จงเดินทางไปบนหน้าแผ่นดิน
  จำนวนคนเข้าชม  6922


จงเดินทางไปบนหน้าแผ่นดิน

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

         ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราให้ได้ โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยพยายามทำให้สุดความสามารถของเรา และในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย

 

     ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอันกะบูต อายะฮฺที่ 20 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

قُلْ سِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَانظُرُوا كَيْفَ بَدَأَ الْخَلْقَ ۚ ثُمَّ اللَّهُ يُنشِئُ النَّشْأَةَ الْآخِرَةَ ۚ إِنَّ اللَّهَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ

 

     “(มุฮัมมัด)จงประกาศออกไปเถิดว่า ท่านทั้งหลายจงเดินทางไปบนหน้าแผ่นดิน แล้วมองดู... แล้วพินิจพิจารณาดูสิว่า พระองค์ทรงเริ่มสร้าง(สรรพสิ่งต่างๆ)บนหน้าแผ่นดินนี้อย่างไร แล้วอัลลอฮฺ จะทรงทำให้มันเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งในวันอาคิเราะฮฺ แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

 

          อายะฮฺนี้ ไม่ใช่อายะฮฺที่ว่าด้วยเรื่องของการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยว ..แต่ตัฟซีรโดยนักมุฟัสสิรีนอธิบายว่า พวกกุฟฟารในสมัยท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ปฏิเสธการเป็นนบี ปฏิเสธการเป็นเราะซูลของท่านนบี แล้วก็ปฏิเสธบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบีด้วย 

       พวกเขาทำการเย้ยหยันคำสอนของท่านนบี พอท่านนบีบอกว่า ใครที่ละเมิด ฝ่าฝืนดื้อดึงต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในวันอาคิเราะฮฺ หรือก็คือวันกิยามะฮฺ (ความหมายของกิยามะฮฺ ก็คือฟื้นคืนชีพ ความหมายของอาคิเราะฮฺก็คือ สุดท้าย เป็นวันเดียวกัน แต่เรียกคนละชื่อ คือเป็นวันสุดท้ายและเป็นวันที่ทุกคนต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมา)..ในวันอาคิเราะฮฺ พวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อถูกสอบสวน และได้รับการลงโทษในสิ่งที่พวกเขาได้ละเมิดฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..เมื่อพวกกุฟฟารได้ฟังอย่างนั้น พวกเขาก็พูดจาเย้ยหยัน

ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 82 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเล่าว่า

 

أَإِذَا مِتْنَا وَكُنَّا تُرَابًا وَعِظَامًا أَإِنَّا لَمَبْعُوثُونَ

 

     “พวกเขาเย้ยหยันว่า ถ้าหากว่าเราตายไปแล้ว กลายเป็นดินไปแล้ว กระดูกหลุดรุ่ยไปหมดแล้ว เราจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกอย่างนั้นหรือ ?”

 

       นักมุฟัสสิรีนอธิบายว่า พวกกุฟฟาร พวกมุชริกีน พวกอะฮฺลุลกิตาบ ปฏิเสธเรื่องของการฟื้นคืนชีพในวันอาคิเราะฮฺ พวกเขาไม่เชื่อว่าวันอาคิเราะฮฺจะมีจริง ไม่เชื่อเรื่องของการฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันอาคิเราะฮฺ พวกเขาบอกว่า คนเราเมื่อตายไปแล้ว เนื้อหนังมังสาก็หลุดรุ่ยออกจากกระดูก ย่อยสลายกลายเป็นดินไปหมดแล้ว จะกลับมาฟื้น จะกลับมามีชีวิตอีกได้อย่างไร ? มันเป็นไปไม่ได้หรอก

 

        ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จึงได้ทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัมประกาศแก่พวกกุฟฟาร พวกมุชริกีน พวกอะฮฺลุลกิตาบ พวกที่ปฏิเสธคำสั่งของพระองค์ พวกที่ไม่เชื่อในบทบัญญัติของพระองค์ว่า ให้พวกเขาเดินทางไปบนหน้าแผ่นดิน แล้วก็มองดู แล้วก็ใช้สติปัญญาของพวกเขาพินิจพิจารณาไตร่ตรองดูสิว่า สรรพสิ่งต่างๆบนโลกนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? มันเกิดขึ้นมาเองหรือ

 

        ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ทะเลทรายกว้างสุดลูกหูลูกตา ภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน ต้นไม้นานาพันธุ์ สัตว์หลากหลายชนิด เยอะแยะมากมายก่ายกอง แม่น้ำลำธาร เมฆ ลม ฝน มันเกิดขึ้นมาอย่างไร ใครเป็นผู้สร้างมัน ใครเป็นผู้ทำให้มันเกิดขึ้นมา...ซึ่งเราจะพบว่า ไม่เคยมีใครที่มีสติปัญญาสัมปชัญญะสักคนเดียวอ้างว่า เขาเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งต่างๆเหล่านี้ จะมีก็แต่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียวเท่านั้น ที่ทรงประกาศไว้ในอัลกุรอานว่า พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งต่างๆ ทั้งมวลเหล่านี้ สร้างจากที่ไม่เคยมีอะไรมาก่อนเลย สร้างจากความว่างเปล่า بَدَأَ الْخَلْقَ สร้างขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อทรงสร้างแล้ว พระองค์ก็ทรงบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันมีการจบสิ้น มีการดับสูญ มีการสูญสลาย

 

ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัรเราะหฺมาน อายะฮฺที่ 26 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

كُلُّ مَنْ عَلَيْهَا فَانٍ 

ทุก สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินย่อมจบสิ้นสูญสลาย

 

         เกิดมาแล้วก็ตายไป คนนั้นเกิด คนนี้ตาย สิงสาราสัตว์เกิดมาแล้วก็ตาย ข้าวของเครื่องใช้ไม้สอย สร้างมันมา ใช้ไปๆ วันหนึ่งมันก็พัง ทุกๆสิ่งมีการดับสลาย คนเราก็เหมือนกัน เมื่อตายไปแล้ว เนื้อหนังมังสาเปื่อยยุ่ย กระดูกผุกร่อนย่อยสลายกลายเป็นผุยผง แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่ได้หายไปไหน มันยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนสภาพ เมื่อถึงเวลาที่พระองค์ทรงกำหนด พระองค์ก็ทรงบอกว่า พระองค์จะทรงทำให้มันฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งในวันอาคิเราะฮฺ ทั้งคนทั้งสัตว์ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาทั้งหมด แต่สำหรับมนุษย์เรานั้น ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อถูกสอบสวนในทุกสิ่งที่เขาได้ประพฤติปฏิบัติไว้บนโลกดุนยา นี่ก็คือระบบแห่งความยุติธรรมของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ทุกคนต้องได้รับการตอบแทนจากการกระทำของตัวเอง 

 

     ...ก่อนที่เราจะตายจากโลกนี้ไป เราทำอะไรไว้บ้าง บัญชีของคนเราจะจบลงที่วันตายว่าเขาตายอย่างไร ถ้าหากเขาทำความชั่วมา ก่อนตายเขาก็ยังทำความชั่ว บัญชีของเขาก็จะทำให้เขาต้องถูกลงโทษตามสถานะความชั่วที่เขาทำ

     ...แต่ถ้าทำความชั่วมา แต่ว่าเตาบะฮฺกลับเนื้อกลับตัวทัน ปรับปรุงแก้ไขยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง บัญชีของเขาก็คือ เขาเป็นมุอ์มิน

     ...ถ้าเขาทำความดีมาอย่างมากมาย ก่อนตายเขาก็ยังทำความดีอยู่ บัญชีของเขาก็คือมุอ์มิน

     ...แต่ถ้าเขาทำความดีมาอย่างมากมาย แต่ก่อนตาย เขาทำกุฟุร บัญชีของเขาก็เป็นกุฟุร นั่นหมายความว่า ความดีที่เขาทำมาอย่างมากมายนั้น เขาไม่ได้ทำอย่างจริงใจ เขาไม่ได้ทำอย่างอิคลาศต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นแหละ เมื่อถึงวันอาคิเราะฮฺ เขาก็ถูกสอบสวน 

       เขาได้รายงานต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ว่าทำความดีมาอย่างมากมาย แต่พระองค์ทรงบอกว่า ที่เขาทำนั้นน่ะ เขาไม่ได้ทำอย่างอิคลาศ ด้วยเหตุนี้ ความดีที่เขาทำจึงกลายเป็นโมฆะ พระองค์ไม่ทรงตอบรับ เพราะพระองค์จะทรงรับแต่การงานที่ทำอย่างอิคลาศและตรงตามอัซซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่อยู่ในแนวทางของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺเท่านั้น

 

       ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า ทุกๆสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมานั้น สร้างจากที่ไม่เคยมีอะไรมาก่อนเลย พระองค์ยังทรงทำได้ แล้วทำไมพระองค์จะทรงทำให้สิ่งที่เคยมีชีวิต ที่มันตายไปแล้ว มันเน่าเปื่อยไปแล้ว แต่มันไม่ได้สูญหายไปไหน มันแค่เปลี่ยนสภาพไป แล้วพระองค์ทรงทำให้มันฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทำไมพระองค์จะทรงทำไม่ได้ แน่นอน พระองค์ทรงทำได้ เพราะนี่คือเดชานุภาพของพระองค์

 

          สำหรับเดชานุภาพของพระองค์ในเรื่องของท่านนบีอีซาก็เช่นกัน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีอีซาเกิดมาจากท่านหญิงมัรยัม ซึ่งเป็นหญิงพรหมจรรย์ หญิงที่ไม่เคยมีชายคนใดมาสัมผัสตัวเธอมาก่อนเลย นี่คือหลักอะกีดะฮฺของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺที่ว่า ท่านนบีอีซาเกิดมาโดยไม่มีพ่อ เราต้องมีความเชื่อมีความศรัทธาว่า ท่านนบีอีซาเกิดมาโดยไม่มีพ่อ ตามหลักฐานจากอัลกุรอาน ซึ่งในเรื่องนี้พวกยะฮูดปฏิเสธ พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขาบอกว่า คนเราจะเกิดมาไม่มีพ่อได้อย่างไร พวกเขาปฏิเสธ พวกเขาไม่เชื่อในมัวอ์ญิซาตของ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์ก็เลยทรงบอกพวกเขาว่า ไปดูสิว่า ท่านนบีอาดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกเกิดมาได้อย่างไร

 

إِنَّ مَثَلَ عِيسَىٰ عِندَ اللَّهِ كَمَثَلِ آدَمَ ۖ خَلَقَهُ مِن تُرَابٍ ثُمَّ قَالَ لَهُ كُن فَيَكُونُ

 

     “แท้จริง อุปไมย(ท่านนบี)อีซา ที่อัลลอฮฺนั้น อุปมาดั่ง(ท่านนบี)อาดัม (ที่)พระองค์ทรงบังเกิดเขามาจากดิน(ในสภาพที่)พระองค์ตรัสว่า كُن فَيَكُونُ จงเป็นแล้วเขาก็เป็น

(ในซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 59)

 

          ท่านนบีอาดัมจึงเกิดมาไม่มีทั้งพ่อและแม่ แล้วคนก็ยอมรับ แต่นี่ พระองค์ทรงสร้างท่านนบีอีซาให้เกิดมาจากแม่แต่ไม่มีพ่อ ซึ่งมันเป็นการสร้างที่ง่ายกว่า แต่กลับไม่ยอมรับ พอพวกยะฮูดไม่เชื่อก็ไปกล่าวความเท็จแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา กล่าวเท็จว่าท่านนบีอีซาเกิดจากท่านหญิงมัรยัมที่แต่งงานกับช่างไม้ที่ชื่อยูซูฟ นี่คือความคิดความเชื่ออย่างหนึ่งของพวกยะฮูด ซึ่งความเชื่อนี้ พวกก็อดยานีย์ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งของพวกอะฮฺลุลบิดอะฮฺ เขาก็รับมาเชื่อมาศรัทธาด้วย และนำความเชื่อนี้มาเผยแพร่อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ 

         ซึ่งถ้าเราไม่มีความหนักแน่นในเรื่องนี้ ไม่ระวังตัวในเรื่องนี้ ไม่ระมัดระวังลูกหลานของเราในเรื่องนี้ ความเชื่อที่ผิดๆนี้ก็อาจจะเข้ามาแทรกซึมอยู่ในความคิดของเรา หรือลูกหลานของเราได้ ซึ่งความเชื่อนี้ถือเป็นการปฏิเสธมัวอ์ญิซาตของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นการบิดเบือนความหมายของอัลกุรอานอย่างร้ายแรง การที่มุสลิมไปมีความเชื่อว่าท่านนบีอีซามีพ่อ แม้แค่เพียงเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวของอัลกุรอาน ก็ถือเป็นการปฏิเสธอัลกุรอานทั้งเล่ม เท่ากับเป็นการปฏิเสธหลักอีมานในเรื่องของการศรัทธาต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทั้งหมด เป็นผลให้เขามีสภาพมุรตัด หลุดออกจากการเป็นมุสลิม ต้องได้รับการเตาบะฮฺตัวอย่างรวดเร็ว นี่คือหลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้องของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺตามหลักฐานที่ปรากฏ

