ลูกใคร ใครก็รัก
  จำนวนคนเข้าชม  4015


ลูกใคร ใครก็รัก

 

โดย อาจารย์มุฮัมมัด กาสุรงค์

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ผมขอเตือนตัวเอง และท่านพี่น้องทั้งหลายให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺให้มากๆ เพราะการยำเกรงต่ออัลลอฮฺนั้นเป็นหนทางที่จะทำให้เรามีความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

 

ตอนที่ 1 อยากให้ลูกเป็นคนดี

 

          ผมเป็นบุคคลหนึ่งที่อยู่ในสถานะที่เป็นพ่อ ผมเชื่อเหลือกเกินว่าพ่อแม่ทุกคนนั้น มีความรักต่อบรรดาลูกๆ ของตัวเอง เพราะตอนที่ลูกยังเยาว์วัยก็ดูน่ารักดี ลูกทำอะไรได้พ่อแม่ก็ดีใจ ลูกหัดเดิน หัดพูดได้ พ่อแม่ก็ปลื้มใจ เมื่อลูกโตขึ้นมาอายุได้สามสี่ปี พ่อแม่ก็พาลูกไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล หรือศูนย์เด็กเล็ก ถ้าเป็นลูกหลานเด็กมุสลิมก็จะพาไปส่งที่โรงเรียนสอนศาสนาเพื่อให้ลูกได้เรียนอัลกุรอาน ได้เรียนศาสนา ลูกจะได้เป็นคนดี ผมเชื่อเหลือเกินว่า พ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกเป็นคนดี และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ทุกคนที่จะต้องดูแลอบรมให้ลูกเป็นคนดี 

ดังที่พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

 

โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้า และครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก

(อัตตะฮฺรีม 66 : 6)

 

          เมื่อลูกโตขึ้นมาอายุได้สิบกว่าปี เรียนหนังสืออยู่ชั้น .5 หรือ .6 ลูกตั้งใจเรียนหนังสือ ผลการเรียนของลูกออกมาดี พ่อแม่ก็ดีใจที่เห็นลูกเป็นคนดี เรียนหนังสือเก่ง ลูกมีแววว่าจะไปได้ดี พ่อแม่ก็เริ่มมีความหวัง มีความฝันอยากให้ลูกได้เรียนสูงๆ อยากให้ลูกได้เรียนดีๆ ความฝันของพ่อแม่ที่มีต่อลูกก็บรรเจิดออกมามากมาย ดังที่พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

 

     “ทรัพย์สมบัติและลูกหลาน คือ เครื่องประดับแห่งการดำรงชีวิตในโลกนี้ และความดีทั้งหลายที่จีรังนั้น เป็นการตอบแทนที่ดียิ่ง ที่พระเจ้าของเจ้าและเป็นความหวังที่ดียิ่ง

(อัลกะฮฺฟิ 18 : 46)

 

          บางคนเมื่อลูกอ่านอัลกุรอานได้ ละหมาดเป็น พ่อแม่ก็ดีใจ พ่อแม่ตัดสินใจไปพบครูสอนศาสนาที่โรงเรียน บอกกับครูว่าให้ช่วยสอนลูก ให้อ่านอัลกุรอานจนจบเล่มก่อนที่ลูกจะจบ .6 เมื่อลูกจบ .6 แล้วจะให้ลูกต่อ .1 ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงลูกคงไม่ได้มาเรียนอัลกุรอานแล้ว เรียนศาสนาเอาเท่านี้ก็พอแล้ว อ่านอัลกุรอานได้ ละหมาดเป็น พ่อแม่ไม่เคยคิดเลยว่า ละหมาดอ่านอัลกุรอานนั้น ต้องทำเป็นประจำทุกวันตลอดชีวิต

 

          เมื่อลูกเรียนจบประถม พ่อแม่ก็ส่งลูกให้เรียนต่อมัธยม เพื่อสานฝันให้เป็นความจริง หลายคน ความฝันของเขายังดูสดใสอยู่ เพราะลูกตั้งใจเรียน ผลการเรียนก็เป็นที่น่าพอใจของพ่อแม่ แต่ก็มีพ่อแม่อีกไม่น้อยที่ต้องผิดหวังกับลูกของตัวเอง เมื่อลูกที่เรียนอยู่ชั้น .2 .3 ไม่ตั้งใจเรียน ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ หันไปเชื่อเพื่อนตั้งกลุ่มตั้งแก๊งค์ มีกิจกรรมที่เป็นของวัยรุ่น บิดรถมอเตอร์ไซค์เที่ยวเตร่หลังเลิกเรียน สูบบุหรี่ลองยา จีบสาว สร้างความหนักใจให้พ่อแม่ ด้วยความรักของพ่อแม่จึงตัดสินใจว่าเมื่อลูกจบ .3 แล้วจะส่งลูกไปเรียนศาสนา 

          อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่พ่อแม่ ยังนึกถึงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นึกถึงศาสนา ที่พูดมานี้ไม่ได้หมายความว่า เด็กที่มาเรียนศาสนานั้นจะต้องเกมาก่อนทั้งหมด ยังมีเด็กอีกไม่น้อยที่เขาเหล่านั้น ตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อโตขึ้นจะเรียนศาสนา บางคนพ่อแม่ก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะให้ลูกเรียนศาสนา เพราะอยากให้ลูกมีความรู้ มีความเข้าใจเรื่องของศาสนา ลูกจะได้ปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ ลูกจะได้เป็นคนดี พ่อแม่จะได้สบาย ตายไปแล้วลูกขอดุอาอฺให้ได้

 

          เมื่อลูกเรียนจบมัธยมตอนต้น พ่อแม่ก็ส่งลูกให้เรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลาย ตอนนี้ลูกไม่ได้เรียนอัลกุรอาน ไม่ได้เรียนศาสนาแล้ว เพราะลูกโตแล้ว อัลกุรอานก็อ่านจบเล่มแล้ว ละหมาดก็ทำเป็นแล้วเรียนสามัญก็การบ้านเยอะ แล้วยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย ด้วยความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก อยากให้ลูกสบาย กลัวลูกจะลำบากจะบอกให้ลูกละหมาดก็ไม่กล้า

 

          เมื่อลูกเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย พ่อแม่ก็ส่งลูกให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เมื่อลูกได้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย พ่อแม่ก็ดีใจ ความฝันใกล้ที่จะเป็นความจริง ลูกอยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ ลูกขอเงินเท่าไรพ่อแม่ก็พยายามหามาให้ได้ พ่อแม่ลืมความเหน็ดเหนื่อย ด้วยความหวังอยากให้ลูกเรียนหนังสือ เมื่อลูกเรียนสำเร็จจบมาแล้วจะได้ทำงานดีๆ มีเงินเดือนมากๆ หรือไม่ก็อยากให้ลูกได้รับราชการ พ่อแม่จะได้สบาย เมื่อพ่อแม่เจ็บป่วยก็จะได้รักษาฟรี พ่อแม่ ไม่เคยสนใจเลยว่าลูกได้ละหมาดหรือเปล่า ? เรื่องศาสนาลูกเป็นอย่างไรบ้าง

พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

 

     “แท้จริง ทรัพย์สมบัติของพวกเจ้า และลูกหลานของพวกเจ้านั้น ล้วนเป็นฟิตนะฮฺ (สิ่งทดสอบ) และ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้น มีรางวัลอันยิ่งใหญ่ พระองค์

     ดังนั้น พวกเจ้าทั้งหลาย จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เท่าที่พวกเจ้าจะสามารถเถิด และจงเชื่อฟังและจงปฏิบัติตามพระองค์เถิด

(อัตตะฆอบุน 64 : 15-16)

 

          วันที่ลูกได้รับความสำเร็จ วันที่ลูกได้รับปริญญา พ่อแม่ก็ดีใจ ญาติพี่น้องก็ดีใจ เมื่อใกล้จะถึงวันที่ลูกไปรับปริญญาพ่อแม่ก็ตื่นเต้นคิดสับสนวุ่นวาย จะแต่งตัวชุดไหนดี จะให้ลูกไปแต่งหน้า ทำผมที่ร้านไหนดี จะซื้ออะไรให้เป็นรางวัลแก่ลูกดี พ่อแม่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ด้วยความดีใจ ปลื้มใจในตัวลูก ที่ลูกเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนจนได้รับความสำเร็จ เป็นเกียรติกับพ่อแม่และวงศ์ตระกูล เมื่อลูกได้ทำงานหรือรับราชการพ่อแม่ก็ดีใจ

 

