 

แผ่นดินจะถูกทำให้แผ่กว้าง และได้ขับสิ่งที่อยู่ภายในมันออกจนหมดสิ้น และมันถูกทำให้เกลี้ยง

          อันเนื่องมาจากการที่แผ่นดินมีการไหวตัวอย่างรุนแรง หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงทำการเปลี่ยนสภาพของแผ่นดินให้แผ่กว้างเป็นผืนราบเรียบ สม่ำเสมอ ไม่มีหลุมบ่อใดๆ ไม่มีเนินเขา ไม่มีภูเขาใดๆทั้งสิ้น แผ่นดินจะคายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในมันออกจนหมดสิ้น ตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งเป็นพระเจ้าของมัน และนี่เอง คนตายที่ถูกฝังอยู่ในกุบูร อยู่ในพื้นดินตั้งแต่สมัยแรกของการกำเนิดมนุษย์ จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ ก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมา และจะออกมาจากกุบูรในสภาพที่เหมือนกับตั๊กแตนที่บินว่อน

 

ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลเกาะมัร อายะฮฺที่ 7 - 8 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

، خُشَّعًا أَبْصَارُهُمْ يَخْرُجُونَ مِنَ الأجْدَاثِ كَأَنَّهُمْ جَرَادٌ مُنْتَشِرٌ، مُهْطِعِينَ إِلَى الدَّاعِ يَقُولُ الْكَافِرُونَ هَذَا يَوْمٌ عَسِرٌ»

“...สายตาของพวกเขาจะลดต่ำลงขณะที่พวกเขาออกจากกุบูร

เสมือนหนึ่ง พวกเขาเป็นตั๊กแตนที่บินว่อนไปยังผู้เรียกร้องมัน

สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ลำบากอย่างยิ่ง

 

ในซูเราะฮฺอิบรอฮีม ส่วนท้ายของอายะฮฺที่ 48 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

وَبَرَزُوا لِلَّهِ الْوَاحِدِ الْقَهَّارِ

ในวันนั้น พวกเขาจะปรากฏตัวต่อหน้าอัลลอฮฺ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงอำนาจเด็ดขาด

 

          พวกเขาจะมารวมตัวกัน แผ่นดินผืนใหม่นี้ อัลหะดีษในมุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ อิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม รายงานจากท่านสะฮฺล์ บิน สะอี๊ด เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า

«يُحْشَرُ النَّاسُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ عَلَى أَرْضٍ بَيْضَاءَ عَفْرَاءَ ، كَقُرْصَةِ النَّقِيِّ ، لَيْسَ فِيهَا عَلَمٌ لأَحَدٍ»

     “ในวันกิยามะฮฺนั้น มนุษย์ทั้งหมดจะมารวมตัวกัน แผ่นดินที่มีสีขาวอมชมพู คล้ายกับแผ่นขนมปังที่ทำจากแป้งบริสุทธ์ แผ่นดินที่ว่านี้จะไม่มีหลักเขตเป็นของผู้ใดสักคนเดียว

 

          ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือผู้ที่พื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นคนแรก อัลหะดีษในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอบูหุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

«أَنَا سَيِّدُ وَلَدِ آدَمَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ ، وَأَوَّلُ مَنْ يَنْشَقُّ عَنْهُ الْقَبْرُ ، وَأَوَّلُ شَافِعٍ وَأَوَّلُ مُشَفَّعٍ»

ในวันกิยามะฮฺ ฉันคือผู้นำในบรรดาลูกหลานอาดัม ฉันเป็นคนแรกที่ฟื้นคืนชีพขึ้นจากกุบูร

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ สภาพการณ์ที่ยกมาข้างต้นเป็นสภาพเพียงบางส่วนเท่านั้นของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺ ตามหลักฐานที่อัลกุรอานได้บอกไว้ และที่พูดมาก็เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น เป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ ที่เป็นเรื่องเร้นลับ เรื่องที่มองไม่เห็น แต่เป็นเรื่องที่ต้องเชื่อมั่นศรัทธาในความมีอยู่จริงของมัน ศรัทธาว่าต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน พร้อมทั้งต้องศรัทธาในรายละเอียดของมันทั้งหมดด้วย 