 

        ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในเมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงให้บรรดากุฟฟารมุชริกีนเดินทางออกไปบนหน้าแผ่นดิน เพื่อให้พวกเขาได้ตระหนักถึงการเกิดขึ้นของวันอาคิเราะฮฺ เพื่อที่พวกเขาจะได้ระลึกได้ว่า วันอาคิเราะฮฺมันเกิดขึ้นได้จริง เพื่อพวกเขาจะได้หวนกลับสู่การเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ 

 

        ..แต่สำหรับเราในฐานะที่เป็นมุสลิม ซึ่งเรามีความเชื่อมีความศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺอยู่แล้ว เมื่อเราได้รับความโปรดปรานให้มีโอกาสเดินทางท่องไปบนหน้าแผ่นดินยังที่ต่างๆ เราอย่าปล่อยให้การเดินทางของเรานั้นมันเปล่าประโยชน์ อย่าให้มันเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ คิดแต่เพียงว่า เรียนมาหนักแล้ว ทำงานมาเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนคลายเครียด ถ้าเราคิดเพียงแค่นี้ เราจะไม่ได้รับผลบุญอะไร 

 

        แต่ให้เราคิดว่า สิ่งต่างๆที่เราพบเห็นจากการเดินทางนั้น มันมาจากความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..มองเห็นภูเขาลูกใหญ่ที่เขียวขจีไปด้วยต้นไม้ เคยเกิดคำถามไหมว่า ต้นไม้เหล่านั้น มันเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร มีคนไปคอยรดน้ำพรวนดินให้มันหรือ ? ก็เปล่า ขนาดต้นไม้ที่เราเพาะเมล็ดพันธุ์ แล้วเราก็คอยรดน้ำพรวนดิน ดูแลมันอย่างดี บางทีมันยังไม่งอกออกมาเลย ..ถ้าเราคิดได้ เราก็จะเกิดสำนึกในเดชานุภาพของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา 

 

         ให้การเดินทางของเราเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ขอบคุณอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในความโปรดปรานต่างๆที่พระองค์ทรงมอบให้เรา รู้สึกถึงความต่ำต้อยของตัวเรา รู้สึกถึงความบกพร่อง ความผิดพลาดของตัวเรา ทำให้เราต้องขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่เสมอ ทุกครั้งที่กลับมาจากการเดินทางท่องไปบนหน้าแผ่นดินก็คือ อีมานความศรัทธาของเราต้องเพิ่มขึ้น ความรู้สึกที่อยากจะปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาต้องเพิ่มขึ้น ความรู้สึกที่อยากจะออกห่างจากคำสั่งห้ามของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาต้องเพิ่มขึ้น นี่ก็คือเป้าหมายสำคัญของการเดินทางท่องไปบนหน้าแผ่นดินของบรรดาผู้ศรัทธา

 

         ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดเพิ่มพูนอัตตักวาให้แก่เราทุกคน ขอให้เราได้เป็นผู้ที่สำนึกในความโปรดปรานของพระองค์ เป็นผู้ที่ขอบคุณพระองค์ เป็นผู้ที่ขออภัยโทษต่อพระองค์อยู่ตลอดเวลา อามีน

 

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

أَمَّنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَأَنزَلَ لَكُم مِّنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَنبَتْنَا بِهِ حَدَائِقَ ذَاتَ بَهْجَةٍ مَّا كَانَ لَكُمْ أَن تُنبِتُوا شَجَرَهَا ۗ أَإِلَٰهٌ مَّعَ اللَّهِ ۚ بَلْ هُمْ قَوْمٌ يَعْدِلُونَ

 

     “หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และประทานน้ำจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้า แล้วเราได้ให้เรือกสวนไร่นาต่างๆงอกเงยขึ้นมาจากน้ำนั้น(โดยมี)ความสวยงาม ..

     พวกเจ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีความสามารถอันใดเลยที่จะทำให้ต้นไม้เหล่านั้นมันงอกเงยขึ้นมาได้(แม้สักต้นเดียว) แล้วจะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกอย่างนั้นหรือเปล่าเลย! แต่พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺต่างหาก

 

(ซูเราะฮฺอันนัมล์ อายะฮฺที่ 60)

 

 

คุฏบะฮ์วันศุกร์ มัสยิดดารุ้ลอิห์ซาน