          เงินเดือน เดือนแรกที่ลูกได้รับ ลูกรู้สึกดีใจมากนำเงินก้อนนั้นมาแนบกับอก กอดเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจ คิดอยู่ในใจว่าวันนี้ลูกทำได้สำเร็จแล้ว ทันใดนั้น ลูกก็นึกถึงพ่อแม่ขึ้นมาลูกตั้งใจว่าจะต้องแบ่งเงินจำนวนหนึ่งให้พ่อแม่บ้าง เพราะพ่อแม่ก็ลำบากกับลูกมากพอแล้ว วันนี้อยากให้พ่อแม่ได้สบายบ้าง ลูกจึงนำเงินจำนวนหนึ่งไปให้พ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ได้รับเงินจากลูก พ่อแม่กำเงินไว้ในมือ แล้วโอบกอดลูกด้วยความดีใจ น้ำตาอุ่นๆ แห่งความดีใจก็ไหลออกมาหยดลงบนไหล่ลูก

 

          หลังจากนั้นได้ไม่นาน พ่อแม่ก็ต้องไปญาติดีกับโรงพยาบาล (ดุอาอฺของพ่อแม่ถูกรับแล้ว) พ่อแม่เริ่มมีสุขภาพไม่ดี มีโรคประจำตัว เจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นประจำ พ่อแม่คิดว่านี่ดีนะที่เราส่งลูกเรียนจนลูกได้รับราชการ พ่อแม่เข้าโรงพยาบาลก็เบิกได้ รักษาฟรี นี่ถ้าต้องเสียเงินจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ถึงวันนี้พ่อแม่ยังไม่เคยคิดเลยว่าลูกเป็นอย่างไร ? ปฏิบัติศาสนกิจหรือเปล่า ? ละหมาดหรือเปล่า ? พ่อแม่ยังหลงใหลอยู่กับดุนยา ยังไม่เคยคิดถึงความตายยังจมอยู่กับทรัพย์สินเงินทอง

     ดังที่พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

 

     “การอวดมั่งมีของพวกเจ้าได้ทำให้พวกเจ้าหลง จากหนทางภักดีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไปจนกระทั่งสูเจ้าตาย และถูกฝังในสุสาน

(อัตตะกาซุร 102 : 1-2)

 

          ท่านพี่น้องผู้มีอีมานศรัทธาแล้วทั้งหลาย การที่เราหวังอยากจะให้ลูกเรียนสูงๆ อยากให้ลูกทำงานดีๆ มีหน้าที่การงานที่ดี มีเกียรติในสังคม บางคนอยากให้ลูกเป็นหมอ ตำรวจ ทหาร หรือ นั่นไม่ใช่ความผิด แต่เราอย่าลืมหวังให้ลูกเป็นคนดีของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นคนดีตามหลักการของศาสนาอิสลาม อย่าลืมให้ลูกเป็นผู้ที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพราะพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างมนุษย์มานั้น เพื่อให้เคารพภักดีต่อพระองค์ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า

 

และข้ามิได้บังเกิดญิน และมนุษย์มาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อให้พวกเขาเคารพภักดีต่อข้า

(อัซซาริย๊าต 51 : 56)

     และพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ให้แนวทางในการดำเนินชีวิตในโลกดุนยานี้ว่า

 

และจงแสวงหาสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานแก่เจ้าเพื่อปรโลก

และอย่าลืมส่วนของเจ้าแห่งโลกนี้

(อัลกอศ็อศ 28 : 77)

 

          จากอายะฮฺนี้เราจะเห็นได้ว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ให้ความสำคัญในการทำความดี ในการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นอันดับแรก ส่วนการประกอบอาชีพ หรือหน้าที่การงานต่างๆ ที่เป็นเรื่องของโลกดุนยานี้ เป็นเรื่องที่สำคัญรองลงมา และท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ให้ปรัชญาของโลกดุนยาเอาไว้ว่า

 

     “ใครก็ตามที่ชีวิตของเขา หมู่คณะของเขา ทรัพย์สินของเขาได้รับความปลอดภัยมีสุขภาพที่ดีไม่มีโรคร้าย และมีอาหารกินไปวันๆ โลกดุนยานี้ก็เป็นของเขาแล้ว

(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

 

          ท่านพี่น้องผู้มีอีมานศรัทธาทั้งหลาย คนที่กินได้นอนหลับ กับคนที่มีเงินทองมากมายแต่กินไม่ได้นอนไม่หลับใครจะมีความสุขมากกว่า !