 

          ต้องศรัทธาในชีวิตหลังความตาย ในโลกอะลัมบัรซัค การสอบสวนในกุบูร ความสุขความทุกข์ในกุบูร ศรัทธาต่อการฟื้นคืนชีพ ศรัทธาต่อกระบวนการของการสอบสวนและพิพากษาทั้งหมด อันนำไปสู่สวรรค์หรือนรก ซึ่งเป็นที่อยู่ตลอดกาล เป็นเรื่องที่ต้องศรัทธาและเชื่อมั่นในรายละเอียดทั้งหมด ตามที่ถูกระบุหลักฐานอยู่ในอัลกุรอาน และอัลหะดีษที่มีหลักฐานเชื่อถือได้ หากเกิดการปฏิเสธในรายละเอียดใดๆแม้แต่เพียงกรณีเดียว ก็มีผลให้บุคคลนั้นมีสถานะเทียบเท่าผู้ปฏิเสธศรัทธาในวันอาคิเราะฮฺ อันเป็นการปฏิเสธหลักอีมานหรือหลักการศรัทธาประการที่ห้าของอัลอิสลามเลยทีเดียว จึงเป็นอีกเรื่องที่ต้องระมัดระวังตัวเรา ให้มีความรู้ มีความมั่นคงในหลักอีมานข้อนี้

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่เราจะละเลยไม่ได้ ในอัลกุรอาน เราจะพบว่าการศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺนี้จะถูกกล่าวเคียงคู่กันอยู่เสมอ กับการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ยกตัวอย่างเช่น ในซูเราะฮอัฏเฏาะลาก อายะฮฺที่ 2 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

ذَلِكُمْ يُوعَظُ بِهِ مَنْ كَانَ يُؤْمِنُ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِر

ดังกล่าวนี้แหละ ที่บรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ จะถูกตักเตือนให้ยึดถือปฏิบัติ

 

          ดังนั้น เมื่อเราบอกว่าเราศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นหมายถึงเราต้องศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮด้วยเช่นกัน และเราต้องไม่ลืมว่า การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการคือ

 

     1. ศรัทธาในความมีอยู่จริงของพระองค์ ถึงแม้ในโลกดุนยานี้ เราจะมองไม่เห็นพระองค์ แต่เราก็เชื่อมั่นศรัทธาในความมีจริงของพระองค์

 

     2. ต้องศรัทธาว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวในด้านรุบูบียะฮฺ ด้านที่เป็นร็อบ เป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ไม่มีความสามารถจะทำได้ เมื่อทรงสร้างแล้ว ก็ทรงบริหารจัดการ ทรงอภิบาล ทรงเป็นกรรมสิทธิ์ในทุกๆสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง

 

     3. ต้องศรัทธาว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวในด้านอุลูฮียะฮฺ ด้านที่เราต้องมอบอิบาดะฮฺทั้งหมดแด่พระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ห้ามมีชิริก ห้ามมีภาคีใดๆทั้งสิ้นต่อพระองค์

 

     4. ต้องศรัทธาว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวในด้านของอัลอัสมาอ์วัศศิฟาต อันเป็นการมอบเอกภาพหรือความเป็นหนึ่งเดียวในเรื่องของพระนามอันงดงาม และคุณลักษณะอันสูงส่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตามที่ถูกระบุไว้ในอัลกุรอาน และอัลหะดีษที่มีสายรายงานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้เท่านั้น 

          โดยเราจะต้องไม่มีการเบี่ยงเบนในความหมาย ไม่มีการตีความเอาเอง ไม่มีการปฏิเสธใดๆต่อพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ และต้องไม่นำไปเปรียบเทียบกับลักษณะของมัคลูก็อต หรือสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาด้วย ถือเป็นพระนามและคุณลักษณะอันสมบูรณ์ทุกประการ โดยไม่มีข้อบกพร่องใดๆทั้งสิ้น 