          ฉะนั้น มุสลิมนั้น จะต้องดำเนินชีวิตในสายกลาง ต้องเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในขณะเดียวกันก็จะต้องประกอบอาชีพด้วย มุสลิมจะมุ่งหวังแต่โลกหน้าทำอิบาดะฮฺแด่พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพียงอย่างเดียวโดยไม่ประกอบอาชีพก็ไม่ได้ หรือจะเอาแต่โลกนี้เพียงอย่างเดียว ประกอบอาชีพทำมาหากินจนลืมอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็ไม่ได้ เราต้องพยายามให้การดำเนินชีวิตของเราและลูกหลานของเรานั้นมีทั้งสองอย่างควบคู่กันไป เพื่อที่เราจะได้มีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

 

ตอนที่ 2 โรงเรียนสอนศาสนา

 

          อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่บ้านเรา เมืองเรา มีโรงเรียนสอนศาสนามากมาย มีให้เลือกหลายแบบใครชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ แต่ในมุมมองที่อยากจะกล่าวถึงนั้น ผมได้แบ่งโรงเรียนสอนศาสนาออกเป็นสองประเภท คือ

 

1. โรงเรียนที่มีการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียน

2. โรงเรียนที่รับเด็กนักเรียนทุกประเภท

 

          โรงเรียนที่มีการคัดเลือกเด็กนักเรียนนั้น จะรับเฉพาะเด็กที่ตั้งใจเรียน มีความรู้ในเรื่องศาสนาอยู่บ้าง สามารถอ่านอัลกุรอานได้ และจะต้องไม่ติดยาเสพติด ไม่มีประวัติที่ไม่ดี พูดง่ายๆ ว่าจะต้องเป็นเด็กดี เมื่อเด็กทุกคนเป็นเด็กดี สังคมในโรงเรียนก็เป็นสังคมที่ดี เพื่อนฝูงทุกคนก็เป็นคนดี

 

          ส่วนโรงเรียนที่รับเด็กนักเรียนทุกประเภทจะเป็นเด็กดีหรือไม่ดี เด็กที่อ่านหนังสือได้หรือไม่ได้ เด็กที่มีไอคิวสูงหรือไอคิวต่ำ รับหมด โรงเรียนแบบนี้ผมก็ว่าดี เพราะผมเชื่อว่าสังคมของเด็กๆ ที่อยู่ในโรงเรียนแบบนี้จะเป็นสังคมที่หลากหลาย เป็นสังคมที่มีสีสัน เป็นสังคมที่ใกล้เคียงกับสังคมภายนอก เมื่อเด็กเหล่านี้สำเร็จออกมาแล้ว ก็จะได้มาใช้ชีวิตในสังคมบ้านเราได้อย่างสบาย สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้เป็นอย่างดี รู้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี อะไรเป็นเรื่องที่ศาสนาอนุมัติ อะไรเป็นเรื่องที่ศาสนาห้าม

 

          แต่ในความหลากหลายของนักเรียนเหล่านี้ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาเหล่านั้น จะอยู่ร่วมกันโดยไม่มีปัญหา ฉะนั้น ผมเชื่อเหลือเกินว่า โรงเรียนประเภทนี้จะได้รับความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้นั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง ครู ผู้บริหาร

          นักเรียนก็ต้องเข้าใจว่าวันนี้เราได้มาอยู่ในโรงเรียน เป็นสังคมใหม่ที่มีกฎระเบียบ เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน เราจะทำตัวตามใจเหมือนอยู่ที่บ้านไม่ได้ ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนฝูงให้ได้ จะเอาแต่ใจตัวเอง เอาความคิดของตัวเองเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ จะแบ่งพวกแบ่งกลุ่ม จะมองว่าพวกนั้นเด็กดี พวกนี้เด็กไม่ดีไม่ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่จะทำให้เกิดปัญหาทั้งสิ้น 

          เด็กที่มาเรียนด้วยความตั้งใจ ก็ต้องคิดว่าเราโชคดีที่ได้มีโอกาสมาเจอเพื่อนที่เขามีความคิดที่ตรงข้ามกับเรา เป็นเด็กที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เราจะได้แชร์ประสบการณ์กัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เด็กที่มีไอคิวสูงเรียนเก่ง เรียนดี ก็ต้องเห็นใจเพื่อน ต้องช่วยเหลือเพื่อนที่มีไอคิวต่ำกว่า เรียนไม่เก่ง ไม่เข้าใจ เด็กที่ไม่อยากมาเรียนแต่ก็ต้องมาเพราะถูกพ่อแม่บังคับให้มาก็ขอให้รับรู้ว่า นั่นเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่พ่อแม่มีให้กับลูก อินชาอัลลอฮฺ วันหนึ่งลูกจะเข้าใจ 

          ดังนั้น นักเรียนทุกคนที่มีโอกาสมาเรียนศาสนานั้น ขอให้ทุกคนภูมิใจเถิด เพราะเรากำลังเดินทางไปสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเราทุกคน ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

ผู้ใดออกเดินทางไปศึกษาหาความรู้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงให้ทางสะดวกแก่เขาเข้าสวรรค์

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม และอัตติรมิซีย์)

 

          ผู้ปกครองก็ต้องเข้าใจว่า โรงเรียนที่มีเด็กหลากหลาย มีทั้งเด็กที่ดีและไม่ดี มีทั้งเด็กที่ตั้งใจเรียน และไม่ตั้งใจเรียน มันคงเป็นไปได้ยากที่ทางโรงเรียนจะทำให้เด็กที่ไม่ดีนั้น เปลี่ยนมาเป็นเด็กที่ดีได้ในชั่วข้ามคืน ทุกอย่างมันต้องค่อยๆ แก้ไขปรับปรุง ต้องใช้เวลา ผมเชื่อเหลือเกินว่าทางโรงเรียนก็คงไม่ปล่อยให้เด็กที่ไม่ดีมาชักนำเด็ก ที่ดีๆ ไปในหนทางที่ไม่ดี ดังนั้น เมื่อผู้ปกครองเห็นหรือทราบข่าวสิ่งที่ไม่ดี ก็ควรที่จะบอกให้ทางโรงเรียนทราบ ทางโรงเรียนจะได้ปรับปรุงแก้ไข หรือหาทางป้องกัน เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องหันหน้าเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้

 

          ผู้ปกครองหลายท่านที่นำลูกมาส่งเรียนศาสนา มีความคาดหวังในตัวลูกสูง บางคนคาดหวังอยากให้ลูกอ่านอัลกุรอานไพเราะ จะได้เป็นอิมาม อยากให้ลูกได้เรียนต่อเมืองนอก ลูกกลับมาจะได้เป็นอาจารย์ไม่ผิดหรอกที่คาดหวังเช่นนั้น แต่อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับกำหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทั้งสิ้น

          ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้แล้วจะมาโทษทางโรงเรียนว่า ทำไมลูกฉันไม่ได้ไปเรียนต่อเมืองนอก ทำไมลูกฉันถึงเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ทางโรงเรียนมีความต้องการที่จะให้นักเรียนทุกคนเป็นคนดี ให้นักเรียนทุกคนสมหวังตามที่ได้ตั้งใจไว้ ฉะนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นกำหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อินชาอัลลอฮฺ อาจจะได้รับในสิ่งที่ดีกว่านี้ก็ได้

 

          ครูเป็นบุคคลที่สังคมยกย่องว่าเป็นพ่อพิมพ์ แม่พิมพ์ที่จะคอยหล่อหลอมเยาวชนให้เติบโตมาเป็นคนดีของสังคม ทุกคนฝากความหวังไว้กับครู ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ครูสอนศาสนาในโรงเรียนที่รับเด็กนักเรียนทุกประเภทจะสอนให้เด็กๆ เหล่านั้นเป็นคนดี เราอย่าลืมว่าโรงเรียนประเภทนี้เป็นโรงเรียนที่มีความหลากหลายมีสีสันมากมาย

           ด้วยสีต่างๆ ที่มากมายนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะผสมแล้วระบายออกมาให้เป็นภาพที่สวยงามในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น กว่าที่เราจะให้เด็กๆ และเยาวชนเหล่านี้เป็นคนดีได้นั้น เราต้องใช้เวลาหลายปี และที่สำคัญยิ่งครูสอนศาสนานั้นจะได้รับความสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างไม่ใช่เวลาเพียงอย่างเดียว 

 

          อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าครูสอนศาสนานั้นสามารถไปสู่ผลสำเร็จได้ เพราะเชื่อว่าครูสอนศาสนาทุกคนนั้น มาสอนด้วยใจที่เต็มไปด้วยความเสียสละ อยากให้เยาวชนเป็นคนดี อยากเห็นสังคมมุสลิมเป็นสังคมที่เข้มแข็ง และที่สำคัญยิ่ง คือ หวังผลตอบแทนจากพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ส่วนค่าตอบแทนในโลกดุนยานี้เป็นเรื่องรองลงมา เมื่อครูสอนศาสนามีใจให้แล้ว องค์ประกอบอื่น ก็คือ ครูสอนศาสนานั้นจะต้องมีความอดทน 