          การทำให้พระนามอันงดงามและคุณลักษณะอันสูงส่งของพระองค์มีความคล้ายคลึง หรือเสมือนกับทุกๆสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างนั้นถือเป็นการตั้งภาคีอย่างหนึ่ง และเป็นความผิดที่ร้ายแรงถึงขั้นที่สามารถทำให้ผู้กระทำมีสถานะของการเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ หรือจะนำพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ไปเบี่ยงเบนความหมาย หรือนำไปตีความเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด จะปฏิเสธ จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ มีผลเสียต่อหลักอะกีดะฮฺทั้งสิ้น

 

         ดังนั้น การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้นจะต้องครบองค์ประกอบทั้งสี่ประการ จะต้องครบทุกองค์ประกอบ ทุกองค์ประกอบและทุกๆรายละเอียดมีความสำคัญเท่ากันหมด จะต้องมีหลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้องติดตัวเราอยู่ตลอดเวลา จะขาดองค์ประกอบเรื่องหนึ่งเรื่องใดไม่ได้ เพราะถ้าขาดองค์ประกอบเรื่องใดไปแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตาม จะมีผลทำให้บุคคลคนนั้นมีสถานะของผู้ปฏิเสธศรัทธา ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่สุด

 

         ด้วยเหตุนี้ จะต้องไม่นำเสนอในเรื่องหลักอะกีดะฮฺที่ผิดพลาดที่ถูกบิดเบือน ไม่นำมาเผยแผ่ ไม่นำมาบอกกล่าวสั่งสอนผู้คน เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ผู้คนเข้าใจผิด นำผู้คนไปสู่หลักอะกีดะฮฺที่หลงผิด หากเรื่องของหลักอะกีดะฮฺที่หลงผิดถูกนำเสนอสู่สาธารณะ ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่คนที่มีความรู้ในสังคมต้องออกมาแก้ไข ออกมาชี้แจง เป็นการตักเตือนกัน ไม่ใช่การทะเลาะกัน 

     ♦ เป็นการตักเตือนกันเพื่อให้ผู้คนกลับมาสู่หลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง...

     ♦ ตักเตือนผู้คนเพื่อให้รักษากิตาบุลลอฮฺของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้คงความบริสุทธิ์ ไม่ถูกดัดแปลง ไม่ถูกแก้ไข ไม่ถูกบิดเบือน ...

     ♦ ตักเตือนเพื่อให้ผู้รู้นำสิ่งที่ถูกต้องมาเผยแผ่ มาปฏิบัติใช้ ...

     ♦ ตักเตือนเพื่อให้คนทั่วๆไปได้รู้ ได้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง...

     ♦ เป็นการตักเตือนกัน เพื่อเป็นการกำชับกันไปสู่ความดี ห้ามปรามกันไปสู่ความชั่ว หรือสิ่งที่หลงผิดตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำชับไว้ในอัลกุรอาน

 

           ขอให้เรา ได้มีความระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะมีกลุ่มหลงผิดต่างๆมากมายหลายกลุ่มที่เกิดขึ้น เพราะมีความเข้าใจในเตาฮีดเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง และหมั่นหาความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่หลงไปสู่แนวความคิดที่มีหลักอะกีดะฮฺที่เบี่ยงเบนไปจากหลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ประทานบะเราะกะฮฺ ความจำเริญ ความเมตตาแก่เรา ขอพระองค์โปรดอภัยโทษในความผิดต่างๆของเรา โปรดให้เราเป็นผู้ที่มอบเตาฮีดทั้งหมดแด่พระองค์ในทุกๆเรื่อง ขอให้เราได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักอะกีดะฮฺอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตนอย่างดีงามเพื่อจะได้ดำรงตนให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง และห่างไกลจากแนวทางที่หลงผิด ขอให้เราได้ศรัทธาและยึดมั่นในหลักการศาสนาของพระองค์อย่างเหนียวแน่น อย่างมั่นคง และเสียชีวิตในสภาพที่นอบน้อมยอมจำนนต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง

 

 

สาระสาสน์จากมัสยิดดารุ้ลอิห์ซาน