          เราอย่าลืมว่าลูกศิษย์ของเรานั้น มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งตั้งใจเรียน ไม่ตั้งใจเรียน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราจะผ่านพ้นไปได้นั้น ต้องอาศัยความอดทน ต้องพยายามทำใจให้เป็นกลาง อย่าคิดตำหนิ เด็กที่ไม่ดี หรือไปรังเกียจเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน อย่าชื่นชมเด็กเรียนดีจนทำให้เด็กมีความรู้สึกแบ่งแยก ขอให้ครูคิดว่าลูกศิษย์ของเราทุกคนเป็นบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคม ที่คอยแต่งแต้มสังคมให้มีสีสัน มีรสชาติที่หลากหลาย

          เราจะทำอย่างไรให้เขาเหล่านั้นเห็นคุณค่าของตัวเอง ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีๆ ให้ลูกศิษย์เห็นก่อน อินชาอัลลอฮฺ แล้วลูกศิษย์ก็จะนำเอาไปปฏิบัติตาม ขอให้ครูรักเด็กนักเรียน ทุกๆ คน อย่างเท่าเทียมกัน อินชาอัลลอฮฺ แล้วครูจะได้รับความรักจากเด็กนักเรียนทุกคน

 

          สรุปว่า โรงเรียนสอนศาสนาจะมีคุณภาพ จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย จะต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ผู้ปกครองและผู้มีจิตศรัทธาถือเป็นกำลังสำคัญยิ่งที่ช่วยผลักดันให้โรงเรียนสอนศาสนาเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง และมีประสิทธิภาพ เพื่อลูกหลานและเยาวชนมุสลิม

          เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านได้บริจาคไปในหนทางของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เปรียบเสมือนท่านกำลังให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ยืม อินชาอัลลอฮฺ ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะตอบแทนให้อย่างมากมายมหาศาล พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

 

     “มีใครบ้างไหมที่จะให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงยืมหนี้ที่ดี แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มพูนหนี้ให้แก่เขามากมายหลายเท่า และอัลลอฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้น ทรงกำไว้และแบออก และข้าพระองค์เท่านั้น พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป

(อัลบะกอเราะฮฺ 2 : 245)

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสอีกว่า

 

     “อุปมาบรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขาในหนทางของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้น อุปไมยดั่งเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่งที่งอกขึ้นเป็นเจ็ดรวง ซึ่งในแต่ละรวงนั้นมีร้อยเมล็ด

     และอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้น จะทรงเพิ่มพูนแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์อีก และอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นผู้ทรงกว้างขวา ผู้ทรงรอบรู้

(อัลบะกอเราะฮฺ 2 : 261)

 

          ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะคิดว่าตอนนี้ฉันยังลำบากอยู่ ลูกก็ต้องใช้จ่ายเงินอีกมาก ฉันยังไม่รวยเอาไว้ให้ฉันรวยก่อน แล้วจะบริจาคให้มากๆ เลย การบริจาคตอนที่เรายังลำบากยังไม่ร่ำรวยจะทำให้เราได้รับผลบุญอย่างมากมายมหาศาล

ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

การบริจาคที่ประเสริฐที่สุด คือ การบริจาคของคนยากจน ที่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจให้แก่คนยากจนลับๆ

(บันทึกโดย อบูดาวูด)

 

          และการบริจาคนั้นจะช่วยเราในวันที่เราจะจากโลกนี้ไป ให้เรานั้นตายจากโลกนี้ไปอย่างสบายไม่ต้องตายแบบทรมาน และจะช่วยลบล้างความกริ้วโกรธจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในโลกหน้า

ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

การบริจาคนั้น จะช่วยลบล้างความกริ้วโกรธของพระผู้เป็นเจ้า และจะช่วยป้องกันการตายในสภาพที่ไม่ดี

(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

 

          ท่านผู้มีอีมานศรัทธาทั้งหลาย องค์กรศาสนา โรงเรียนสอนศาสนานั้น พร้อมที่จะรับการช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธา เพื่อที่จะได้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมาร่วมมือร่วมใจกันบรรจงสรรสร้างลูกหลาน และเยาวชนมุสลิมให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีตามหลักการของศาสนาอิสลาม ลูกใคร... ใครก็รัก

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 28 มกราคม 2555